11 เม.ย. 2020 เวลา 16:11 • สุขภาพ
7 เทคนิคสอนลูกอย่างไรดี ในช่วงวิกฤติ Covid-19
...เมื่อลูกไปโรงเรียนไม่ได้ ต้องอยู่กับบ้าน พ่อแม่คงจะเครียดกับสถานการณ์แบบนี้ และต้องมีการบ้านให้ขบคิดว่าจะทำอย่างไรกับลูกดี
...ปกติช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมอยู่แล้ว แต่เด็กๆส่วนมากก็ยังมีกิจกรรมที่โรงเรียน เรียนพิเศษตามโรงเรียนหรือติวเตอร์ต่างๆ แต่ ณ วันนี้ไม่มีที่ไหนเปิด เด็กๆทุกคนต้องอยู่บ้าน
...หากพ่อแม่ทำงาน เด็กๆก็คงอยู่กับปู่ย่าตายาย
หากไม่มีปู่ย่าตายาย เด็กๆอาจได้อยู่คนเดียว อยู่กับพี่ๆ
หรือบ้านไหนพ่อแม่ต้องทำงานนอกบ้าน ไม่มีปู่ย่าตายายคอยดูแลแถมมีลูกเล็กวัยอนุบาลไม่รู้จะทำอย่างไรอาจต้องจ้างคนมาดูแลแทน
...สารพัดเรื่องที่คนเป็นพ่อแม่จะต้องคิด เมื่อลูกๆไปโรงเรียนไม่ได้ และหนึ่งในเรื่องที่ต้องคิดอีกอย่างคือ แล้วเมื่อลูกๆอยู่บ้านจะทำกิจกรรมอะไร ที่จะเป็นประโยชน์ และไม่เป็นโทษแก่ตัวของลูกด้วย
...เวลา 8-10 ชั่วโมงที่พ่อแม่ไม่อยู่ด้วย
เด็กบางคนอาจจะอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน
เด็กบางคนอาจอยู่หน้าจอทีวี ดูหนังดูการ์ตูนทั้งวัน
เด็กบางคนอาจจะแอบไปเที่ยวกับเพื่อนๆทำให้เป็นห่วง
เด็กบางคนอาจจะใช้มือถือเล่นเกมส์ทั้งวัน
เรื่องเหล่านี้คงเป็นเรื่องที่พ่อแม่กังวล ยิ่งเปิดเทอมได้ช้าเท่าไหร่ ยิ่งกังวลมากเท่านั้นแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อพ่อแม่ต้องทำงาน
...ครอบครัวผมยังโชคดีที่ลูกมียายคอยดูแล แต่ก็ยังไม่วายจะกังวลเกี่ยวกับลูกอยู่ดี ว่า 4 เดือนที่ยาวนานนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร..แต่ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ผมก็ได้เทคนิคดีๆ ที่ผมอยากแชร์กับเพื่อนๆ เผื่อว่าจะเป็นแนวทางในการดูแลลูกในช่วงเวลาแบบนี้
...ลูกผมอายุ 6 ขวบครึ่ง จะขึ้นชั้นป.1เทอมหน้าแล้ว ชอบเล่นเกมส์ต่างๆในโทรศัพท์ และนั่นคือสิ่งที่เขาคิดถึงและโหยหามากๆในช่วงที่อยู่กับยาย แต่....
โชคดี...ที่บ้านผมไม่มีคอมพิวเตอร์
โชคดี...ที่ยายใช้โทรศัพท์แบบปุ่มกด
โชคดี...ที่ผมไม่ได้ซื้อมือถือหรือ ipad ให้ลูก
โชคดี...ที่ลูกผมเบื่อการอยู่บ้านโดยไม่รู้จะทำอะไร
ลูกผมจะโทรศัพท์หาผมบ่อยๆในขณะที่ผมทำงานอยู่ที่บริษัท และถามผมว่าวันนี้มีอะไรให้เขาทำหรือเล่นมั๊ย?
