12 เม.ย. 2020 เวลา 16:39 • บันเทิง
Green book (2018)
เมื่อชายที่ชอบเหยียดสีผิว ต้องมาทำงาน ขับรถให้นักเปียโนผิวสีชื่อดัง
2
คำเตือน ⚠️ บทความนี้เป็นการเปิดเผยเนื้อ หาทั้งหมดของเรื่อง Spoil
ณ เมืองนิวยอร์ค ในปี 1962 โทนี่ การ์ดของบาร์แห่งหนึ่ง ได้จัดการต่อยลูกค้าที่มีเรื่องในร้านจนสลบ และในคืนนั้นบาร์ก็ถูกปิดลงชั่วคราว โดยระหว่างที่พักอยู่บ้าน งานที่โทนี่ทำเพื่อหาเงินเข้าบ้าน คือการแข่งกินขนมปังฮอทดอก
โทนี่และญาติๆ ซึ่งเป็นอเมริกันอิตาเลี่ยน ค่อนข้างเหยียดคนผิวสี เมื่อช่างประปาผิวสีได้มาซ่อมท่อน้ำในบ้านของโทนี่ มีเพียง โดโลเรส ภรรยาของโทนี่ที่ต้อนรับขับสู้ และนำน้ำมาให้ช่างประปาดื่ม โทนี่เองรังเกียจถึงขั้นทิ้งแก้วน้ำทันทีหลังจากที่ช่างกลับ
วันหนึ่งโทนี่ได้รับโทรศัพท์ว่ามีการเปิดรับสมัครคนขับรถให้ ดร. ดอน เชอร์ลี่ย์ โทนี่เข้าใจว่าเป็นหมอ จึงไปสัมภาษณ์งาน ปรากฏว่า ดร. ดอน เป็นนักเปียโนผิวสีซึ่งกำลังจะไปทัวร์คอนเสิร์ตทางใต้ ซึ่งต้องการคนขับรถและช่วยดูแล แน่นอนว่าโทนี่คิดจะปฏิเสธงานนี้
ดร. ดอน อยากว่าจ้างโทนี่มาก เพราะมีคุณสมบัติที่เหมาะสม และเขาได้ยินมาจากหลายที่ จึงโทรไปคุยกับภรรยาของโทนี่ จนในที่สุดโทนี่ก็ตกลงขับรถให้ ดร.ดอน ตลอด 8 สัปดาห์ที่ทัวร์คอนเสิร์ต โดยเหตุผลหลักก็คือค่าจ้างที่ค่อนข้างสูง
เมื่อถึงวันเดินทาง โทนี่ได้รับคู่มือการเดินทางสำหรับคนผิวสี ซึ่งจะแสดงถึงข้อปฏิบัติและสิ่งที่คนผิวสีสามารถทำได้ รวมถึงสถานที่เข้าได้สำหรับคนผิวสี ชื่อว่า Greenbook จากนายหน้าค่ายเพลง และพบกับชายอีก 2 คนซึ่งเล่นดนตรีร่วมวงกับดร.ดอน
โทนี่รับดร.ดอนจากโรงละครและออกเดินทาง ระหว่างทางโทนี่ยังทำสิ่งที่เขาเคยชิน ทั้งสูบบุหรี่ ทานแซนด์วิชในรถ และพูดมาก ทำให้ดร.ดอนไม่ค่อยพอใจนัก และบอกกับโทนี่เพิ่มว่า เมื่อไปถึงให้โทนี่เตรียมเปียโนยี่ห้อ Steinway เท่านั้น พร้อมกับวิสกี้ไว้ให้เขาด้วยทุกครั้ง
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางแรก ได้แก่เมือง Pittsburgh รัฐ Pennsylvania ซึ่งระหว่างที่เข้าพักในโรงแรม โทนี่ได้เห็นว่าดร.ดอน นั่งดื่มวิสกี้ตามลำพังที่ระเบียงห้อง ในขณะที่เพื่อนร่วมวงกำลังนั่งคุยอย่างออกรสที่ด้านล่างของโรงแรม
ก่อนจะขึ้นแสดงดนตรี ดร.ดอนได้บอกให้โทนี่พูดจาดีๆ เพราะแขกที่มาฟังดนตรีล้วนแต่มีฐานะสูงส่ง ชื่อเต็มของโทนี่ คือ โทนี่ วาเลลองก้า ก็แนะนำตัวแค่สั้นๆว่าโทนี่ วาเล ก็พอ จะได้ออกเสียงง่ายๆ โทนี่ไม่สนใจ และบอกว่า" คนพวกนั้นฉลาดกว่าผมอีก แค่นี้ออกเสียงได้อยู่แล้ว "
