29 มี.ค. 2020 เวลา 10:46 • กีฬา
อย่าเอ่ยชื่อเธอ : เรื่องช็อค 6 โมงเช้าของแชมป์ เบอร์ลิน มาราธอน 'เคเนนิซ่า เบเกเล่'
ว่ากันว่าการวิ่งคือกิจกรรมที่สามารถโยนความเครียดทุกอย่างทิ้งไป ราวกับว่าเหงื่อที่ไหลออกมาเป็นการระบายสิ่งเลวร้ายที่อยู่ในจิตใจทิ้งไป และทำให้ชีวิตกลับมามีชีวาอีกครั้ง
นี่คือเรื่องราวเมื่อ 14 ปีก่อนของ เคเนนิซ่า เบเกเล่ เจ้าของแชมป์รายการ เบอร์ลิน มาราธอน รายการวิ่งยิ่งใหญ่ระดับโลกประจำปี 2019 ที่เพิ่งแข่งจบลงไป ทุกคนชื่นชมในความแข็งแกร่งและความอึดของเขา ซึ่งคว้าแชมป์โดยทำเวลาช้ากว่าสถิติโลกเพียง "2 วินาที" แต่มีไม่มากนักที่จะรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาต้องเจอกับอะไรบ้าง
1
เบเกเล่ ไปพบเจอกับอะไรมา จึงทำให้แม้แต่การได้ทำในสิ่งที่รักอย่าง การวิ่ง ก็ไม่สามารถลบเรื่องเลวร้ายออกจากสมองได้
ความทรงจำที่โหดร้ายเล่นงานเขาหนักขนาดไหน? และมันคืออะไร? ติดตามได้ที่นี่
ยากจนเกินกว่าที่จะได้รู้จักความรัก
เด็กหนุ่มจากเมือง เบโกฌี่ ประเทศ เอธิโอเปีย เกิดในครอบครัวเกษตรกร ซึ่งแน่นอนว่าประชากรในประเทศนี้ส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับชีวิตที่ลำบากมากกว่าสบายอยู่แล้ว เพราะเอธิโอเปียติดอันดับท็อป 10 ของประเทศที่จนที่สุดในโลกมาโดยตลอด
แม้บ้านเขาจะมีฟาร์มไก่แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยกว่าคนอื่นๆ นัก เนื่องจากใช้วิธีเพาะปลูกที่ล้าสมัยซึ่งเป็นปัญหาของประเทศทำให้ผลผลิตในภาคการเกษตรต่ำลง เรียกได้ว่าทำเท่าไหร่ก็ยากที่จะร่ำรวยได้
Photo : The Atlantic
ดังนั้นตัวของ เบเกเล่ ในวัยเด็กจึงเข้าใจชีวิตและความลำบากของเกษตรกรแบบชัดเจน แน่นอน เขาไม่อยากจะเป็นแบบพ่อและคนในครอบครัวที่ต้องลุ้นว่าเดือนนี้ผลผลิตจะมากพอกับรายจ่ายหรือไม่ เบเกเล่ จึงเป็นเด็กขยัน ตั้งใจเรียน และมีความฝันว่าจะพาครอบครัวหลีกหนีความยากจนด้วยการเป็นวิศวกรหรือนักคณิตศาสตร์เมื่อเขาเติบโตขึ้น
อย่างไรก็ตามระหว่างทางมีเรื่องที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนเมื่อ เบเกเล่ เข้าเรียนชั้นมัธยม เพราะมันมีอาชีพหนึ่งในเอธิโอเปียที่สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เรียนจบ นั่นคือการเป็นนักวิ่ง ในประเทศนี้มีสโมสรมากมายที่เปิดรับนักวิ่งที่มีคุณภาพ เพื่อส่งไปล่ารางวัลในการแข่งขันตามประเทศต่างๆ
เบเกเล่ วิ่งเร็วเพราะมีร่างกายและปอดที่แข็งแรงมาจากการทำงานในฟาร์มตั้งแต่เด็ก ดังนั้นคุณครูที่โรงเรียนของเขาจึงแนะนำเขาให้กับ เซนตาเยฮู เอสเฮตู ตำนานโค้ชนักวิ่งแห่งเอธิโอเปีย นำ เบเกเล่ ไปปลุกปั้นต่อ
Photo : Sweat Elite
