30 มี.ค. 2020 เวลา 04:12 • ความคิดเห็น
วันนี้ผมจะมาเขียนเล่าประสบการณ์ของผม
ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ผ่านไป
บางท่านอาจจะเคยประสบกับเหตุการณ์นี้
มันคือ วิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 !!
Cr. https://trafalgar-intl.com/flood-prevention/
ตามกฎธรรมชาติ น้ำจะไหลจากที่สูง ลงสู่ที่ตำ่
น้ำจากภาคเหนือของไทยจะไหลลงมารวมตัวกันผ่านเขื่อนที่กักเก็บน้ำ ผ่านแม่น้ำสายต่างๆ สุดท้ายก็ไหลลงสู่ทะเล
ใครจะไปเชื่อครับ ว่าวันหนึ่งจะเกิดน้ำท่วมใหญ่!!!
คงไม่มีใครนึกมาก่อนว่าเรือจะมาพายอยู่ได้บนถนน
และพายเข้าไปถึงหน้าห้างสรรพสินค้า แล้วใครจะเชื่อว่าน้ำจะท่วมบ้านได้ทั้งชั้น ทั้งๆที่บ้านของเราอยู่ในเมือง
พ.ศ. 2554 เมื่อประมาณช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม
ปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ เริ่มมีปริมาณสูงขึ้นมากกว่าปกติ จึงได้ตัดสินใจเริ่มทยอยปล่อยน้ำออกมาจากเขื่อนมากขึ้น เพื่อระบายไม่ให้น้ำมีมากเกินไปจนอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเขื่อน น้ำปริมาณได้ไหลลงมาท่วมพื้นที่ ไร่นาของชาวบ้านเสียหายเป็นจำนวนมาก
ตอนนั้น มีหลายๆองค์กรเริ่มให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือการทำกระสอบทรายกั้นน้ำ โดยมีหลายหน่วยงานทำการแจกทรายฟรี ให้กับประชาชนเพื่อนำไปทำกระสอบทรายกั้นน้ำไม่ให้เข้าบ้านของตัวเอง
และก็มีหลายคนแก้ปัญหานี้ โดยการใช้ทรายมาก่อกำแพงอิฐชั่วคราวไว้รอบบ้านเพื่อกันน้ำเข้าบ้าน
Cr.Terry Barsdale
ผมได้มีโอกาสไปช่วยเหลือในครั้งนั้น คือการช่วยไปตักทรายเทใส่กระสอบให้กับประชาชนที่จะมารับทราย
ด้วยความที่ตอนนั้น ทราย เป็นที่ต้องของตลาดเป็นอย่างสูง จึงหาซื้อแทบไม่ได้ ผลิตไม่ทัน
ประชาชนที่มาขอรับทรายจึงมีจำนวนมาก
ทำให้รถติดยาวเป็นกิโลเนื่องจากต้องใช้รถส่วนตัว ขนทรายกลับบ้านและปริมาณทรายที่มีอยู่คงไม่สามารถแบ่งให้ครบทุกคนได้ ทางองค์กรจึงได้มีนโยบายคือ แจกทราย 2 กระสอบต่อรถหนึ่งคัน
ช่วงเวลานั้น ทำให้ผมเห็นหลายๆสิ่งของมนุษย์
ที่ถูกเปิดเผยออกมา
“น้องๆตักทรายให้พี่เยอะๆหน่อยนะ พี่ขอเพิ่มอีกกระสอบ เดี๋ยวพี่จ่ายให้ ไม่มีใครรู้หรอก”
“ น้องทรายแค่นี้จะไปพอได้ไง ทำไมให้น้อยจัง”
“ น้องค่ะพี่มาตั้งไกล สงสารพี่เถอะนะ”
“ มาๆเดี๋ยวพี่ตักเอง “ และก็ตักไปจนล้นกระสอบ
“ เห้ยย!! ไอ้น้อง ทำไมเอ็งให้แค่นี้วะ พี่มีเรื่องจำเป็นต้องใช้นะ ตักมาเยอะหน่อยดิ”
3
“ ขอบคุณมากนะครับ น้อง”
“เหนื่อยไหมน้อง พี่ซื้อน้ำมาฝาก “ และอีกมากมาย
บางคนถือแต่กระสอบไม่มีรถ ก็ไม่สามารถที่จะแจกทรายให้ได้ เนื่องจากต้องป้องกันการเดินมาขอซ้ำซ้อน
