5 เม.ย. 2020 เวลา 15:02
10 กลยุทธิ์ฉุดธุรกิจให้ล่มจม โดย อดีตผู้บริหารโคคาโคล่า.
อดีตผู้บริหารบริษัท โคคาโคล่า Ronald R.Keough เคยถูกเชิญให้ไปบรรยายเรื่อง “กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ” ให้แก่นักธุรกิจท่านอื่น ซึ่งเขาก็ไม่รู้จะบรรยายอะไรเพราะบนโลกนี้มีเคล็ดลับความสำเร็จจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงมากมาย แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าถ้าเชื่อพวกเขาแล้วจะการันตีความสำเร็จได้อย่างแน่นอน…!?!
ถึงแม้ Ronald จะเคยบริหารบริษัทยักษ์มาก่อน แต่เขาก็ไม่รู้วิธีที่จะสอนให้คนอื่นเป็นผู้ชนะ ถึงกระนั้น ถ้าเป็นด้านตรงข้ามล่ะ เขาสามารถบรรยายได้เป็นฉากๆเลย และนี่คือหนังสือที่เขาเขียน 10 กลยุทธิ์ฉุดธุรกิจให้ล่มจม สำหรับคนที่อยากมีอนาคตแบบพังพินาศ …!!! โดย Ronald R.Keough สำนักพิมพ์ Welearn
กลยุทธิ์ที่ 1 เลิกเสี่ยง
โคคาโคล่าก่อตั้งเมื่อปี 1886 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โรเบิร์ต วูดรัฟฟ์ ผู้สร้างโคคาโคล่ายุคใหม่กลับไม่พอใจและอยากจะขยายอาณาจักรธุรกิจของตัวเองไปต่างประเทศ ทุกคนที่ได้ยินไอเดียของเขาล้วนบอกว่ามันเสี่ยงมาก และไม่ควรทำอะไรเสี่ยงแบบนั้น สุดท้าย ตัวเขาเองแอบบินไปนิวยอร์คเพื่อก่อตั้งบริษัทส่งออกโคคาโคล่าที่นั่น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานน้ำดำสีแดงทั่วโลก ในปี 1933 เศรษฐกิจเกิดตกต่ำครั้งใหญ่ บริษัทมากมายล้วนพากันพินาศ แต่วูดรัฟฟ์กลับเพิ่มงบโฆษณาของบริษัทเป็น 4.3 ล้านดอล์ล่าร์แทน และผลลัพธ์ที่ได้คือ ยอดขายพุ่งกระฉูด
กลยุทธิ์ที่ 2 อย่าทำตัวยืดหยุ่น
ในปี 1920 เกิดข้อพิพาทเรื่องสิทธิการใช้ชื่อ โคคาโคล่า และทางบริษัทก็ชนะคดี และนั่นทำให้ผู้บริหารเกิดความยึดติด เครื่องดื่มของเขาต้องบรรจุในขวดสีเขียวสดใสขนาด 185 มิลลิลิตรเท่านั้น ห้ามเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด…!!! ในปี 1939 เป๊ปซี่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ขนาด 340 มิลลิลิตร ด้วยสโลแกน “ได้ 2 เท่าในราคา 5 เซน” ได้ผล เป๊ปซี่สามารถสร้างยอดขายพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนโคคาโคล่า ไม่ยอมยืดหยุ่น เพราะพวกเขาเชื่อว่ามันจะทำให้ต้นทุนพวกเขาเพิ่มขึ้น จนสุดท้ายด้วยยอดขายที่ตกลงฮวบฮาบ พวกเขาเลยเปิดตัวโค้ก 3 ขนาด คือ ขวดใหญ่ ใหญ่พิเศษ และขนาดครอบครัว
กลยุทธิ์ที่ 3 แยกตัวออกจากคนอื่น
บริษัทที่ล่มจมมักมีซีอีโอที่ไม่ยอมคลุกคลีกกับลูกน้อง ส่วนบริษัทที่ประสบความสำเร็จนั้นตรงข้าม เห็นได้ชัดว่าการยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางนั้นเป็นหายนะ เป็นการบ่อนทำลายบริษัทจากภายใน ถ้าคุณอยากจะรู้เรื่องอะไร ถามจากคนสนิทไม่กี่คนก็พอ พวกเขาจะบอกในสิ่งที่คุณอยากได้ยิน หากคุณอยากจะล้มเหลว จงคบหาแต่คนที่เห็นด้วยกับคุณทุกด้านของชีวิต ไม่คัดค้านแม้คุณจะทำในสิ่งที่ผิด ตอนทำงานอยู่โคคาโคล่า Ronald มักจะได้รับคำเตือนดีๆจากคนรอบข้างเมื่อเขาทำผิดอยู่เสมอ
