30 มี.ค. 2020 เวลา 08:14 • การศึกษา
คนขายเนื้อ
ณ แคว้นฉี มีชายขายเนื้อคนหนึ่ง เปิดร้านขายเนื้อเล็ก ๆ ซึ่ง กิจการค้าขายของเขานั้นก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ชายคนนี้ จัดเป็นคนสามัญธรรมดาที่สุดคนหนึ่ง แต่มีความเข้าใจในชีวิตดี และมีความพึงพอใจในความเป็นอยู่ของตนเอง ไม่คิดฟุ้งซ่าน อยากทำในสิ่งที่เกินตัว
วันหนึ่งกษัตริย์แคว้นฉีได้ส่งอำมาตย์คนหนึ่งมาที่บ้านของ ชายขายเนื้อ อำมาตย์ได้บอกกับชายขายเนื้อว่า “องค์กษัตริย์มี พระราชประสงค์จะยกพระราชธิดาให้ท่าน ถ้าท่านตอบรับ ไม่เพียงแต่ท่านจะได้รับสินสอดเงินทองมหาศาล ท่านยังสามารถ รับราชการเป็นขุนนางผู้ใหญ่อีกด้วย นี่เป็นโอกาสที่ยากจะพานพบ ในรอบพันปี ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงจะไม่ปฏิเสธ”
เมื่อชายขายเนื้อได้ฟังดังนั้นก็ตอบกลับไปว่า “ข้าพเจ้ารู้สึก สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์กษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง
แต่ข้าพเจ้าไม่อาจรับเรื่องนี้ไว้ได้ เพราะข้าพเจ้าเป็นโรคชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่มีทางรักษาหายขาด ขอให้ท่านช่วยกราบขอพระราชทาน อภัยโทษ และกราบบังคมทูลถึงความสำนึกในพระมหากรุณา- ธิคุณเป็นล้นพ้นของข้าพเจ้าด้วย”
หลังจากอำมาตย์ผู้นั้นกลับไปแล้ว เพื่อนบ้านและมิตรสหาย ของคนขายเนื้อต่างรุมตำหนิเขา ว่าเขาไม่ควรปล่อยให้โอกาส อันดีเช่นนี้หลุดมือไป
คนขายเนื้อจึงชี้แจงว่า “พวกท่านคิดว่านี้เป็นโอกาสดีหรือ ตัวข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น ในใต้ฟ้าไหนเลยจะมีเรื่องราวที่สะดวก ง่ายดายอย่างนี้ ในแคว้นฉีมีชายหนุ่มที่หล่อเหลาคมคายและ มีสติปัญญาดีอยู่มากมาย แต่องค์กษัตริย์ไม่ยกพระราชธิดาให้ คนอื่น กลับประจวบเหมาะมาพอใจตัวข้า ถ้าไม่ใช่เพราะพระราช ธิดามีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์อย่างยิ่ง ก็แสดงว่าต้องมีข้อบกพร่อง อะไรที่ร้ายแรงอยู่อย่างแน่นอน ถึงแม้ข้าจะเป็นเพียงคนขายเนื้อ คนหนึ่ง ก็ไม่อาจแต่งงานกับหญิงที่ตนไม่ได้รัก เพียงเพื่อทรัพย์สิน เงินทองได้”
ถึงแม้ทุกคนจะรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็ ยังไม่รู้สึกคล้อยตามไปเสียทั้งหมด กระทั่งมีชายคนหนึ่งเอ่ยถาม
เขาว่า “ท่านไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน”
คนขายเนื้อตอบกลับในทันทีว่า “ข้าเป็นคนขายเนื้อ เรื่ องอะไรอื่ นข้าไม่ ค่อยรู้มากมายนักแต่ ถ้าเรื่ องการขายเนื้ อล่ะก ็ ข้าคือผู้เชี่ยวชาญ เนื้อที่สดใหม่ แม้ราคาจะแพงขึ้นสักเล็กน้อย ผู้คนก็รุมกันซื้อ แต่ถ้าเป็นเนื้อเก่าที่เริ่มส่งกลิ่น แม้จะขายใน ราคาถูก แถมกระดูกติดมันให้อีกก็ยังไม่มีใครต้องการ”
ท่านทั้งหลาย...
คนจำนวนมากในโลกชอบคิดเข้าข้างตนเอง เวลาจะรักใคร ชอบใคร บางทีก็รู้ว่าคน ๆ นั้นเป็นคนไม่ดี ชอบยุ่งเกี่ยวกับ อบายมุข แต่ก็ปลอบใจตนเองว่าเขาอาจจะไม่ดีกับคนอื่น แต่เรา เป็นบุคคลพิเศษ เขาต้องดีกับเราแน่ ๆ เสร็จแล้วก็ต้องมานั่ง นำตาตกในภายหลัง
หรือบางครั้งเมื่อมีคนนำทรัพย์นำความโลภมาล่อ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นฟังแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าที่ควร แต่ก็คิด เข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นโชคดีของเรารีบคว้าเอาไว้ก่อนดีกว่า แล้วก็มีเรื่องเดือดร้อนเสียหายตามมาในภายหลัง
ความจริงแล้ว การคิดเข้าข้างตัวเองอย่างนี้ คือ การยอมแพ้ ต่ออำนาจกิเลส ความโลภ และความหลงในตัวนั่นเอง จากนั้นจึง หาเหตุผลมาบอกกับตัวเองเพื่อจะทำตามความอยากของตน
เพียงเราหมั่นฝึกฝนให้เป็นคนรู้จักพอ คิดอะไรให้สุขุมรอบคอบ ดูเหตุ ดูผล ดูทั้งได้ทั้งเสียให้รัดกุม ไม่โลภ ไม่หวังลาภลอย เราจะขจัดเรื่องเดือดร้อนออกจากชีวิตไปได้มากทีเดียวและจะ สามารถดำเนินชีวิตตามอัตภาพของตนไปได้อย่างมีความสุข

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา