28 มี.ค. 2020 เวลา 13:06 • กีฬา
เบลารุสลีก : ลีกฟุตบอลเพียงหนึ่งเดียวที่ท้าทายโควิด-19 จนเป็นสวรรค์ของคอบอล
ทุกคืนวันเสาร์มันคือสวรรค์สำหรับคอบอลบ้านเราอย่างแท้จริง เราจะเริ่มจากการดูฟุตบอลไทยลีกช่วงเย็น, ต่อบุนเดสลีก้าช่วงหัวคำ, ซ้ำด้วยพรีเมียร์ลีก และรู้ตัวอีกทีก็ตี 4 เจอกับฟุตบอลสเปน... นี่คือโปรเเกรมฟุตบอลที่เราทุกคนคุ้นชินเป็นอย่างดี
ทว่าค่ำคืนนี้เหลือบมองปฎิทินฟุตบอลช่างเงียบเหงาเสียจริงๆ โดยเฉพาะฟุตบอลยุโรปที่คุ้นเคยนั้นต้องหยุดพักลงแบบไม่มีกำหนดจากเหตุการณ์แพ่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่เล่นงานทุกประเทศแบบไม่มีเลือกข้าง
อย่างไรก็ตามถ้าคุณคิดว่าไม่เหลือฟุตบอลให้ดูแล้ว คุณกำลังคิดผิด เพราะมี 1 เดียวในยุโรปที่ยังหาญกล้าให้แต่ละสโมสรส่งทีมลงเเข่งขันอย่างปกติ แถมยังอนุญาตให้กองเชียร์ เข้ามาได้มากเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่ต้องการ
ยินดีต้อนรับสู่ลีกฟุตบอลของประเทศเบลารุส และเราจะเล่าให้คุณฟังว่าทำไมพวกเขาจึงทำเหมือนโควิดเป็นไข้หวัดธรรมดา และเลือกให้ฟุตบอลต้องมาก่อน?
ถามว่ากลัวไหม?
ตอนนี้มีฟุตบอลลีกทั่วโลกลงแข่งขันอยู่ทั้งหมด 5 ลีก แบ่งเป็นทวีปเอเชีย 2 ลีกคือ เติร์กเมนิสถาน และ เมียนมาร์, แอฟริกา 1 ลีก ได้แก่ บุรุนดี, อเมริกา 1 ลีก ได้แก่ นิคารากัว และลีกที่ใกล้หูใกล้ตาคนไทยที่สุดในชื่อทั้งหมดนี้ก็คือ เบลารุส ลีกที่มีทีมอย่าง บาเต้ โบริซอฟ, ดินาโม มินสก์ หรือดินาโม แบรสต์ ที่ได้เตะในเวทียุโรปทั้งเล็กและใหญ่ทุกๆปี นอกจากนี้ยังมี อเล็กซานเดอร์ เคล็บ อดีตนักเตะของอาร์เซน่อล และบาร์เซโลน่า เป็นตัวชูโรง
Photo : www.transfermarkt.com.tr
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าลีก เบลารุส มีมาตรฐานและการจัดการดีกว่าลีกอื่นๆอีก 4 ลีกอยู่พอสมควร อีกทั้งยังเป็นสมาชิกของยูฟ่า อีกด้วย แต่ทำไมพวกเขาจึงไม่รับลูกเรื่องนโยบายความปลอดภัยจากช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19
แรกเริ่มเดิมทีมีหลายประเทศที่พยายามจะเเข่งขันฟุตบอลลีกต่อไป ที่ยุโรปมีตุรกีและรัสเซีย ที่พยายามจะไปต่อให้ได้ โดยเฉพาะที่รัสเซียนั้นแฟนๆที่นั่นแทบไม่แสดงถึงความกลัว และสนับสนุนให้เเข่งต่อออกไปอีกด้วย
"เราทุกคนติดเชื้อฟุตบอล และเรายอมตายเพื่อเซนิต" นี่คือข้อความบนป้ายผ้าของแฟนๆทีม เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในเกมที่ เซนิต ถล่ม อูราล 7-1 ... และเป็นเกมสุดท้ายก่อนที่ลีกจะประกาศหยุดใหญ่เพราะถึงแม้แฟนบอลจะไม่กลัว แต่นักเตะหรือผู้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันยืนยันว่าจะเอาชีวิตมาเสี่ยงแบบนี้ไม่ได้ และการปิดลีกของ ตุรกี กับ รัสเซีย จึงทำให้เหลือ 1 เดียวในยุโรปที่ไม่กลัวตายจากโควิด นั่น คือ เบลารุส