"งานของผมคือหานักวิ่งที่เพิ่งเริ่มหัดวิ่งและหยิบจับพวกเขามาทำให้เป็นนักวิ่งในระดับที่ยอดเยี่ยม สิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดในชีวิตนี้ของผม คือการพานักวิ่งออกจาก เบโกฌี่ ออกไปสร้างชื่อเสียงระดับโลก" โค้ชเซนตาเยฮู ผู้เคยปั้นนักวิ่งอย่าง เดราตู ตูลู จนคว้าเหรียญทองโอลิมปิกวิ่ง 10,000 เมตรที่ บาร์เซโลน่า ในปี 1992 เผย
ภายใต้สังกัดของโค้ชเซนตาเยฮูนั้น เบเกเล่ ได้พบกับนักวิ่งระดับหัวแถวของเมืองรุ่นราวคราวเดียวกับเขามากมาย 1 ในนั้นเป็นนักวิ่งผู้หญิงที่เก่งที่สุดในประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย เธอคนนั้นชื่อ อาเล็ม เทชาเล่ สาวน้อยที่มีฝีเท้าเบาหวิวแต่ทรงพลัง ทว่าสิ่งที่ทำให้ เบเกเล่ ประทับใจในตัวเธอไม่ใช่เรื่องวิ่ง แต่มันคือความสดใสที่เห็นทีเดียวก็รู้ว่า "ชีวิตนี้คนนี้คนเดียวพอ"
เราจะเป็นครอบครัว
"เทชาเล่ เป็นเด็กสาวที่อ่อนหวานและเรียบร้อย ที่สำคัญคือเธอเป็นเด็กที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการวิ่งอย่างมากเลย" หนึ่งในโค้ชที่เคยสอนเทชาเล่ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม เล่าถึงสาวน้อยที่ทำให้แชมป์ เบอร์ลิน มาราธอน ในอนาคตตกหลุมรัก
เด็กหนุ่มที่โตมาจากฟาร์มไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกที่เขามีอย่างไร จะว่าเขาซื่อก็คงไม่ผิดนักเพราะเขาเองก็ไม่ได้ประสีประสาเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่ เบเกเล่ รู้คือหากอยากจะชนะใจเธอคนนี้ เขาจะต้องเป็นนักวิ่งที่เก่งกาจให้ได้ และที่สำคัญคือค่อยๆ หาโอกาสแสดงความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้ ... ไม่ต้องรีบร้อนแต่ขอให้มั่นคง
Photo : IAAF
4 ปีเต็มๆ ที่ เบเกเล่ พัฒนาความสัมพันธ์กับ เทชาเล่ เริ่มจากแบบมดแดงแฝงมะม่วง สุดท้ายก็ได้คบหาดูใจกัน สิ่งที่ยอดเยี่ยมของความรักในวัยรุ่นครั้งนี้คือพวกเขาทั้งคู่ใช้มันเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นนักวิ่งที่เก่งขึ้น เพื่อทำให้ต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่าเขาและเธอคือคำตอบของกันและกัน
ตัวของ เบเกเล่ นั้นกลายเป็นนักวิ่งระยะไกลที่ดีที่สุดในโลก เขาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในระยะ 10,000 เมตร ที่เอเธนส์เมื่อปี 2004 นอกจากนี้เขายังเป็นแชมป์โลกวิ่งครอสคันทรี่ทั้งสนามยาวและสั้นถึง 3 ปีซ้อน ระหว่างปี 2002-04 ขณะที่ เทชาเล่ ในวัย 18 ปี รักษามาตรฐานได้อย่างดี เธอเพิ่งคว้าแชมป์เยาวชนโลกในระยะ 1,500 เมตรมาในปี 2003 และหวังว่าในอนาคตจะกลายเป็นแชมป์โลกรุ่นใหญ่
Photo : Namibian Sun
ต่างฝ่ายต่างผลักดันกันมาอย่างยาวนาน ถึงเวลาแล้วที่ทั้งคู่จะลงหลักปักฐานในฐานะครอบครัวนักวิ่ง เบเกเล่ มีอนาคตที่มั่นคง มีรายได้มากพอที่จะดูแลใครสักคน ขณะที่ เทชาเล่ นั้นมีปัญหาขรุขระอยู่บ้างหลังจากถูกรู้จักกันในชื่อของเด็กเทพ เพราะระยะหลังเธอมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายบาดเจ็บบ่อยครั้งฟิตไม่เต็มที่ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอจึงต้องการใครสักคนคอยดูแล
เทชาเล่ เองแอบกลัวอยู่ในเสมอว่าเธอจะไปได้ไม่สุดในเส้นทางวิ่ง แต่ในทางตรงกันข้ามเธอเองก็รู้สึกว่า เบเกเล่ พร้อมที่จะทำตามฝันในส่วนที่เหลือของเธอได้ เพราะเธอเห็นว่าเขาเอาจริงเอาจังทุ่มเทกับการวิ่งมากแค่ไหน นอกจากนี้ เบเกเล่ ยังพยายามเอาใจช่วยเธอเสมอ และเชื่อว่าทั้งคู่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้ด้วยกัน
"ไม่ต้องรีบร้อนแต่ขอให้มั่นคง" คำนี้เป็นคำที่ เบเกเล่ ปฎิบัติตามมาอย่างดีตลอด เขาตัดสินใจขอเธอแต่งงานเมื่อถึงเวลาอันสมควร แน่นอนว่าแม้ เทชาเล่ จะอายุแค่ 18 ปี แต่เธอก็พร้อมแล้วที่จะฝากชีวิตไว้กับ เบเกเล่ หนึ่งเดียวของเธอตั้งแต่ 4 ปีก่อน
Photo : IAAF
"คุณรู้หรือเปล่าว่า เทชาเล่ เธอภูมิใจมากที่ได้จะได้เป็นคู่ชีวิตของ เบเกเล่ ชายที่เธอเรียกว่า 'ราชา'" อาเซเกด เตเฟรา นักข่าวชาวเอธิโอเปีย เล่าถึงสิ่งที่เห็นได้จากหนุ่มสาวคู่นี้
ทั้งคู่ประกาศหมั้นหมายอย่างเป็นทางการก่อนที่เบเกเล่จะคว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี 2004 ได้ไม่นาน โดยงานแต่งงานถูกวางไว้ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2005 ซึ่งว่าที่บ่าวสาวตั้งใจไว้ว่า แม้จะหมั้นหมายหรือแต่งงาน ทั้งคู่จะทุ่มเทให้กับการซ้อมแบบเต็มที่สำหรับการแข่งวิ่งเช่นเดิม
ไปเถอะที่รัก
ที่เอธิโอเปีย มีถนนเส้นหนึ่งที่ขึ้นชื่อมากสำหรับเหล่านักวิ่งในประเทศหรือแม้แต่คนที่ชอบออกกำลังกาย ถนนเส้นนี้ตั้งอยู่ในเขตชานกรุงแอดดิส อาบาบา เมืองหลวงของประเทศ มันตัดผ่านเนินเขาเขียวชอุ่ม ตลอดเส้นทาง มีฟาร์มแกะและป่าธรรมชาติเป็นจุดพักสายตาเป็นระยะๆ จึงทำให้เหมาะมากกับการฝึกซ้อมและผ่อนคลาย
เบเกเล่ และ เทชาเล่ ตัดสินใจจะไปซ้อมที่นั่น ทั้งคู่จองโรงแรม อารารัต ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เพื่อความสะดวกต่อการเดินทางไปยังถนนเส้นดังกล่าว หลังจากเดินทางด้วยรถ SUV ถึงที่พัก ทั้งคู่ก็ขึ้นไปพักผ่อนให้เต็มที่และกะจะตื่นมาซ้อมช่วงเช้ามืด ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่อากาศดีและร่างกายจะได้รับก๊าซออกซิเจนมากที่สุดอีกด้วย
Photo : IAAF
"ตื่นเช้าจังเลยครับคุณลูกค้า ขอให้เป็นวันที่ดีสำหรับการวิ่งของพวกคุณทั้งคู่นะครับ" อาบีย์ วาซิอุม บริกรหนุ่มของโรงแรมกล่าวทักทายคู่รักแชมป์โลก และเล่าว่าทั้งคู่สตาร์ทรถขึ้นไปยังเนินเขาตอนเวลา 6 โมงเช้า
ขณะที่ อาบีย์ กำลังเตรียมเสิร์ฟอาหารเช้าให้ลูกค้าห้องอื่นๆ เขาก็พบว่ารถ SUV ของ เบเกเล่ ขับมาด้วย "ความเร็วเกินกำหนด" รถวิ่งมาที่ลานจอดหน้าประตูและเบรกดังเอี๊ยดจนแทบได้กลิ่นไหม้ของยางเลยทีเดียว รถยังไม่ทันได้ทับเครื่อง เบเกเล่ ก็กระโดดลงมาและตะโกนเสียงดังลั่น ...