...หลังจากที่ผมเครียดกับเรื่องของลูกมาสักพัก
แต่พอรู้ว่าลูกเริ่มเบื่อกับการอยู่ที่บ้านเพราะไม่มีอะไรทำนั้น ผมมองว่ามันเป็นโอกาสที่ดีและง่ายมากๆในการที่ผมจะเลือกกิจกรรมดีๆให้กับลูก เพราะในใจของลูกตอนนี้ ขอแค่มีอะไรแปลกใหม่ให้ทำก็พร้อมจะเปิดใจรับแบบง่ายๆแล้วนั่นเอง
...ผมมองหากิจกรรมที่จะได้ฝึกฝนลูกให้รู้จักทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และตอบแทนด้วยของเล่นที่ช่วยฝึกทักษะ ผสมผสานกับการได้เล่นเกมส์มือถือสักวันละชั่วโมงในช่วงที่เรากลับบ้านเป็นรางวัล โดยสิ่งที่ผมทำมีดังนี้
1.ผมมอบหมายหน้าที่ให้ลูกช่วยยายทำงานบ้าน เช่น พับผ้า ล้างจาน และถูบ้านบริเวณห้องครัว โดยให้เขาเลือกซื้อไม้ถูบ้านน่ารักๆเองจาก lazada เพื่อให้ลูกมีส่วนร่วม โดยยายจะเป็นคนให้ดาวสำหรับการช่วยงานบ้าน
2.ผมหาแบบฝึกหัดใหม่ๆให้ลูกทำ วันละ 3-4 แผ่น และกลับมาตรวจหลังเลิกงาน
3.ผมให้ลูกแต่งนิทาน โดยกำหนดชนิดสัตว์ ไว้เป็นโจทย์ แล้วกลับมาอ่านนิทานของลูกตอนเย็นหลังเลิกงาน
4.ผมวางแผนร่วมกับลูกว่าวันหยุดเราจะทำกิจกรรมอะไรร่วมกัน เช่น ปลูกต้นไม้ เก็บมะพร้าวมาทำขนม เก็บลูกหม่อนมาทำแยม หรือช่วยกันทำอาหารพร้อมกันพ่อแม่ลูก
5.ทุกกิจกรรมที่เขาทำสำเร็จประจำวัน เช่นได้ดาวจากคุณยาย ทำแบบฝึกหัดถูกต้อง หรือแต่งนิทานได้ถูกใจพ่อแม่ อันนี้ผมให้รางวัลลูกด้วยการการให้เล่นเกมส์ในโทรศัพท์ ซึ่งเวลาในการเล่นก็จะขึ้นกับคะแนนหรือความสมบูรณ์ของกิจกรรมที่ทำมาทั้งวัน
6.เวลาเล่นโทรศัพท์กำหนดไว้ 0.5-1 ชั่วโมง และผมก็จะเล่นไปกับลูกด้วย เพื่อช่วยคัดกรองเกมส์ที่เหมาะกับเขา แถมช่วยลดเวลาที่ลูกเล่นโทรศัพท์ลงมาได้อีกด้วย
แต่หากวันนั้นลูกได้คะแนนเยอะ ผมก็จะเพิ่มเวลาให้ลูกเพื่อให้เขาได้ดูการ์ตูน(ภาษาอังกฤษ)
7.เมื่อครบหนึ่งสัปดาห์ เมื่อลูกทำแบบฝึกหัดครบหนึ่งเล่ม หรือเมื่อลูกแต่งนิทานครบสิบเรื่อง ผมจะให้รางวัลเป็นของเล่นใหม่ๆแต่เสริมทักษะ โดยให้เขาเลือกสั่งซื้อทางออนไลน์ด้วยตัวเขาเอง แม้เราจะกำหนดชนิดของเล่นไว้ เช่น เลโก้ จิ๊กซอว์ หุ่นยนต์ประกอบ แต่การที่เขาได้เลือกเอง แค่นี้ลูกก็ดูจะสนุกสุดๆแล้ว แถมยังได้ฝึกลูกให้รู้จักการรอคอย เพราะการสั่งซื้อทางออนไลน์ก็ใช้เวลาหลายวันกว่าลูกจะได้ของเล่นมาเป็นรางวัล
...ผมรู้สึกว่าวิธีผสมผสานเหล่านี้ได้ผล ลูกผมรู้จักช่วยยายทำงานบ้าน ได้ทำแบบฝึกหัด ได้ฝึกเขียนหนังสือ
มีความสุขกับการเลือกซื้อของรางวัล ได้เล่นของเล่นที่ตนเองเลือก ลูกผมดูมีความสุข และเป็นเด็กที่น่ารักแถมเก่งขึ้นอีกด้วย
...ในแต่ละครอบครัวคงจะแก้ปัญหาเรื่องของลูกแตกต่างกันออกไป ที่ผมแชร์ประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ก็เพื่อต้องการให้พ่อแม่เห็นว่า ในทุกวิกฤติก็มีโอกาสเสมอ เมื่อลูกเรารู้สึกเบื่อ เราก็มีโอกาสที่จะเสริมหรือสอดแทรกสิ่งดีๆ กิจกรรมดีๆให้ลูกเราได้แบบไม่ยาก และเขาจะยังมีความสุขและสนุกไปกับมันด้วย
...พัฒนาการของลูกนั้นสำคัญ แต่ความสุขของลูกก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าพ่อแม่ให้ลูกได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน ผมว่าก็ win win.นะ และมันอาจจะดีกว่า ที่เราให้ลูกไปเรียนพิเศษทุกๆวันเสียด้วยซ้ำไป.
...ลองดูนะครับ เอาใจช่วยพ่อแม่ทุกคน
...เราจะผ่านมันไปด้วยกันแล้ว และเราจะยังได้อะไรดีๆจากวิกฤติครั้งนี้อีกด้วยครับ.
โฆษณา