ถามว่านักเตะในลีกเบลารุสกลัวกันหรือไม่กับการลงเล่นต่อไปในขณะที่ประเทศข้างเคียง และเพื่อนร่วมทวีปยุโรปกำลังให้ความสำคัญกับการเอาชีวิตรอด ... คำตอบคือ "ไม่แน่ใจนักว่าจะกลัวดีหรือเปล่า?" อีกทั้งเมื่อไม่มีคำสั่งหยุด พวกเขาก็ต้องทำตามหน้าที่นั่นคือ "เล่นต่อไป"
Photo : www.racingpost.com
"มีหลายเหตุผลที่ทำไมฟุตบอลของเราจึงเตะต่อไป หนึ่งในนั้นคือเจตจำนงค์ทางการเมืองของผู้นำของเรา ตอนนี้ฟุตบอลของเราเริ่มถ่ายทอดไปสดยังประเทศเพื่อนบ้านเเล้ว ซึ่งมันก็ดีเหมือนกันที่มันเป็นที่นิยมขึ้นมา"
"แต่ผมยังอดคิดไม่ได้ว่ามันยังพอมีโอกาสที่ลีกของเราจะถูกระงับ สมาคมฟุตบอลของเบลารุสและกระทรวงกีฬาน่าจะได้รับแรงกดดันจากยูฟ่าบ้างแหละนะ" อังเดรย์ เฟราพอนตอฟ โค้ชของทีม FC Ruh บอกเล่าถึงความรู้สึกส่วนตัวของเขา ซึ่งก็ยังกึ่งๆว่า จะกลัวโควิดดีหรือไม่? หรือควรจะเตะต่อไปดี?
ทำไมถึงไม่กลัว?
ในขณะที่ประเทศอื่นผวาโควิดกันหมด แต่ เบลารุส ไม่คิดอย่างนั้น เรื่องทั้งหมดเกิดจากการประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลเบลารุส และด้วยตัวเลขที่มีผู้ติดเชื้อ 94 คน (รักษาหายแล้ว 55 คน อาการหนัก 2 คน) แถมยังไม่มีคนเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว ซึ่งเป็นสถิติที่น้อยที่สุดในยุโรป... ก็ทำให้ทุกอย่างดูไม่ร้ายแรงจนขั้นที่จะทำให้ อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก้ ประธานาธิบดีของประเทศผู้ได้ฉายาว่า "ผู้นำเผด็จการคนสุดท้ายของยุโรป" ต้องรู้สึกว่าจะทำอะไรให้แตกต่างไปจากที่เคยทำ
Photo : www.thestar.com.my
"โควิด-19 มันเหมือนโรคจิตชนิดหนึ่ง มันมีประโยชน์สำหรับคนบางจำพวก แต่อีกมุมมันก็โคตรอันตรายกับชีวิตคนอื่น" เผด็จการคนสุดท้ายให้สัมภาษณ์เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน
"โลกศิวิไลซ์กำลังบ้าคลั่งและพากันตื่นตระหนกจนเกินไป มันช่างโง่เขลาสิ้นดีที่ภาครัฐจะปิดประเทศด้วยความผวา เพราะการปิดประเทศนี่แหละมันทำร้ายตัวเองได้มากยิ่งกว่าไวรัสอีกต่างหาก"
"เช่นเดียวกับในยุโรปตะวันตก เราควรจะดื่มวอดก้าวันละเป๊ก (40-50 กรัม) ทุกๆวัน จากนั้นก็เข้าห้องอบซาวน่าซักวัน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำงานหนักๆในฟาร์มทุกวัน ผมจะบอกว่างานหนักและการขับรถแทร็คเตอร์ในไร่ในสวนนี่แหละที่สามารถเยียวยาได้ทุกสิ่ง"