"ช่วยผมด้วยได้โปรด เธอล้มลงไปแล้ว" อาบีย์ เล่าให้กับนักข่าวของ The Guardian ฟัง และบอกด้วยว่าสติของ เบเกเล่ กระเจิงไปตั้งแต่นาทีนั้นแล้ว เพราะเมื่อเขากระโดดขึ้นรถไปช่วย เบเกเล่ หาตัว เทชาเล่ ที่ถูกบอกว่า "ล้มลงไปในป่า" เบเกเล่ กลับสติแตกจนจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเขาเอาเธอไปวางพักไว้ตรงไหน?
Photo : Run Africa Ethiopia
คราวนี้หนักกว่าเก่า เบเกเล่ หยุดรถและวิ่งไปมั่วทุกทิศทางซ้ายทีขวาที ซึ่งโชคดีมากที่ อาบีย์ มีสติ บริกรของโรงแรมพบรอยเท้ารอยหนึ่งและเดินตามรอยเข้าไปจนพบร่างของ เทชาเล่ ทั้งคู่จึงรีบพาไปโรงพยาบาลเซนต์ กาเบรียล ที่ใกล้กับที่เกิดเหตุที่สุด
ระหว่างทาง เบเกเล่ เอาแต่ตะโกนว่า "ถามหน่อยผมทำอะไรผิด ผมไปทำอะไรไว้จึงต้องได้รับการตอบแทนด้วยเรื่องแบบนี้ พระเจ้าตอบผมหน่อย?"
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ดังกล่าวได้ทันแล้ว อาเล็ม เทชาเล่ เสียชีวิตในป่าก่อนที่ เบเกเล่ จะกลับมาหาเธอ ผลการชันสูตรของแพทย์บอกว่าเธอหัวใจวาย และในคืนนั้นเองร่างของเธอก็ถูกนำกลับไปบ้านเกิดและฝังตามพิธีกรรมทันที
ฝันสลาย
"ผู้คนส่วนมากมักจะตายเมื่อถึงอายุขัย หรือต่อให้พวกเขาป่วยพวกเขาก็จะมีระยะให้พอทำใจได้ แต่สำหรับเธอ มันกะทันหันมากและยากเกินกว่าจะทำใจ ผมวางแผนจะมีครอบครัวที่ดีกับภรรยา เรารู้จักกันจนรู้ซึ้งถึงจิตใจเพราะเราศึกษากันมานาน แต่หลังจากนั้นทุกสิ่งก็ไม่มีค่าอะไรเลย เมื่อผมกลับมาถึงบ้านและพบว่าเธอไม่อยู่ด้วย มันเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายที่สุด มันทำให้ผมเครียดแทบเป็นบ้า" เบเกเล่ กล่าว
สิ่งที่คาดหวังไว้พังลงไปทั้งหมด เบเกเล่ อยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น เขาไม่ได้หวังให้เธอเป็นนักวิ่งแชมป์โลกที่เก่งเกินใคร แต่ขอให้เธอเป็นคู่ชีวิตและคอยดูแลเขานั่นก็เพียงพอแล้ว ทว่าความจริงมันโหดร้าย ในคืนที่ฝังศพของ เทชาเล่ นั้น เบเกเล่ ก็ผล็อยหลับไปจากความเหนื่อยล้าและสภาพจิตใจที่ช็อคจนร่างกายชัตดาวน์ไปเอง
สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นคือการเดินไปที่แผงขายหนังสือพิมพ์และหยิบขึ้นมาอ่านเฉพาะหน้าพาดหัวข่าว
Photo : IAAF
"ผมเห็นชายคนหนึ่งมาซื้อหนังสือพิมพ์แต่เช้า ผมเห็นเขาทำท่าอ่านอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ฉีกหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นทิ้ง และนั่นทำให้ผมรู้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไร" เตเฟรา นักข่าวชาวเอธิโอเปียเล่าไว้
เบเกเล่ ตัดสินใจลงแข่งขันวิ่งในรายการวิ่งที่บอสตัน และ เบอร์มิงแฮม 2 รายการติดต่อกัน ทั้งๆ ที่เพิ่งพบเจอกับการสูญเสียครั้งใหญ่ไม่ถึงเดือน ทว่าการปลีกวิเวกครั้งนี้ไม่ช่วยอะไรเลย สติของเขายังไม่สามารถประกอบร่าง เขาเตะเท้ามั่วจนผิดจังหวะไปหมดและทำให้ไม่ชนะในรายการใดเลย