กลยุทธิ์ที่ 4 ถือว่าตัวเองถูกเสมอ
อย่าไปยอมรับปัญหาหรือข้อผิดพลาดใดๆ จงปกปิดมันเสีย จากนั้นก็โทษคนอื่นเยอะๆ ทุกคนรอบตัวผิดหมด ฉันถูกเสมอ คนที่จะประสบความสำเร็จมักจะโทษตัวเองและยอมรับผิดด้วยตัวเองเสมอ ในปี 1999 โค้กถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เด็กป่วย ทั้งพ่อแม่กับหมอล้วนเห็นด้วย แต่บริษัทยักษ์ใหญ่โคคาโคล่ากลับปฏิเสธ จนกระทั่งยอดขายร่วงและเรียกคืนสินค้าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมยังต้องใช้เงินอีกมหาศาลเพื่อกอบกู้สถานการณ์
กลยุทธิ์ที่ 5 เล่นไม่ซื้อเข้าไว้
ในหนังสือได้อธิบายถึงเรื่องจริยธรรมกับตลาดหุ้นเสียส่วนใหญ่ มีบริษัทมากมายยอมทำทุกวิธีทางโดยไม่คำนึงเรื่องจริยธรรมเพื่อคาดหวังผลลัพธ์ในระยะสั้นๆ และนั่นมันต้องแลกมากับชื่อเสียง หลายบริษัทถึงขั้นล้มละลายไปเลยก็มี ผู้บริหารหลายคนก็ยอมทุ่มเงินมากมายเพื่อซื้อบ้านหลังใหญ่ รถคันหรู เพื่อให้ตัวเองได้ขึ้นปกนิตยสารและใช้โอกาสนั้นแสวงหาโอกาสโดยมิชอบ คนไร้จริยธรรมอาจจะได้ดิบได้ดีอยู่ช่วงหนึ่งก็จริง แต่ในที่สุดความไร้ศีลธรรมจะย้อนกลับมาทำลายพวกเขาเอง
กลยุทธ์ที่ 6 อย่าเสียเวลาคิด
ในปี 1985 ยอดขายของเป๊ปซี่เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆตนแซงหน้าโค้กเล็กน้อย บริษัทพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มงบโฆษณา แต่ไม่เป็นผล สุดท้าย พวกเขาเลยคิดว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจาก “ตัวสินค้า” เอง พวกเขาเลยทำการทดลอง โค้กได้ทดสอบให้กลุ่มตัวอย่างจิบน้ำ ก เทียบกับน้ำ ข โดยไม่เปิดเผยยี่ห้อ ปรากฏว่าน้ำที่หวานกว่าเป็นฝ่ายชนะ โคคาโคล่าเลยเข้าใจว่า “โค้กยังหวานไม่พอ” พวกเขาเลยออกผลิตภัณฑฺ์ใหม่ในชื่อนิวโค้กที่หวานกว่าเดิม และผลลัพธ์คือ ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะนิวโค้กนั้นทำลายความเป็นโค้กไปหมดสิ้น
กลยุทธ์ที่ 7 จงเชื่อผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาให้เต็มที่
ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า นิวโค้ก จะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และเมื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออกสู่ท้องตลาด ภายใน 1 สัปดาห์ มีจดหมายเขียนเข้ามาด่าบริษัทมากถึง 4 แสนฉบับ ถึงกระนั้น ผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าให้เดินหน้าต่อไป จนกระทั่งแฟนพันธ์แท้ของโค้กกว่า 5,000 เดินขบวนประท้วง ทนายเขียนจดหมายมาขอลายเซ็น “ผู้บริหารที่โง่ที่สุดในประวัติศาสตร์” รายการโทรทัศน์ต่างพากันล้อเลียน โค้กสูตรเก่าถูกกว้านซื้อจนหมดตลาด ถึงกระนั้น ผู้เชี่ยวชาญยังคงให้เดินหน้าขาย นิวโค้ก ต่อไป