29 มี.ค. 2020 เวลา 14:00 • กีฬา
คูเมล นานจิเอนี : การเปลี่ยนแปลงตัวเองของเนิร์ด SILICON VALLEY สู่ฮีโร่คนใหม่แห่ง MARVEL
ชื่อของ คูเมล นานจิเอนี (KUMAIL NANJIANI) อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูนักสำหรับคนที่ติดตามวงการบันเทิง โดยเฉพาะในบ้านเรา
ถึงแม้ว่านักแสดงชาวอเมริกันที่เกิดในปากีสถานวัย 42 ปี คนนี้จะเคยมีดีกรีถึงขั้นเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมในปี 2017 จาก The Big Sick ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของชายหนุ่มชาวปากีสถาน กับการดิ้นรนสู้ชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งนานจิเอนีเขียนมันออกมาโดยใช้ประสบการณ์ในชีวิตจริงของเขามาประยุกต์ นอกจากนั้นอีกหนึ่งบทบาทอันโดดเด่นของเขาคือการรับบทเป็น ดิเนช เนิร์ดเทคโนโลยีอัจฉริยะจากซีรี่ส์เรื่อง Silicon Valley
ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลานับ 10 ปีในวงการบันเทิง ภาพจำที่ผู้ชมมีต่อ นานจิเอนี จึงเป็นภาพของหนุ่มเชื้อสายเอเชียใต้ ฉลาดเฉลียวเรื่องเทคโนโลยี แต่เซ่อซ่าในเรื่องการใช้ชีวิต แถมรูปร่างยังมีความเจ้าเนื้อนิดๆ ห่างไกลจากความหล่อเท่ในอุดมคติพอสมควร
อย่างไรก็ตามทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อมีการประกาศว่า คูเมล นานจิเอนี จะได้รับบทเป็นตัวละครสำคัญใน "The Eternals" ภาพยนตร์ประจำเฟส 4 ของ Marvel Cinematic Universe หรือ MCU และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้โพสต์ภาพร่างกายตัวเองที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แตกต่างจากภาพลักษณ์ที่ผ่านมามาโดยสิ้นเชิง ลงในโซเชียลมีเดีย
นานจิเอนี ทำได้อย่างไร? เขาต้องผ่านประสบการณ์แบบไหนบ้างถึงสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนี้ ติดตามเรื่องราวที่เต็มเปี่ยมด้วยการสร้างแรงบันดาลใจได้ที่ Main Stand
เนิร์ดบอยจากปากีสถาน
แม้จะเติบโตมาในดินแดนที่เต็มไปด้วยสงครามอย่างเมือง การาจี ประเทศปากีสถาน อีกทั้งครอบครัวยังเป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่ค่อนข้างเคร่งศาสนา แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะมาขัดขวางความเป็นเนิร์ดคอมมิคของ คูเมล นานจิเอนี ได้
1
Photo : screenrant.com
"ในตอนเด็กผมคลั่งไคล้คอมมิคซูเปอร์ฮีโร่มาก ไม่ว่าจะเป็น Marvel หรือ DC ผมซึมซับวัฒนธรรมจากหนังสือคอมมิคเก่าๆ ที่วางขายอยู่ในตลาดเมืองการาจี" นานจิเอนี เผยความผูกพันแรกที่มีต่อคอมมิคซูเปอร์ฮีโร่กับ Men's Health
เมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย นานจิเอนี ก็พาตัวเองออกจากปากีสถาน ลัดฟ้าสู่แผ่นดินอเมริกา เพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ Grinnell College รัฐไอโอว่า
"ตอนแรกผมกลัวมากๆ ผมไม่อยากมาที่นี่ (อเมริกา) เลย เพียงแต่มันไม่มีทางเลือก การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในปากีสถานในเวลานั้นไม่ดีนัก สองสัปดาห์แรกที่ผมมาถึงคือสองสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเลย แต่อย่างน้อยวัฒนธรรมตะวันตกที่ผมเรียนรู้ผ่านคอมมิคและนิตยสารมาก็พอช่วยผมได้บ้าง"
