2 เม.ย. 2020 เวลา 12:10 • ธุรกิจ
7-ELEVEN อาจไม่ได้ประโยชน์จาก โควิด-19 อย่างที่เราคิด
3
หลายคนอาจมองว่า สถานการณ์โควิด-19 การที่ผู้คนแห่ซื้อสินค้าที่จำเป็น น่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก รวมถึงเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย
1
แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าให้ตอนนี้ไปถามพนักงานในเซเว่น พวกเขาจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยอดขายลดลงกว่าเดิม”
ทำไมเรื่องนี้ตรงข้ามกับที่หลายคนคิด?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
มาตรการปิดกรุงเทพฯ ผู้คนลดการพบเจอกัน ทำงานที่บ้าน ไม่ออกเดินทาง
เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เซเว่น อีเลฟเว่นจะไม่ได้ขายดีถล่มทลายในวิกฤติรอบนี้
เพราะหัวใจสำคัญคือ เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการ “Commute” หรือเดินทาง ของผู้คน ซึ่งเซเว่น อีเลฟเว่นใช้จุดเด่นของการเป็นร้านสะดวกซื้อ ทำให้คนซื้อทันทีเมื่อคนเดินทางผ่านจุดนั้น
เราจะเห็นได้จาก เซเว่น อีเลฟเว่น มักจะตั้งอยู่ตามป้ายรถเมล์ ปั๊มน้ำมัน หน้าปากซอย ให้คนแวะซื้อในยามที่เขาเดินทาง
เมื่อ “เราไม่เดินทางออกไปไหน” ก็เป็นความเสี่ยงที่คนจะ “ลืมนึกถึง” เซเว่น อีเลฟเว่น
สาขาเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งหมด 11,712 สาขาทั่วประเทศไทย แบ่งออกเป็น
ปั๊มน้ำมัน 1,714 สาขา คิดเป็น 15%
สาขาทั่วไป 9,998 สาขา คิดเป็น 85%
แบ่งเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 44% และต่างจังหวัด 56%
จากตรงนี้ จะเห็นได้ว่าถ้าคนเดินทางน้อยลง เราจะเติมน้ำมันน้อยลง และแน่นอนว่ารายได้จากสาขาในปั๊มน้ำมันก็จะน้อยลงตาม
อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ สาขาในเซเว่น อีเลฟเว่นกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลค่อนข้างหนาแน่น ซึ่งก็เป็นพื้นที่ที่โดนทางการประกาศปิดสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ให้ผู้คนเดินทาง จนล่าสุดลากยาวไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน
ซึ่งก่อนหน้านี้ เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม ที่แต่เดิมมีนักท่องเที่ยวต่างชาติคอยซื้อ ตอนนี้ลูกค้าเหล่านั้นก็หายไป
มาตอนนี้ที่โดนปิดเมือง เซเว่น อีเลฟเว่น ที่อยู่ใกล้ ออฟฟิศ สถานศึกษา ที่มีพนักงาน นักเรียน คอยซื้อ พวกเขาก็จะซื้อน้อยลงเช่นกัน
Cr. The Thaiger
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
หากเราเป็นพนักงานบริษัททำงานในกรุงเทพฯ
ปกติเราจะแวะเซเว่นละแวกที่ทำงานเป็นประจำ
สำหรับอาหารเช้า ขนม หรือเครื่องดื่ม
ภาพนี้ก็จะหายไปในทันที
ดังนั้นสินค้าที่เน้นขายในร้านสะดวกซื้อ เช่น น้ำชาเขียว น้ำอัดลม ก็จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
ลองนึกภาพว่าเราเดินทางไปทำงาน อากาศร้อน กระหายน้ำ แวะเข้าเซเว่นที่ป้ายรถเมล์ หยิบชาเขียวมาดื่มกินทันที.. ในตอนนี้เราไม่ร้อน เราไม่ต้องเดินทาง ชาเขียวขวดนั้นก็จะทำหน้าที่ของมันได้น้อยลง