"โคตรยากเลยจริงๆ ที่คิดถึงเรื่องการวิ่ง ตอนนั้นเธออยู่ในใจของผมเสมอ ผมยอมรับว่าผมหมดสภาพอยากจะเลิกให้รู้แล้วรู้รอดไป ผมถามตัวเองว่าต่อให้วิ่งชนะได้เงินได้รางวัลแล้วยังไงล่ะ? ผมวิ่งให้ตายเธอก็ไม่สามารถกลับมาอยู่ดี"
"ผมเหมือนคนที่ไม่เต็มคนเมื่อขาด อาเล็ม ไป ... ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะกลับมาเป็นนักวิ่งที่ดีเหมือนเดิมได้เหรือเปล่า" เขาให้สัมภาษณ์กับ Sports Illustrated แต่สุดท้ายเขาก็ต้องวิ่งเมื่อการแข่งขันมาถึง
Photo : The Star
สิ่งนั้นส่งผลต่ออาชีพการวิ่งของ เบเกเล่ มาก ความสูญเสียทำให้เขาเปลี่ยนไป เขาแยกออกจากบ้านที่อยู่มาเช่าโรงแรม เชอราตัน เพื่อหาที่ซ้อมแบบเงียบๆ คนเดียวตามคำแนะนำของ จอส เฮอร์เมนส์ ผู้จัดการทีมของเขา ซึ่งเฮอร์เมนส์ แนะนำให้ เบเกเล่ วิ่งต่อไป
"ในฐานะนักวิ่ง สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณก้าวผ่านความทุกข์ได้คือคุณต้องออกวิ่งอีกครั้ง เหมือนกับนักเขียนนั่นแหละ เมื่อสูญเสียคนรัก สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการคือการเขียนระบายมันออกมา" เฮอร์เมนส์ กล่าว
เดือนมีนาคม ศึกใหญ่อีกครั้งในชีวิตของเบเกเล่มาถึง เมื่อศึกวิ่งครอสคันทรีชิงแชมป์โลกเวียนมาบรรจบ โดยมีเมือง แซงต์-กัลเมียร์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ ... นี่คือรายการที่เขาคว้าแชมป์ทั้งในประเภทสนามยาวและสั้นถึง 3 ปีซ้อน
แต่จากความสูญเสียที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่นาน แม้แต่ตัวโค้ชอย่างเฮอร์เมนส์เองก็ไม่มั่นใจว่า ลูกศิษย์ของเขาจะพร้อมกับศึกนี้
"เคเนนิซ่าตัดสินใจแล้วที่จะลงแข่ง แต่ผมเองไม่แน่ใจว่าเขาพร้อมแล้วหรือยัง ไม่ว่าจะทั้งร่างกายหรือจิตใจก็ตาม"
Photo : IAAF
สิ่งที่เฮอร์เมนส์กังวลเหมือนจะเป็นจริง เพราะเมื่อการแข่งประเภทสนามสั้นเข้าสู่รอบสุดท้าย จู่ๆ ซาอิฟ ซาอิด ชาฮีน นักวิ่งชาวเคนยาที่โอนสัญชาติมาเป็นกาตาร์ ก็เร่งสปีดขึ้นจนนำหน้าเบเกเล่ถึง 30 เมตรได้แบบหน้าตาเฉย
ถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่าทุกอย่างคงจบอีหรอบเดิม แต่จิตใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึง เพราะจู่ๆ เช่นกัน เบเกเล่สามารถเปิดก๊อกสอง เร่งความเร็วแซงหน้าชาฮีน และเข้าเส้นชัยคว้าแชมป์มาครองได้อีกครั้ง
ดูเหมือนการคว้าชัยครั้งนั้นจะปลุกอะไรในตัวเขาขึ้นมาได้ เพราะเมื่อการแข่งประเภทสนามยาวมาถึงในวันต่อมา เจ้าตัวก็คืนฟอร์มวิ่งฉีกหนีทุกคนในสนามคว้าแชมป์ได้อีก แม้แต่ เอเลียด คิปโชเก้ หนุ่มนักวิ่งจากเคนยาผู้ที่อนาคตจะก้าวขึ้นมาครองวงการวิ่งมาราธอน ซึ่งในวันนั้นก็ได้รับการยกให้เป็นตัวเต็งยังตามไม่ทัน
Photo : IAAF
การกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งหลังผ่านความสูญเสียครั้งใหญ่ได้ไม่นาน ดูเหมือนนี่จะเป็นสัญญาณว่าเบเกเล่กลับสู่ภาวะปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการตัดสินใจครั้งสำคัญอีกประการหนึ่ง
นั่นคือการ "มูฟออน" หรือก้าวต่อไปเพื่ออนาคตอย่างจริงจัง ด้วยการตัดสินใจย้ายจาก เอธิโอเปีย ไปอยู่ สหรัฐอเมริกา
วิ่งให้ (ลืม) เธอ
"มันง่ายกว่าที่ผมจะออกไปจากที่นี่เสีย การอยู่ที่แอดดิสเป็นเรื่องยากและน่าโศกเศร้า ทุกคนพูดถึงเรื่องการสูญเสียของผม ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนพวกเขาจะพูดถึงเธอ และการที่มีคนเรียกชื่อเธอมันเป็นอะไรที่รบกวนจิตใจผมอย่างมากเลย" เบเกเล่ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของ The Guardian ซึ่งเขาไม่พูดชื่อของ อาเล็ม เทชาเล่ เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาใช้คำว่า 'her (เธอ)', 'she (เธอ)' และ 'my fiancee (คู่หมั้นของผม)' แทน
เบเกเล่ ยังมีปัญหาเรื่องอารมณ์ เขามักทนไม่ค่อยได้ที่ได้ยินใครเรียกชื่อ อาเล็ม เทชาเล่ คู่หมั้นของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และนั่นทำให้เขาเลือกที่จะเก็บตัวเงียบและไม่ค่อยจะพูดคุยกับใครมากนักเพราะไม่อยากจะสร้างปัญหา
"แค่มีคนถามเขาว่าช่วงนี้คุณดีขึ้นบ้างหรือยัง? ก็ทำให้เขาระเบิดลงได้แล้ว" โทโลซ่า โคตู โค้ชวิ่งทีมชาติเอธิโอเปีย ซึ่งเป็นคนที่ เบเกเล่ โทรมาแจ้งว่าจะไปอเมริกาเป็นคนแรกกล่าว
Photo : Daily Nation
สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้อย่างมากในกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง เกิดขึ้นในศึกวิ่งครอสคันทรี่ชิงแชมป์โลกที่ฝรั่งเศสนั่นเอง ... เบเกเล่อธิบายว่า "ความช่วยเหลือของพระเจ้า" ทำให้เขารู้ตัวว่า แม้ในเรื่องอันแสนเศร้าอย่างการสูญเสียนั้น มันก็สามารถนำมาใช้เป็นพลัง เป็นแรงกระตุ้นเพื่อก้าวต่อไปได้
"ตอนที่ผมมองไปยังกลุ่มคนดูช่วงก่อนเริ่มการแข่งขัน ผมเห็นผู้คนไม่น้อยที่ชูป้าย ส่งเสียงเชียร์ผม รวมถึงร้องไห้เพื่อผม มันทำให้ผมใจชื้นขึ้นมากเลย และผมก็รู้ตัวในตอนนั้นว่า ถ้าผมถอดใจเลิกไป ไม่เพียงแค่ความหวังของผมที่จะสูญสลาย แต่ความฝันพวกเขาก็พังทลายด้วยเช่นกัน"
เบเกเล่ ทบทวนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดช่วง 6 เดือนหลังการสูญเสีย ... 3 สิ่งที่เขาพยายามทำมันอย่างเต็มที่ในช่วงดังกล่าวคือคือ หนึ่งฝึกวิ่งเหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่เด็ก สองคือเขาฝึกเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวให้ได้ด้วย และสามคือเหนือสิ่งอื่นใดเขาเปลี่ยนทัศนคติใหม่และเตือนตัวเองว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาพยายามจะทำเพื่อลืมเธอ แต่เป็นสิ่งที่เขาทำเพื่อย้อนกลับไปในสิ่งที่เคยพูดกันไว้ว่า หากเธอไม่ไหวเขาจะสานต่อในส่วนของเธอเอง