ถึงแม้ว่า นานจิเอนี จะศึกษาระดับปริญญาตรีในคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่เขาก็มีชีวิตอีกด้านหนึ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง นั่นคือความหลงรักในการ Stand Up Comedy หรือเดี่ยวไมโครโฟน โดยเขามักจะทำการแสดงในร้านกาแฟเล็กๆ ใกล้กับมหาวิทยาลัยเป็นประจำ และก็เป็นเช่นนั้นอยู่หลายปีจนกระทั่งจบการศึกษา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยประสบความสำเร็จหรือมีรายได้จากสิ่งนี้เลยก็ตาม
Photo : milwaukeerecord.com
หลังจากชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยสิ้นสุดลง นานจิเอนี ก็ย้ายถิ่นฐานตัวเองอีกครั้ง โดยในครั้งนี้จุดหมายปลายทางของเขาคือเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เพื่อหางานเลี้ยงชีพ และงานที่เขาได้รับก็คือครูสอนคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ทอดทิ้งความฝันในการเป็นเดี่ยวไมโครโฟน โดยแทบทุกคืนหลังจากที่ทำงานเสร็จ นานจิเอนี จะตระเวนไปตามบาร์หรือร้านกาแฟต่างๆ เพื่อทำการแสดง
"ตอนนั้นผมยังไม่มีชื่อเสียงหรือประสบความสำเร็จอะไรเลย แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะถอดใจ ไม่เคยคิดว่าไม่อยากทำแล้ว ความคิดผมมีอย่างเดียวคือ ... รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้ทำมัน"
นานจิเอนี ใช้ชีวิตเช่นนี้อยู่พักใหญ่ จนก็มีเงินเก็บมากพอ เขาจึงตัดสินใจทุบหม้อข้าวตัวเอง เพราะรู้ดีว่าถ้ายังใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไป ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ฝันแน่ นานจิเอนี ลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่และมุ่งหน้าสู่นิวยอร์ก มหานครแห่งนักล่าฝัน
เนิร์ดบอยแห่ง SILICON VALLEY
นานจิเอนี มาถึงนิวยอร์กในช่วงปี 2007 ซึ่งแน่นอนว่าเขายังคงมุ่งมั่นในการเป็นเดี่ยวไมโครโฟนอย่างเต็มที่ โดยค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงทีละนิด โดยเขาพยายามสร้างความแปลกใหม่ให้กับโชว์ของตัวเองด้วยการนำเรื่องราวในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Star Trek และ The Thing มาผสมผสานเข้ากับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นมุกตลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร จนกระทั่งวันหนึ่งแสงสปอตไลท์ก็ส่องมาที่เขาจนได้ เมื่อ ไมเคิล โชวอลเตอร์ (Michael Showalter) โปรดิวเซอร์สายคอมเมดี้ผู้คร่ำหวอดในแวดวงฮอลลีวูดบังเอิญได้มารับชมการแสดงของเขา
Photo : www.insider.com
"นานจิเอนี นั้นแตกต่างไม่เหมือนใคร ในขณะที่เดี่ยวไมโครโฟนคนอื่นๆ พยายามแสดงมุกตลกอันเกรี้ยวกราดบนเวที แต่หมอนี่กลับไร้สาระ แปลกประหลาด แต่มีเสน่ห์" โชวอลเตอร์ เผยกับสื่อ Insider
จากความประทับใจนี้ ทำให้ โชวอลเตอร์ ตัดสินใจว่าจ้าง นานจิเอนี มาเป็นมือเขียนบทและนักแสดงนำในซีรี่ส์ชื่อ Michael & Michael Have Issues ที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งนี่เองคือจุดเริ่มต้นที่ผลักดันให้ นานจิเอนี เข้าสู่วงการแสดงอย่างจริงจัง
"ผมคิดมาเสมอว่านักเขียนคือผู้สร้างสรรค์ ในขณะที่นักแสดงเป็นเพียงแค่ผู้ถ่ายทอดมันออกมา ผมมั่นใจในฝีมือการเดี่ยวไมโครโฟนของตัวเองมาก แต่ผมแทบไม่รู้เรื่องการแสดงเลย" นานจิเอนี กล่าวกับ Men's Health
Michael & Michael Have Issues ยังไม่ใช่ซีรี่ส์ที่ปูทางให้ นานจิเอนี ประสบความสำเร็จ ถึงแม้มันจะได้รับคำวิจารณ์ในเกณฑ์ที่ดี แต่ในแง่ของความนิยมกลับไม่ถึงเป้า ทำให้มันถูกตัดจบหลังจากออกอากาศไปได้เพียง 7 ตอน อย่างไรก็ตามเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชื่อเสียงของ นานจิเอนี เป็นที่รู้จัก และมีงานแสดงติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นบทสมทบเล็กๆ ก็ตาม
"หลังจากจบ Michael & Michael Have Issues ผมก็พเนจรไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะ ลอสแอนเจลิส หรือนิวยอร์ก พร้อมๆ กับฝึกฝนฝีมือการแสดงให้ดีขึ้น"
เวลาล่วงเลยไปจนถึงปี 2014 ในที่สุดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของ นานจิเอนี ก็มาถึง เมื่อเขาได้รับเลือกให้รับบทนำใน Silicon Valley หนึ่งในซีรี่ส์สายเนิร์ดไอทีที่ได้รับความนิยมสูงสุดทางช่อง HBO โดยบทบาทของเขาในเรื่องคือ ดิเนช ซอฟแวร์เอนจิเนียร์อัจฉริยะเชื้อสายเอเชียใต้ ผู้ไม่ค่อยประสีประสาต่อโลกเท่าไรนัก
Photo : www.androidpolice.com
อย่างที่รู้กันว่า Silicon Valley ประสบความสำเร็จมหาศาล ทั้งในแง่คำวิจารณ์และความนิยม ส่งผลให้ชื่อเสียงของ นานจิเอนี เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่แฟรนไชส์ภาพยนตร์ Marvel ยึดครองโลก กวาดเงินจากผู้ชมปีละหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ นานจิเอนี เริ่มมีฝันเล็กๆ ว่าเขาจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับสิ่งที่เขาคลั่งไคล้มาตั้งแต่ยังเด็ก
"พอล รัดด์ (Paul Rudd) และ คริส แพรตต์ (Chris Pratt) ก็มาจากนักแสดงสายตลกเหมือนผม แต่แน่นอนว่ามันเป็นเพียงประกายความฝันเล็กๆ เท่านั้น ผมไม่คิดหรอกว่าจะมีโอกาสนั้นจริงๆ"
"ครั้งหนึ่งเคยมีนักแสดงหนุ่มรูปงามที่ผมเคยร่วมงานด้วย แต่ผมไม่ขอเปิดเผยชื่อ เล่นมุกตลกล้อเลียนรูปร่างของผม ซึ่งในขณะนั้นยังอ้วนเผละอยู่ ตอนนั้นผมคิดในใจว่าต่อให้ผมจะอ้วนกว่านี้อีก 50 ปอนด์ก็ยังคงมีคนจ้างผม ในขณะที่เขา น้ำหนักขึ้นมาแค่ 10 ปอนด์ก็ไม่มีใครจ้างแล้ว เพราะในตอนนั้นผมไม่คาดฝันจริงๆ ว่าวันหนึ่งจะต้องมาฟิตหุ่นเอาเป็นเอาตายเพื่อรับบทอะไร"
อย่างไรก็ตามชีวิตคือเรื่องไม่คาดฝัน และมันก็ได้เกิดขึ้นกับ นานจิเอนี ด้วยเช่นกัน
ความเจ็บปวดที่ต้องแลก