ดีเสียอีกที่มีคนด่า เพราะมันจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้นิวโค้กอยู่ต่อไปอีกยาวนาน สุดท้าย Ronald ตัดสินใจประกาศว่าจะขาย โคคา โคล่า คลาสสิก และนั่นทำให้บริษัทได้รับจดหมายชื่นชมและดอกไม้มากมาย และเมื่อเหตุการณ์นั้นจบลง ผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นก็แยกย้ายไป “ช่วยเหลือ” บริษัทอื่นต่อไป โดยพวกเขาไม่สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
กลยุทธ์ที่ 8 บูชากฏระเบียบที่ยุ่งยากในองค์กร
ฟอลเรนซ์ เลขาคนใหม่พึ่งเข้ามาทำงานในโคคาโคล่า ในเมืองแอตแลนตา เมื่อปี 1973 เธอร้องไห้อย่างหนักหลังจากทำงานได้ไม่กี่วัน สาเหตุเพราะ เธอหาดินสอไม่ได้ ในบริษัทเก่า ถ้าเธอต้องการดินสอ แค่เดินไปหยิบที่ห้องเก็บพัสดุเท่านั้น แต่กลับที่นี่ เธอต้องกรอกแบบฟอร์มเบิกของก่อน แต่เจ้าหน้าที่ที่ให้แบบฟอร์มนั้นกลับบ้านหมดแล้ว ก่อนหน้าที่เธอก็ต้องประสาทเสียกับการต่อสู้กฏระเบียบที่ยุ่งยาก ขอให้ติดตั้งเครื่องถ่ายเอกสารก็ยาก ขอให้เดินสายโทรศัพท์ก็ยาก ขอตู้เอกสารก็ยาก แม้แต่โละเครื่องเขียนเก่าก็ยังยาก แค่ขอลวดเย็บกระดาษที่เธอเป็นคนซื้อมาเองยังไม่ได้เลย เธอพูดทั้งน้ำตา
กลยุทธ์ที่ 9 ส่งข้อความที่สับสน
ในปี 1973 แผนกเครื่องจ่ายน้ำอัดลมถือเป็นลูกรักษริษัท แล้วจู่ๆก็เริ่มขาดทุนแบบไม่มีปลี่มีขลุ่ย ต้นเหตุมาจากนโยบายจัดสรรเงินแบบแปลกๆ ถึงกระนั้น ผู้บริหารก็เพิกเฉยที่จะแก้ไขปัญหาเพราะเชื่อว่าสิ่งใดๆที่ได้ผลในอดีต ก็ไม่ควรเปลี่ยนแปลงมัน สุดท้าย Ronald ตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการขึ้นราคา ทุกคนบอกว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งโจมตี แต่สุดท้าย บริษัทคู่แข่งก็ขึ้นราคาตาม ข้อความน่าสับสนที่บริษัทสื่อออกมาตลอดเลย ก็คือ ไม่ว่าบริษัทขาดทุนแค่ไหน พนักงานทุกคนก็จะได้รับรางวัล ส่วน Ronald นั้นสื่อสารด้วยความหมายที่ตรงประเด็นกับพนักงานในองค์กร คือ ถ้าบริษัทไม่มีกำไร พนักงานก็ไม่มีรางวัล…!!!
กลยุทธ์ที่ 10 จงหวาดกลัวอนาคต
ปี 1974 อเมริกาอยู่ในวิกฤตเลวร้าย มีปัญหาสารพัดทั้งในและนอกประเทศ ประชาชนทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัวอนาคตเพราะดูไม่มีความหวัง แต่ Ronald กลับคิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะมองโลกในแง่ดี พวกเขาเลยออกโฆษณาในชื่อชุด “เงยหน้าขึ้น อเมริกา”ซึ่งปลุกความฮึกเหิมให้คนในชาติได้เป็นอย่างดี ได้ผล ผู้คนมากมายเขียนจดหมายชื่นชมบริษัท พนักงานเกิดขวัญกำลังใจ ยอดขายก็สูงขึ้น
และข้อสุดท้ายที่ Ronald แถมมาในหนังสือ กลยุทธิ์ที่ 11 ขาดความกระตือรืนร้นในการทำงานและชีวิตครับ ที่อยู่ในคลิปนี้เป็นเนื้อหาประมาณ 20% เท่านั้น ยังมีกรณีศึกษาอีก 80% ให้ค้นหา หนังสือ 10 กลยุทธิ์ฉุดธุรกิจให้ล่มจม ราคาเล่มละ 170 บาทเท่านั้นเองครับ หนังสือดี อ่านสนุก
โฆษณา