ทุกสิ่งที่กล่าวมาทำให้กิจกรรมทุกอย่างในประเทศ เบลารุส ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ ซึ่งการยืนยันถึงความปลอดภัยของประชากรในประเทศของท่านประธานาธิบดีก็ทำให้อีกหลายคนคล้อยตามได้เหมือนกัน
จริงๆแล้ว เบลารุส นั้นสามารถหยุดการแข่งขันได้ง่ายที่สุดประเทศหนึ่ง เนื่องจากพวกเขาใช้ช่วงเวลาเปิด-ปิดลีกคล้ายๆกับฟุตบอลเอเชียที่มักจะเปิดซีซั่นต้นปี และปิดซีซั่นท้ายปีนั่นเอง ซึ่งก่อนที่ลีกๆอื่นในยุโรปจะหยุดหนีโควิด-19 ลีก เบลารุส ยังไม่เริ่มเปิดฤดูกาลด้วยซ้ำ
ทว่าเมื่อผู้นำไม่กลัว พวกเขาก็ไม่กลัว ยิ่งมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ยืนยันว่ามีแค่ 94 คน จากประชากรทั้งหมด 10 ล้านคน จึงทำให้ทุกส่วนเห็นพ้องต้องกันว่า เปิดฤดูกาลตามปกติดีที่สุด
Photo : FC BATE Barysaŭ
"ไม่มีเหตุผลอะไรยิ่งใหญ่มากพอ ดังนั้นเราจะเปิดฤดูกาลตามปกติ และเริ่มทำการไล่ล่าแชมป์กันตั้งแต่วันนี้เลย อย่าไปแพนิคเกินเหตุ คุณก็แค่ทำงานไปในหมู่บ้านของพวกคุณนั่นแหละ" วลาดิเมียร์ บาซานอฟ ประธานสมาคมฟุตบอลแห่งเบลารุสกล่าวอย่างมั่นใจ
ไม่ใช่แค่ฝ่ายปฎิบัติการและกลยุทธ์เท่านั้น กลุ่มนักเตะ, สต๊าฟโค้ช และ เอเย่นต์ ต่างก็เชื่อมั่นกับการรับมือของรัฐบาลอย่างที่สุด และพร้อมจะลงเล่นแบบไร้ข้อสงสัยอีกด้วย
"ผมเชื่อในระบบการดูแลสุขภาพของเรา" วาลารี่ อิซาเยฟ หนึ่งในเอเย่นต์ฟุตบอลของประเทศกล่าว
"ผมว่าเราทำได้ดีกว่าเพื่อนบ้านอย่าง รัสเซีย และ ยูเครน แน่นอนว่าผมเป็นห่วงนักเตะในการดูแลของผมเหมือนกัน แต่เรามันใจว่ามันจะไม่เกิดอะไรเลวร้าย ผมค่อนข้างเชื่อใจในข้อมูลที่เรามีตอนนี้"
Photo : www.imago-images.de
ขณะที่นักเตะอย่าง ซานโดร เซบา (Sandro Tsveiba) นักเตะของ Isloch ก็กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า "ไม่มีความตื่นตระหนกอะไรทั้งนั้น แน่นอนเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง การเปลี่ยนแปลงเดียว คือ เมื่อลงสนามเราจะไม่จับมือกันแค่นั้นแหละ บางทีเรายังแกล้งไอ และจามใส่กันตอนอยู่ในห้องแต่งตัวด้วย"
เห็นได้ชัดว่าชาว เบลารุส ไม่กลัวไวรัสโควิด-19 กันแทบทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง...
อย่างไรก็ตามฝั่งผู้บริหารของประเทศก็คอยผลักดันเรื่องการดูแลตัวเองให้ประชากรในประเทศรู้ และเตือนว่าอยากวิตกกังวลมาเกินไป ขอแค่รับผิดชอบตัวเอง และดูแลคนรอบข้างให้ดี เมื่อใดที่รู้สึกว่าไม่สบายจงอยู่กับบ้านอย่าออกไปไหนเด็ดขาด...