อย่างไรก็ตาม เซเว่น อีเลฟเว่น ที่อยู่ใกล้ที่พักอาศัย คอนโด หอพัก หลายแห่งก็จะมียอดขายที่เพิ่มขึ้น เพราะคนไม่ต้องเดินทาง และสามารถหาของกินของใช้ได้จากเซเว่นแถวที่พัก
แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับโอกาสที่ขาดหายไปของ เซเว่น อีเลฟเว่น ที่จะขายให้กับผู้คนที่ต้องเดินทางในชีวิตประจำวัน
หากเรามาดูรายได้หลักของเซเว่น อีเลฟเว่นจะมาจาก
อาหารพร้อมทาน อาหารแช่แข็ง และเครื่องดื่ม 71.2%
ของใช้ในบ้าน ของใช้ส่วนบุคคล 28.8%
ประเด็นที่สำคัญ ในสถานการณ์ที่คนต้องอยู่บ้านทั้งวัน
สิ่งที่เกิดขึ้น และเห็นได้ชัดในช่วงนี้ก็คือ
เรื่องแรก ผู้คนจะเริ่มไปซื้อของใช้ และวัตถุดิบทำอาหารในห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตหรือซูเปอร์มาร์เก็ต เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือฟู้ดแลนด์จะขายดีขึ้น เพราะห้างเหล่ามีของให้เลือกครบ
Cr. Foodland Supermarket
ทำให้ความต้องการในการซื้อของปริมาณมากใส่ตะกร้าใหญ่ๆ เทลงท้ายรถ ครบจบในที่เดียวเพิ่มขึ้น ซึ่งต่างจากร้านสะดวกซื้อที่ไม่ได้มีสินค้าครบครันในแบบที่เราต้องการ
นอกจากนี้ เมื่อเราอยู่บ้านมากขึ้น
ผู้คนจะมีแนวโน้มที่ใช้เวลาว่างในการทำอาหารกินเองเพิ่มขึ้น
จากเดิมที่เราอยากลองทำ เมนูนั้น เมนูนี้ ด้วยตนเองแต่ยังไม่มีเวลาทำสักที
คราวนี้ก็จะได้ลองทำ อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ แต่มีเวลาก็อยากลอง
เรื่องที่สอง ก็คือการสั่งซื้ออาหารจากร้านอาหารส่งถึงบ้าน
ผ่าน Grab Food, LINE MAN และ Foodpanda จะเพิ่มขึ้น
2
Cr. Chiang Rai Times
ซึ่งดีมานด์ของการสั่งอาหารส่งถึงบ้านจากแอปต่างๆ ในเดือนนี้น่าจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ชนิดที่ขายเดือนเดียวได้ยอดเท่ากับปีที่แล้วทั้งปี
เพราะหน้าร้านที่ถูกย่อลงมาอยู่ในจอสมาร์ตโฟน ก็เข้ามาเติมเต็มช่องว่างระหว่างเรากับร้านอาหารที่โดนปิดไปได้เป็นอย่างดี
ถ้าหากย้อนกลับไป 5 ปีที่แล้วตอนที่เรายังไม่รู้จักกับบริการส่งอาหารถึงบ้าน ก็ไม่แน่ว่าตัวเลือกอาหารในเซเว่นก็อาจเติบโตได้
แต่ต้องยอมรับว่าในเวลานี้ผู้คนจะเลือกสั่งอาหารจากในแอป มากกว่าเดินไปเซเว่น..
จากมุมมองนี้ เราก็อาจสรุปได้ว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีแนวโน้มที่จะ “ได้รับผลกระทบ” มากกว่าได้รับประโยชน์จากวิกฤติในรอบนี้
สาเหตุสำคัญก็คือ ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม วันที่กรุงเทพฯ ประกาศปิดเมือง
เซเว่น อีเลฟเว่น ได้เสียประโยชน์จากการที่ผู้คนเดินทางน้อยลง
ล่าสุดรัฐบาลไทยก็ได้ประกาศเคอร์ฟิว หรือห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานทั่วประเทศตั้งแต่ 4 ทุ่ม จนถึงตี 4 ซึ่งเรื่องนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อร้านค้าที่เปิด 24 ชั่วโมงแบบเซเว่น ไม่มากก็น้อย
ซึ่งหากเราดูทั้งไตรมาสที่ 1
ผลกระทบก็อาจจะยังไม่ชัดเจน
เพราะเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดได้เพียง สัปดาห์เดียว จากระยะเวลาทั้งหมด 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 2 นี้
ก็น่าจะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญที่ เซเว่น อีเลฟเว่น ต้องเจอ ในรอบทศวรรษ..
โฆษณา