ระหว่างที่ดร.ดอนขึ้นเล่นเปียโน โทนี่ก็ได้เห็นอัจฉริยะภาพทางดนตรีอันน่าทึ่ง หลังจากนั้นโทนี่ก็ได้ไปเล่นทอยเหรียญกับพนักงานที่อยู่ด้านนอก หลังเสร็จงานดร.ดอน ได้ออกมาตาม และบอกกับเขาว่า "เงินแค่นั้นเดี๋ยวเอาให้ก็ได้" โทนี่บอกว่า "ถ้าให้ก็หมดสนุกสิ "
จุดหมายต่อมา คือเมือง Hanova รัฐ Indiana โทนี่มาเช็คความเรียบร้อยและพบว่าเปียโนสภาพไม่ดีนัก จึงไปขอเปลี่ยนเปียโน คนดูแลเวทีก็สวนกลับมาว่า ไอ้มืดพวกนี้มันเล่นได้อยู่แล้ว ทำให้โทนี่ฉุนและตบหัวชายคนนั้นอย่างแรง ซึ่งปรากฏว่า ดร.ดอนได้เล่นเปียโนยี่ห้อ Steinway บนเวที
โทนี่ได้แวะซื้อไก่ทอดที่ร้านในรัฐ Kentucky และนำมากินบนรถ เขาได้ชวนดร.ดอนให้กินด้วยกัน ดร.ดอนปฏิเสธและบอกว่าไม่มีมีดและส้อมและไม่ชอบกินไก่ทอด แต่ในที่สุดโทนี่ก็คะยั้นคะยอจนดร.ดอน ยอมใช้มือกิน ทำให้บรรยากาศระหว่างการเดินทางของทั้งคู่เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นมาบ้าง
เมื่อถึงที่พัก โทนี่ต้องเข้าพักอีกที่ใกล้ๆ เนื่องจากที่พักของดร.ดอน สงวนไว้สำหรับคนผิวสีเท่านั้น ดร.ดอนรู้สึกอึดอัดที่ต้องนั่งดื่มวิสกี้หน้าห้องในขณะที่คนผิวสีคนอื่นในโรงแรมกำลังเล่นเกมกันอยู่ เขาจึงไปยังร้านเหล้า และถูกคนในร้านทำร้ายเพราะเป็นคนผิวสี
เพื่อนร่วมวงได้ตามโทนี่ไปช่วยไว้ได้ทัน ทำให้ดร.ดอนบาดเจ็บแค่เล็กน้อยและยังขึ้นแสดงได้ โทนี่เตือนดร.ดอนว่า ห้ามไปไหนตามลำพังถ้าเขาไม่ไปด้วย
ขณะออกเดินทางต่อ รถยนต์ของดร.ดอน ได้เกิดปัญหาระหว่างทาง ในขณะที่โทนี่กำลังซ่อมรถและดร.ดอนเดินออกมาดู เขาก็พบกับสายตาของคนผิวสีที่กำลังทำงานเหน็ดเหนื่อยในไร่ มองมายังเขาที่เป็นคนผิวสีเหมือนกัน แต่มีคนขับรถให้แถมยังแต่งตัวหรูหรา
2
เมื่อซ่อมรถเสร็จ ทั้งคู่เดินทางต่อไปถึงเมือง Raleigh รัฐ North Carolina ขณะขึ้นแสดงดนตรี ระหว่างช่วงพัก ดร.ดอนได้ขอเข้าห้องน้ำ แต่เจ้าของบ้านให้ใช้ได้เพียงห้องน้ำสำหรับคนผิวสี ที่อยู่นอกบ้านเท่านั้น ดร.ดอนจึงขอกลับไปเข้าที่โรงแรมแทนแม้จะต้องเสียเวลากว่าครึ่งชั่วโมง โทนี่พูดกับเพื่อนร่วมวงของดร.แดนว่า ถ้าเป็นเขาคงจะฉี่ใส่ห้องรับแขกไปเลย ถ้าโดนห้ามใช้ห้องน้ำ
ระหว่างเดินทาง โทนี่มักจะเขียนจดหมายส่งไปหาภรรยาอยู่เสมอ เช้าวันหนึ่งขณะที่เขากำลังนั่งเขียนจดหมาย ดร.ดอนได้เห็นเข้า และบอกว่าโทนี่เขียนไม่ได้เรื่อง พร้อมกับแนะนำประโยคโรแมนติกให้เขาเขียนเพิ่ม ซึ่งทำให้ภรรยาของโทนี่ปลื้มมาก
ขณะเดินทางมาถึงรัฐ Georgia ดร.ดอนได้เข้าไปดูชุดสูทในร้านแห่งหนึ่ง แต่เจ้าของร้านไม่ยอมให้ลองเพราะเป็นคนผิวสี เขาจึงตัดสินใจเดินออกมา