Photo : RunBlogRun
เขาเดินทางไปแข่งหลากหลายที่ทั้ง ยุโรป, อเมริกาเหนือ และ แอฟริกา เพื่อทำให้ เบเกเล่ ยอดนักวิ่งระยะไกลคนเดิมกลับมาอีกครั้ง
"สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นดีมาก ผลการแข่งขันก็พิเศษมากเช่นกัน ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองพร้อมที่จะแข่งรายการใหญ่ขนาดนี้มาก่อนหลังจากสูญเสียคู่หมั้นไป เธอทำให้ผมจมลงในความมืด แต่ตอนนี้ความหวังทั้งหมดกลับมาอีกครั้งแล้ว" เบเกเล่ กล่าว
สิ่งหนึ่งที่ เบเกเล่ นั่งทบทวนกับตัวเองทุกคืนคือสติแตกไปจะได้อะไร? เพราะเมื่อลงแข่งก็จะมีแต่แพ้ และจะมีแต่คนที่คอยบอกว่า "หมอนี่หมดสภาพแล้วจากการที่คู่หมั้นของเขาเสียชีวิต" ดังนั้นเขาอยากให้เธอถูกพูดถึงในแง่ของความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ต้นเหตุแห่งความล้มเหลวของเขา
Photo : Reuters
"ผมเริ่มรับมือกับความเหงาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะรู้ว่าเธอไม่มีวันกลับมา แต่ผมเตือนตัวเองว่าผมจะทำให้เธอดูดีเสมอเมื่อใครๆ พูดถึงชื่อเธอ เพราะถ้าผมเอาแต่แพ้เรื่อยไป ชื่อของเธอก็จะถูกกล่าวถึงในแง่ไม่ดี ผมต้องประสบความสำเร็จสิถึงจะถูก ผู้คนจะพูดถึงผม และเมื่อนั้นผมจะบอกว่าเธอนั่นแหละที่มีส่วนร่วมกับความสำเร็จครั้งนี้"
เมื่อคิดได้ทุกอย่างก็ถูกพัฒนาจนเข้ารูปเข้ารอย หลังชัยชนะที่ฝรั่งเศส เบเกเล่ ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลับมาอยู่ในสภาพความฟิตและจิตใจที่ไม่ต่างจากช่วงพีคก่อนหน้านี้ของเขามากนัก เช่นเดียวกับเรื่องความรัก เมื่อเขาได้เจอกับ ดานาวิท เกเบรเซียเบอร์ นักแสดงสาวเพื่อนร่วมชาติ ก่อนทั้งคู่จะตกลงปลงใจแต่งงานกันในปี 2007 และสร้างครอบครัวแสนสุขร่วมกัน
เขากลับมาคว้าแชมป์โลกวิ่งครอสคันทรี่อีก 3 เหรียญ รวมถึง 4 เหรียญทองศึกชิงแชมป์โลก และคว้า 2 เหรียญทองโอลิมปิกที่ปักกิ่งปี 2008 ก่อนเบนเข็มมาวิ่งมาราธอน ซึ่งเขาสามารถคว้าแชมป์ เบอร์ลิน มาราธอน ได้ถึง 2 ครั้ง ในปี 2016 และล่าสุดปี 2019 นี้
Photo : Watch Athletics
บางครั้งความยิ่งใหญ่ก็ต้องมากับบททดสอบที่ร้ายเสียยิ่งกว่าใครหลายคนจะก้าวข้ามมันไปได้ เส้นแบ่งของยอดนักวิ่งกับผู้ล้มเหลวของ เบเกเล่ ห่างกันแค่ก้าวเดียว หากวันนั้นเขาไม่ย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกา หากวันนั้นเขาไม่ระลึกได้ว่ามีคนที่รอเชียร์และเห็นเขาเป็นเหมือนความหวังอยู่ข้างๆ และสุดท้ายหากวันนั้นเขาไม่เข้าใจว่าการสูญเสียและการมีชีวิตอยู่ต่อหมายถึงสิ่งใด เขาจะไม่มีทางกลายกลับมาเป็นยอดนักวิ่งได้อีกแน่นอน
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
โฆษณา