ในขณะที่ นานจิเอนี กำลังถ่ายทำ Silicon Valley ในซีซั่นสุดท้าย อยู่ๆ เขาก็ได้รับข่าวดีที่เขาเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่ามันคือเรื่องจริง นั่นคือการที่ Marvel Studio เลือกให้เขารับบทบาทเป็น คินโก ซูเนน หนึ่งในตัวละครสำคัญของ The Eternals ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สุดยิ่งใหญ่ในเฟส 4 แต่มีเงื่อนไขคือเขาต้องสร้างหุ่นตัวเองให้ฟิตเฟิร์ม อุดมด้วยกล้ามเนื้อ ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษ์ของเนิร์ดคอมพิวเตอร์ร่างท้วมที่เขาเป็นอยู่ในตอนนั้นโดยสิ้นเชิง
Photo : www.menshealth.com.au
เมื่อมีโอกาสทองลอยมาตรงหน้าขนาดนี้ ต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ต้องคว้าไว้ นานจิเอนี จึงไม่ลังเลที่จะเริ่มออกกำลังกายอย่างหนักโดยทันที ถึงขั้นที่ว่าเพื่อนในกองถ่าย Silicon Valley สงสัยว่าเขาแอบทำอะไรในโรงยิมวันละหลายชั่วโมง เนื่องจากในตอนนั้นโปรเจ็กท์ The Eternals ยังเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
"ผมก็เคยเข้าโรงยิมมาบ้างนะ ตั้งแต่อายุ 16 เลย แต่ถ้านี่เรียกว่า 'การออกกำลังกายที่แท้จริง' นั่นหมายความว่าผมไม่เคยออกกำลังกายมาเลยในชีวิต"
"ภารกิจสุดโหดแบบนี้ผมคงทำไม่ได้เพียงลำพัง ถ้าไม่ได้เทรนเนอร์และนักโภชนาการที่ดีที่สุดเข้ามาช่วยเหลือ"
เขาลงทุนจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวที่พร้อมจะมาสอนเขาตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงควบคุมอาหารการกิน โดยเขาเล่าว่าเป็นเวลากว่า 6 เดือนติดต่อกันที่เขารับประทานแค่สเต็กกับไข่เหมือนกันทุกมื้อ ไม่มีวันหยุด ไม่มี Cheat Day หรือวันปล่อยผีที่จะกินอะไรก็ได้ตามใจอยาก แม้แต่พุดดิ้งสักชิ้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกินมัน และร้ายแรงที่สุดถึงขั้นมีการช็อตกระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ
Photo : bingepost.com
"องค์ประกอบสำคัญของการเปลี่ยนแปลงตัวเองคือการตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงและชัดเจน การเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ ลดไขมันส่วนเกิน และสร้างสัดส่วนร่างกายใหม่ทั้งหมดของ นานจิเอนี ต้องการกฎระเบียบวินัยที่เข้มข้นและการทำงานหนัก แค่ความกระหายของนักแสดงหรือการทุ่มเทเวลาให้มากนั้นอาจไม่เพียงพอ"
"ผู้บริหารของ Marvel บอกว่า นานจิเอนี ตัวใหญ่และตันเกินไป เขาต้องการร่างกายที่ลีนและบึกบึนกว่านี้ ดังนั้นก่อนจะเริ่มวางแผนการออกกำลังกายให้กับเขา ผมจึงต้องสแกนดูโครงสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงการสำรวจไลฟ์สไตล์ของเขาอย่างละเอียดเพื่อวางแผน ทำให้ได้รู้ว่า นานจิเอนี นั้นต้องการการออกกำลังแบบคาร์ดิโอที่มีความเข้มข้นในระดับสูง ควบคู่กับการยกเวท"
"นานจิเอนี จะต้องมาที่โรงยิมประมาณ 4-5 วันต่อสัปดาห์ ติดต่อกันเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี ผมประทับในใจในตัวเขามากที่เขาอดทนและผ่านสิ่งเหล่านี้มาได้ เขาเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตัวเองมากๆ" แกรนท์ โรเบิร์ต (Grant Roberts) เทรนเนอร์ส่วนตัวของ นานจิเอนี เผยกับ Insider