บางท่านตั้งใจมาจริงๆ โดยที่ไม่รู้ระเบียบข้อตกลง
ก็ทรุดกาย นั่งร้องไห้ เพราะไม่ได้ทรายกลับบ้าน
ประสบการณ์ในวันนั้น ทำให้รู้ถึงจิตใจของมนุษย์ในด้านต่างๆ ที่ถูกเปิดเผยออกมาเมื่ออยู่ในช่วงวิกฤต
ทำให้เห็นธาตุแท้ของคนแต่ละคน ว่าเขาเป็นอย่างไร
หลังจากวันนั้นผ่านพ้นไปไม่นาน
สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ฝนได้ตกลงมามากขึ้นและยาวนานขึ้นในบริเวณภาคเหนือ และพื้นที่อื่นๆ
ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนสูงมากขึ้นกว่าเดิม ทางเขื่อนจึงจำเป็นต้องปล่อยน้ำออกมามากกว่าเดิมยิ่งขึ้น ทำให้มวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลท่วม ทุกพื้นที่บริเวณที่มันผ่านไปถึง
มวลน้ำไหลลงมาจากภาคเหนือ ลงมาเรื่อยๆผ่านจังหวัดต่างๆ ถึงปริมณฑล และค่อยๆเข้าสู่เมืองหลวงแล้วเกิดเป็นน้ำท่วมใหญ่อย่างที่เห็น
Cr.Neung Poowanai
สุดท้ายไม่ว่าใคร จะมีกระสอบทรายมากเท่าไร หรือกระทั่งก่อกำแพงรอบบ้าน น้ำก็ไหลเข้าไปในบ้านของทุกๆคนผ่านท่อระบายน้ำ ไม่มีเลือกรวยจน บางพื้นที่แก้ปัญหาโดยการใช้เครื่องสูบน้ำ สูบน้ำออกจากพื้นที่ของตน เพื่อให้ไปท่วมพื้นที่อื่น แต่สุดท้ายไม่ว่าจะทำวิธีไหน
ก็ไม่มีใครรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้
ทุกคนได้รับน้ำกันอย่างเท่าเทียม หลายคนต้องเอารถไปจอดไว้ในที่สูงเช่น บนทางด่วน หรือเนินสะพาน บางคนหาที่จอดไม่ได้ก็นำไม้ นำอิฐมาซ้อนๆกันให้สูง แล้วน้ำรถขึ้นไปจอด
หลายๆบ้านต้องขนของสละชั้นล่างย้ายไปอยู่ชั้นบนชั่วคราว บางคนมีบ้านชั้นเดียวก็ต้องขึ้นไปอยู่บนหลังคา หรือบางคนอาจหนีไปอยู่จังหวัดอื่นชั่วคราว
รอให้น้ำลดแล้วค่อยกลับมา
และแล้วเมื่อน้ำได้ค่อยๆลดลง การจราจรเริ่มกลับมาใช้ได้ ผู้คนเริ่มกลับมาจัดการแก้ปัญหากับผลของน้ำท่วมที่จากไป บ้านบางหลังเสียหายน้อย บางหลังเสียหายมาก หรือบางหลังก็โดนขโมยขึ้นบ้านเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก
และเมื่อเวลาผ่านไป สุดท้ายวิกฤตนี้มันก็ผ่านพ้นไป
เป็นแค่เหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่ง เป็นเพียงความทรงจำหนึ่งเท่านั้น แต่ประสบการณ์ที่ได้รับมีค่ามากมาย
มหาศาลจริงๆครับ
เช่นเดียวกับวันนี้ ที่เรากำลังเผชิญกับ โรคร้าย Covid-19 สุดท้ายมันก็จะผ่านไปครับและเป็นกลายประสบการณ์หนึ่งที่เราสามารถนำมาสอนตัวเอง
และปรับใช้เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นมากกว่าเดิมได้ครับ
เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ
ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีครับ 😄😊
โฆษณา