29 มี.ค. 2020 เวลา 22:22 • ปรัชญา
“สิ่งที่พระรัตนตรัยมอบให้กับเรา”
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓
คนที่ไม่มีการศึกษาไม่เรียนรู้ความจริงของชีวิตนี้จะหลงใหลกับการเกิดกัน จะเห็นว่ามาเกิดนี้ดีเพราะเมื่อมาเกิดแล้วจะได้มาหาความสุขจากลาภยศสรรเสริญ จากรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ก็เลยแสดงความยินดีให้กันฉลองวันเกิดกัน แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ขอให้มีความสุขมากๆ ขอให้มีความเจริญมากๆ แต่ความจริงมันมีอะไรรออยู่ข้างหน้า ยิ่งเบิร์ธเดย์มากขึ้นความแก่มันก็ยิ่งเข้ามาใกล้ใหญ่ ความเจ็บไข้ได้ป่วยมันก็เข้ามาใกล้ใหญ่ ความตายมันก็เข้ามาใกล้ใหญ่ แล้วยังไปฉลองแฮปปี้ เบิร์ธเดย์กันอยู่ มันต้องฉลอง “แฮปปี้ โน เบิร์ธเดย์” ฉลองการไม่มีวันเกิดสิ ไปฉลองการมีวันเกิดทำไม เพราะมีวันเกิดแล้วมันก็มีวันแก่มีวันเจ็บมีวันตายกัน ถ้าไปมีวันไม่เกิด โอ๊ย สบายแล้วสิทีนี้ ไม่ต้องแก่ไม่ต้องเจ็บไม่ต้องตายกัน นี่ผู้ที่มีวันไม่เกิด คือใคร? ก็คือพระรัตนตรัยของเรานี้เอง พระพุทธเจ้านี้ไม่มีวันเกิดแล้ว พระอรหันตสาวกทั้งหลายไม่มีวันเกิดแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่พระรัตนตรัยจะมอบให้กับเราคือการไม่มาเกิด การไม่มีวันเกิด เพราะการไม่มีวันเกิดจะทำให้ไม่มีวันแก่ไม่มีวันเจ็บไม่มีวันตายกันนั่นเอง แล้วการจะไม่มีวันเกิดได้ก็ต้องไม่มีความอยากในการเสพรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ นี่เอง
ผู้ที่ไม่อยากจะกลับมาเกิดต้องตัดกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาไป เพราะถ้าไม่เสพกามตัณหามันก็ต้องเปลี่ยนไปเสพภวตัณหาคือรูปฌานแทน ถ้าไม่เสพรูปฌานมันก็เปลี่ยนไปเสพอรูปฌานแทน มันยังติดอยู่ในไตรภพอยู่ ถ้ายังเสพทั้ง ๓ นี้อยู่ ถ้าจะไม่เสพทั้ง ๓ นี้ก็ต้องอาศัยยาของพระรัตนตรัย พระพุทธเจ้าทรงค้นพบยาที่จะทำให้ไม่ต้องเสพกามตัณหา ไม่ต้องเสพภวตัณหา ไม่ต้องเสพวิภวตัณหา สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขโดยที่ไม่ต้องเสพกามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา คือไม่ต้องเสพกามไม่ต้องเสพรูปเสียงกลิ่นรส ไม่ต้องเสพรูปฌาน ไม่ต้องเสพอรูปฌาน ด้วยการเสพรสแห่งธรรมที่ชนะรสทั้งปวง นี่คือสิ่งที่เราจะเสพกัน เราต้องเปลี่ยนจากการเสพกามตัณหาไปสู่การเสพรสแห่งธรรม ไม่เสพกามไปเสพรสแห่งธรรม
เบื้องต้นรสแห่งธรรมที่เราจะเปลี่ยนจากกามมา ก็มาเสพรสของความสงบของรูปฌานก่อน ต้องพึ่งรูปฌานเป็นขั้นบันไดไปก่อน พอเรามีรูปฌานมีความสุขจากรูปฌานเราก็ไม่ต้องเสพกามอีกต่อไป แต่การเสพรูปฌานยังทำให้เราติดอยู่ในรูปภพอยู่ หรือเสพอรูปฌานก็ยังทำให้เราติดอยู่ในอรูปภพอยู่ พอถึงขั้นนั้นแล้วเราต้องเลิกเสพรูปฌาน ต้องเลิกเสพอรูปฌาน ด้วยการใช้สติใช้ปัญญาสอนใจว่าถึงแม้ว่าจะเป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขจากการเสพกาม แต่มันก็ยังเป็นความสุขของไตรภพอยู่ เป็นความสุขที่จะดึงให้กลับมาเกิดในไตรภพอีกต่อไป ดังนั้นพอถึงขั้นนั้นแล้วก็ต้องเลิกเสพรูปฌานเลิกเสพอรูปฌาน อยู่แบบปกติ ไม่ต้องเข้าฌาน อยู่กับสติปัญญาไว้คอยแก้ความทุกข์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น เวลาเกิดความอยากจะเสพรูปฌานหรืออรูปฌานก็ใช้สติปัญญามากำจัดมันด้วยการพิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ เห็นทุกข์ในรูปฌานเห็นทุกข์ในอรูปฌานต่อไป เมื่อเห็นเป็นทุกข์แล้วก็จะเลิกอยากความอยากที่จะเสพรูปฌานอรูปฌาน พอความอยากทั้ง ๓ ถูกกำจัดหมดไปจากใจแล้ว ทีนี้รสแห่งธรรมที่แท้จริงก็จะปรากฏขึ้นมาที่เรียกว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” ก็จะเกิดตามมาต่อไป ทำให้ไม่ต้องกลับมาเกิดในไตรภพอีกต่อไป เพราะเมื่อได้ “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” แล้ว ได้บรมสุขของพระนพพานแล้ว จิตก็ไม่ต้องกลับมาหาความสุขจากกามภพ ไม่ต้องมาหาความสุขจากรูปภพ ไม่ต้องมาหาความสุขจากอรูปภพอีกต่อไป
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
โฆษณา