แทบทุกวัน นานจิเอนี จะต้องขับรถออกจากบ้านเพื่อไปโรงยิมในย่าน Beverly Hills และเจ้าตัวเผยถึงความรู้สึกในช่วงเวลาดังกล่าวว่า
"ในระหว่างที่ขับรถไป จิตใจผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวถึงความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ และในช่วงที่ขับรถกลับคือช่วงเวลาเดียวที่ผมรู้สึกโล่งใจ"
ขณะที่ เอมิลี่ วี กอร์ดอน (Emily V. Gordon) ภรรยาของ นานจิเอนี เผยกับ Men's Health ว่า "ในช่วงแรกที่เขากลับมาจากโรงยิม เขาไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้เลย เขานั่งนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาเป็นเวลานับชั่วโมง"
"อย่างไรก็ตามถ้า คูเมล มุ่งมั่นกับสิ่งไหนแล้วล่ะก็ เขาจะทำมันได้สำเร็จแน่นอน"
Photo : www.thesun.ie
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากผ่านความทรมานแสนสาหัส ในที่สุด นานจิเอนี ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์สุดโหดแบบนี้ได้
"ผมตระหนักได้ว่าการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้น แค่ออกกำลังกายมันไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือจิตใจที่ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย"
"ผมเปลี่ยนความกลัวที่มีต่อความเจ็บปวดให้เป็นความกล้า และก็มุ่งมั่นที่จะไล่ล่ามันอย่างไม่ลดละ เพราะมันคือหนทางที่จะพาไปสู่สิ่งที่ผมฝันไว้ ทำให้ปัจจุบันการออกไปโรงยิมคือความสุขของผมไปแล้ว"
สิ่งที่อยากจารึกไว้
ทุกวันนี้ นานจิเอนี มีร่างกายที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อจนใครหลายคนต้องอิจฉา แถมยังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Eternals เสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าเขากำลังขึ้นแท่นเป็นดาราระดับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ คนต่อไป อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย
Photo : www.menshealth.com
"กล้ามเนื้อเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผมผยองขึ้นเลยสักนิด มันเป็นเพียงสิ่งประดับตกแต่งภายนอกเท่านั้น ผมยังเป็นผมคนเดิม ยังคงสนุกสนานกับการนั่งเล่นวิดิโอเกม หรือทำสวนกับภรรยา"
"แต่แน่นอนว่าบทบาทการแสดงของผมต่อจากนี้ต้องเปลี่ยนไป ผมคงกลับไปเป็นตัวละครจอมเนิร์ดไม่ได้อีกแล้ว หลังจากจบ The Eternals คือช่วงเวลาที่สำคัญว่าผมจะเดินไปในทิศทางไหนในเส้นทางสายการแสดง"
Photo : www.cnet.com
และถ้าจะถามว่าอะไรคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเนิร์ดคอมพิวเตอร์ลงพุง มาเป็นฮีโร่ร่างบึกบึนแห่ง Marvel ได้ คูเมล นานจิเอนี ก็ตอบสั้นๆ แค่เพียงว่า
"ผมกำลังจะกลายเป็นคนแรกจากเอเชียใต้ที่ได้รับทนำในหนังของ Marvel และผมไม่ต้องการเป็นแค่ส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่ผมต้องการที่จะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel"
บทความโดย เพรียวพันธ์​ แสน​ลาวัณย์
โฆษณา