หลังจากทำการแสดงเสร็จ ระหว่างเข้าพักที่โรงแรม โทนี่ก็ได้รับสายจากตำรวจ และพบว่าดร.ดอน เปลือยอยู่กับชายผิวขาว โทนี่จึงติดสินบนตำรวจ เพื่อช่วยดร.ดอนออกมา และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน
เมื่อเดินทางต่อมายังเมือง Memphis ในรัฐ Tennessee โทนี่ได้เจอกับเพื่อน และใช้ภาษาอื่นคุยกัน เพื่อนของเขาบอกว่า "ทำงานกับไอ้มืดนี่นะ มีงานดีกว่านี้ให้ทำนะ" เมื่อเข้าไปในโรงแรม ดร.ดอนได้คุยภาษาที่โทนี่ใช้กับเพื่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาฟังรู้เรื่อง
ดร.ดอนเสนอค่าจ้างเพิ่มและจะเลื่อนตำแหน่งให้โทนี่ โทนี่ไม่ยอมรับและบอกว่าผมไม่ไปหรอกน่า ดร.ดอนยังได้ขอโทษเรื่องที่เขาไปไหนมาไหนคนเดียวโดยไม่บอก ทำให้เกิดเรื่องขึ้น โทนี่ก็ยอมยกโทษให้แต่โดยดี
โทนี่ได้ขับรถพาดร.ดอน ไปแสดงดนตรีในอีกหลายๆเมือง เมื่ออยู่บนถนนสายหนึ่ง ในรัฐ Mississippi ตำรวจได้ขับรถตามมาและแจ้งกับทั้งคู่ว่า ในเมืองมีกฎหมายห้ามคนผิวสีเดินทางไปไหนมาไหนหลังพระอาทิตย์ตก และตำรวจนายหนึ่งได้พูดเหยียดเชื้อชาติของโทนี่ เขาจึงแจกกำปั้นไปหนึ่งหมัด
โทนี่และดร.ดอน ถูกจับตัวมาขังไว้ยังสถานีตำรวจ ดร.ดอนบอกตำรวจว่าเขาเข้าใจที่โดนขัง เพราะโทนี่ทำร้ายร่างกายตำรวจ แล้วตัวเขาเองทำผิดอะไร ตำรวจก็พูดติดตลกว่า ความผิดที่ทำให้อาทิตย์ตกไงล่ะ ดร.ดอนพยายามขอใช้โทรศัพท์ และได้โทรไปหาประธานาธิบดี ทำให้ทั้งคู่ถูกปล่อยตัวออกมาในที่สุด
เมื่อขับรถออกมาได้ ดร.ดอน ตำหนิโทนี่ ที่คุมอารมณ์ไม่ได้ ทำให้โดนจับ โดยยกตัวอย่างว่า เขาที่เป็นคนผิวสี โดนดูถูกมาทั้งชีวิตยังพยายามอดทนได้ โทนี่เองก็สวนกลับว่า ผมยิ่งกว่าคุณอีก ชีวิตผมกับครอบครัวผม ลำบากกว่า แต่คุณได้กินหรูอยู่สบายกว่ามาก ผมอยู่ข้างถนน แต่คุณอยู่บนปราสาท
ดร.ดอนฉุนและลงจากรถ เขาบอกกับโทนี่ด้วยความโมโหว่า ใช่สิ ผมอยู่ปราสาท และอยู่เพียงลำพัง ทุกครั้งที่ลงจากเวที ก็เป็นแค่ไอ้มืดคนหนึ่ง แม้แต่คนดำด้วยกันก็มองผมแปลกแยก จะขาวก็ไม่ใช่ จะดำก็ดำไม่พอ โทนี่ฟังแล้วก็เข้าใจและเห็นใจดร.ดอนมากขึ้น
ระหว่างเข้าพักในโรงแรม โทนี่บอกว่าการเขียนของเขาดีมากขึ้นแล้ว ดร.ดอนได้ขอดูจดหมายที่เขาเขียน ก็เห็นด้วย โทนี่ได้กล่าวขอบคุณที่ดร.ดอนช่วยเขาเขียนจดหมายในทุกฉบับที่ผ่านมา
เมืองสุดท้ายสำหรับการแสดงดนตรี คือ Birmingham รัฐ Alabama เมื่อไปถึงสถานที่แสดง ได้มีการจัดห้องพักให้ดร.ดอนเป็นห้องเล็กๆในห้องครัว และไม่อนุญาตให้เขาทานอาหารในห้องอาหาร