Photo : FC BATE Barysaŭ
นี่อาจจะเป็นมาตรการที่ทุกประเทศทั่วโลกทำกัน แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าเพราะเหตุใด เบลารุส จึงมีผู้ติดเชื้อน้อยมากทั้งๆที่กิจกรรมต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไป บางทีอาจจะเป็นเพราะประเทศนี้ปฎิบัติตาม "Social Distancing" โดยไม่รู้ตัวเพราะประชากรส่วนใหญ่ไม่ทำอุตสาหกรรมก็เป็นเกษตรกร อีกทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศยังเป็นป่าไม้ถึง 40% นั่นหมายความว่าสังคมของพวกเขาไม่ได้แออัดเหมือนกับประเทศอื่นๆ
นี่คือเหตุผลที่ดีที่สุดที่เราพอจะเอามาอ้างอิงได้ว่าทำไมพวกเขาติดโรคน้อยและไม่กลัวเหมือนประเทศอื่นๆ... วอดก้า, ซาวน่า, รถแทร็คเตอร์,ป่าไม้ และทุ่งนา นี่คือบทสรุปจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลเบลารุสให้การณ์ว่า "ช่วยได้"
สวรรค์นักเดิมพัน
การแข่งขันฟุตบอลต่ออย่างปกติและเปิดให้คนดูเข้าชมนำมาซึ่งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างที่คุณรู้ "พวกเขาคือลีกเดียวในยุโรปที่ยังเเข่งขันอยู่" ดังนั้นมันจึงมีข้อดีบ้างเหมือนกัน
Photo : www.livescore.com
ตอนนี้หลายบริษัทพนันถูกกฎหมายได้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลลีกเบลารุส เพื่อมาสตรีมผ่านเว็บไซต์องพวกเขาเพื่อเปิดราคาให้นักเดิมพันได้แทงกันในช่วงที่ชีวิตไร้ทางเลือก ตอนนี้มีทั้งเว็บไซต์อย่าง Bet365,William Hill, SportingBet และ BetVictor ที่หันมาให้ความสนใจ และออกราคาเดิมพันกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันในเวลานี้
อเล็กซานเดอร์ เคล็บ ที่เเขวนสตั๊ดไปในฤดูกาลที่แล้วกับสโมสรใน เบลารุส ที่ชื่อว่า Isloch Minsk ทุกวันนี้มันก็แปลกๆที่เห็นคนทั้งโลกต่างสนใจกับลีก เบลารุส ลีกฟุตบอลที่โดนมองข้ามมาตลอด แถมยังติดตลกว่าหาก ลิโอเนล เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังอยากเล่นฟุตบอลอยู่ก็น่าจะลองย้ายมาเล่นที่เบลารุสดู
"ตอนนี้ทุกคนในโลกนั่งดูลีกเบลารุสผ่านโทรทัศน์ มันเป็นที่เดียวในยุโรปที่สามารถเล่นฟุตบอลได้ อย่างน้อยที่สุดคน เบลารุส เขาก็มีความสุขกันดี ไม่แน่หลังจากนี้ เมสซี่ หรือ โรนัลโด้ อาจจะมาเล่นที่นี่ก็ได้" เขากล่าวแบบติดมุกในการให้สัมภาษณ์กับ The Sun
"ทุกคนรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างที่สเปนและอิตาลี แต่ที่ เบลารุส มันเหมือนกับว่าไม่มีคนสนใจ มันเหลือเชื่อจริงๆ แต่ก็ไม่แน่หรอกในอีก 2-3 สัปดาห์เราอาจจะต้องหยุดเตะกันก็ได้ ตอนนี้ประธานาธิบดีกำลังรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างจากไวรัสนี้"
"ตอนนี้คนหนุ่มสาวและหมู่นักเรียนนักศึกษายังคิดกันเช่นนี้ ตัวของผมอยู่บ้านกับครอบครัวตลอด แต่เมื่อได้ออกไปนอกบ้านผมก็ยังพบว่าตามท้องถนนและร้านอาหารก็มีคนอยู่เต็มไปหมด" เคล็บ เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเกิดของเขา
Photo : ФК Динамо Минск
ไม่ต้องแปลกใจว่าเงินจะสะพัดขึ้นแน่จากความนิยมแบบเลี่ยงไม่ได้ครั้งนี้ เงินจำนวนมากจากเว็บพนันอาจจะทำให้ลีกฟุตบอลเบลารุสพัฒนาขึ้นแน่ และมันคงเข้ามาเรื่อยๆจนกว่าลีกอื่นๆในยุโรปจะกลับมาแข่ง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ฟุตบอลของ เบลารุส มีมูลค่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
อย่างไรก็ตามทุกอย่างมีความเสี่ยง การเข้าสนามฟุตบอลและใช้ชีวิตปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการแพร่เชื้อ อาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่เกินกว่าที่กลุ่มคนใหญ่คนโตจะคาดคิดและระวังตัวทัน
ถึงตอนนี้ต้องติดตามชมกันต่อไปว่าการโยนหัวก้อยของฟุตบอลเบลารุสจะออกหน้าไหนกันแน่...ถ้าดีก็ดีไป แต่ถ้าออกฝั่งแย่เมื่อไหร่ พวกเขามีอีกหลายคำถามที่ต้องตอบกับประชาชนแน่นอน
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
โฆษณา