11 เม.ย. 2020 เวลา 13:37 • สุขภาพ
#ปรับทัศนคติเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น 5 ทัศนคติที่ทำร้ายการเงินอย่างรุนแรง ควรเลิกทัศนคติเหล่านี้ทันที
1. ควร ความปราถนา อยากได้อยากมี
Josephine เป็นนักธุรกิจที่หาเงินได้ปีละ 1 ล้านเหรียญ แต่เทอเองก็มีเงินออกมหาศาลเช่นกัน เพราะเธอเลือกซื้ออสังหาชิ้นงามเกรด 5 ดาว ซึ่งแพงโข รวมถึงใช้ชีวิตแบบ Luxury Life
ทางออกง่าย ๆ คือ ต้องเรียนรู้วิชาตัวเบา จะซื้อของโปร รอวันลดราคา สลัปไลน์แมนกับแกปว่าอันไหนถูกกว่า ประหยัดให้สุด เขี้ยวให้พอ Luxury ได้เฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น เรียนรู้ตำหนิเพื่อความสุขของชีวิต
ผมเป็นคนนึงที่ชอบตำหนิ ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ชีวิตไม่มีทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไปเที่ยวที มองหาแต่เรื่องไม่ดี เพราะที่เหลือจะได้ดี 5555+
หมั่นทำให้ตนเองรู้สึกขอบคุณตนเอง ที่ฉลาดและใช้เงินเป็น และสุดท้ายตนเองนี่หล่ะ ที่จะนำพาครอบครัวให้อยู่รอดในชีวิตนี้ อั้ยยะ วิชาตัวเบาจงเจริญ
2. ละทิ้ง Focus ที่แคบจนเกินไป
Jasper ชายคนหนึ่งซึ่งมีความฝันอยากเป็นนักกีฬาระดับโลก เข้าใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำตามความฝัน ช่วงที่เขาเรียน High School เขาเป็นดาวจรัสแสง และดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่โชคไม่ดี เขาประสบอุบัติเหตุ และเล่นกีฬาไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต
1
เขาพบว่า ขณะนั้นเขาอายุ 40 ปี และไม่มีทางเลือกอะไรเลยในชีวิตนอกจากการเป็นนักกีฬา สุดท้ายเข้าเลือกที่จะดื่มเหล้าเข้าผับไปวัน ๆ และอาศัยอยู่กับแม่ที่อายุมากแล้ว เพราะตนเองไม่มีเงินพอที่จะเช่าอพาร์ทเมนต์ด้วยตัวเอง
นี่คือตัวอย่างของการโฟกัสที่แคบจนเกินไป หรือเรียกว่า Too Narrow
คนเราโฟกัสได้ แต่ไม่ได้ปิดหูปิดตาทำและเชื่อว่ามันใช่ พระพุทธเจ้าสอนให้เราเข้าใจคำว่า “ทางสายกลาง” ไม่ต้องรวยเกินไป ไม่ต้องจนเกินไป ไม่ดีเกินไป ไม่คาดหวังเกินไป ไม่มีอะไรที่เกินไปแล้วดีสักอย่าง
3.ควรละทิ้งเวลา ที่สำคัญเกินไปบ้าง
หนังสือเล่มนี้พูดถึง 2 เคสที่น่าสนใจ
เคสแรก Russ และ Karen กู้บ้านหลังใหญ่ เพื่อเพิ่มความสุขในชีวิต แต่บ้านหลังนี้คือ ปัญหาแห่งการดึงเวลา Russ ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อผ่อนบ้างหลังนี้ให้จบ แน่นอนว่า ถ้า Russ เป็นอะไรไป บ้านหลังนี้ต้องถูกยึดอย่างแน่นอน
Russ จึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อแลกการบ้านหลังใหญ่ ซึ่งยังผ่อนไม่หมด เห็นไหมว่า เวลาของเราโดนดึงไปแล้ว
เคสที่สอง Brad เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีครอบครัว ความสัมพันธ์กับที่บ้านก็ไม่ดี คนเดียวที่ Brad มักจะคุยด้วยคือผู้ช่วยส่วนตัวของเขา จะเห็นได้ว่า คนประเภท Lucky in Work มีมากมาย แต่ถ้า Lucky ทั้ง 2 ด้านต้องเป็นคนที่จัดเวลาได้ดีจริง ๆ
ดังนั้น เวลาที่มากเกินไป คือสิ่งที่ต้องละทิ้งเป็นการด่วน
4. ทัศนติเรื่องเงินตั้งแต่เด็ก มีผลจนถึงปัจจุบัน
ในตอนเป็นเด็ก เราคิดถึงเงินอย่างไร
เราคิดถึงเวลาแห่งความสุข จ่ายเงินแล้วเข้าสวนสนุก
หรือเราคิดถึงการที่ต้องเก็บเงิน เพื่อใช้ในยามคับขัน
ทัศนคติเกี่ยวกับเงินส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่วัยเด็ก
ถ้าเรามองเงินเป็นเรื่องชั่วร้าย คนไม่ดีเท่านั้นที่จะมีเงิน เราก็จะคิดแบบนั้น
แต่หากเรามองเงินเป็นความท้าทาย เราก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ได้เงิน
แต่ถ้าเราคิดว่าเงินคือคุณค่า เราก็จะพยายามสร้างคุณค่าเพื่อที่จะได้เงิน
สุดท้ายเงินจะเป็นอะไร อาจจะต้องถามมุมมองความคิดของเราก่อนเป็นอันดับแรก
5. สุดท้าย การจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เราต้องเริ่มแอคชั่น
เราต้องลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้สถานะทางการเงิน ให้ดีขึ้นให้ได้
หากบ้านหลังใหญ่ มีภาระมากเกินไป เราอาจจะหาบ้านหลังเล็กลง เพื่อให้ทุกอย่างในชีวิตเบาลงและหาเงินได้ง่ายขึ้น
หากเรามีฝันที่จะเป็นนักกีฬา แต่สุดท้ายเป็นไม่ได้ เราอาจจะปั้นคนอื่นให้เป็นแทน และฝากความฝันไว้ที่คนอื่นแทน
จะเห็นได้ว่า ทุกอย่างมีทางออก การเงินมีทางออก ทุกปัญหามีทางออก
อยู่ที่ทัศนคติ และการกระทำของเรา หากเรามีสติตลอดเวลาในทุกการตัดสินใจ เราจะผิดพลาดน้อยลง และถึงแม้เราจะผิดพลาด เราก็จะแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
โฆษณา