โทนี่โวยใส่พนักงาน ดร.ดอนถามเองก็ไม่ยินยอมเล่นดนตรีถ้าไม่ได้ทานอาหารในห้องอาหาร ผู้จัดการพยายามจะยัดเงินเพื่อให้เขายอมเล่นดนตรี ทำให้โทนี่โมโห ดร.ดอนจึงได้ถามโทนี่ว่า ถ้าโทนี่ยินดีให้เขาเล่น เขาก็จะเล่นดนตรีที่นี่ โทนี่ชวนดร.ดอน ออกมาทันที แม้ผู้จัดการจะไม่ยินยอมเพราะเขาได้เตรียมเปียโนจากต่างรัฐมาไว้ให้แล้ว
ทั้งคู่เข้าไปหาอาหารทานในร้านสำหรับคนผิวสี และดร.ดอนยังได้มีโอกาสขึ้นไปเล่นเปียโนให้คนในร้านฟังอีกด้วย การจ่ายเงินค่าอาหารของดร.ดอน เกิดล่อตาหัวขโมยวัยรุ่นในร้าน แต่โทนี่รู้ทันจึงยิงปืนขึ้นฟ้าขู่จนพวกนั้นหนีไป เขาได้เตือนดร.ดอนว่าระวังอย่าตกเป็นเป้าสายตา โดยเฉพาะการถือเงินเป็นฟ่อนให้คนอื่นเห็น
จุดหมายปลายทางสุดท้ายของดร.ดอนและโทนี่ก็คือการกลับบ้าน โดยเฉพาะโทนี่ ที่ต้องการกลับไปฉลองคริสมาสต์กับครอบครัว แต่ระหว่างทางมีหิมะตกและยางรถมีปัญหา ทำให้การเดินทางล่าช้าลงไปอีก ประกอบกับโทนี่เองก็เริ่มล้า ท้ายที่สุด ดร.ดอน จึงขับรถเพื่อให้โทนี่นอนพักแทน
เมื่อถึงบ้านของโทนี่ เขาได้ชวน ดร.ดอนให้อยู่ฉลองด้วยกัน แต่ดร.ดอนก็ปฏิเสธและขับรถกลับบ้านไป ระหว่างทานอาหาร ญาติๆของโทนี่ก็ได้ถามว่า ทำงานกับไอ้มืดเป็นไงบ้าง โทนี่ก็บอกเสียงแข็งว่า อย่าเรียกเขาแบบนั้น ซึ่งสร้างความแปลกใจให้คนอื่นๆมาก
ดร.ดอนอยู่ตามลำพังในบ้านที่เงียบเหงา แม้ว่าจะเป็นคืนคริสมาสต์ก็ตาม เขาจึงตัดสินใจไปเยี่ยมโทนี่ที่บ้านพร้อมด้วยแชมเปญหนึ่งขวด ญาติๆของโทนี่ก็เปิดใจยอมรับคนผิวสีมากขึ้น และโดโลเรส ภรรยาของโทนี่ก็แอบกระซิบกับดร.ดอนว่า ขอบคุณที่ช่วยโทนี่เขียนจดหมาย และทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
ดร.ดอน จึงได้กลายเป็นเพื่อนกับโทนี่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และทำให้เขาไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป
หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง ซึ่งบางฉากก็มีการเสริมเติมแต่งขึ้น อย่าง การซื้อบริการหนุ่มผิวขาวในเรื่อง ดร.ดอน เชอร์ลี่ย์ตัวจริงได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในหนังและชีวิตจริงที่สำคัญที่สุด คือ มิตรภาพระหว่างดร.ดอนและโทนี่ ที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิท และเสียชีวิตไล่เลี่ยกันไม่กี่เดือนในปี 2013
นอกจากนี้หนังยังได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมถึงสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมและสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมอีกด้วย
ด้วยรักและมิตรภาพจริงๆค่ะเรื่องนี้ 🌹💕
โฆษณา