12 เม.ย. 2020 เวลา 23:25 • ไลฟ์สไตล์
คุยกับพระ.....ทัฟฟี่
เมื่อวานมีโยมเพื่อนแวะมาหาที่วัด ก็เลยให้พระไลฟ์สด ไปลงในกลุ่ม fb ที่พระเคยเป็นแอดมินอยู่ (กลุ่มเกี่ยวกับกอล์ฟ)
1
มีคำถามที่ได้พูดคุย ถามตอบกันเลยขออนุญาติเอามาเรียบเรียง แล้วลงเป็นบทความให้อ่านกันนะ
หน้าจะบานๆ หน่อยอ้ะนะ
โยมเพื่อน : ท่านบวชแล้วเป็นไงบ้าง สบายใจ มีความสุขไม๊ครับ
พระ : ก็มีความสุขดีนะ สบายใจในแบบพระแหระ
โยมเพื่อน : ทำไมถึงมีความสุข?
พระ : ด้วยความที่เป็นพระ พระมีหน้าที่ปฏิบัติตามพระวินัย ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้วางไว้ เมื่อปฏิบัติตามนั้น ชีวิตก็มีความสุขได้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
โยมเพื่อน : พอมีเรื่องโควิด ตอนนี้ต้องกักตัวกันวุ่นวาย พระเป็นยังไงกันบ้าง?
พระ : พระอะหรอ ไม่มีปัญหาเลย เพราะโดยปกติ ในชีวิตพระทุกวัน ก็ใช้ชีวิตเหมือนๆ ที่พวกโยมๆ ที่กักตัวกันอยู่แล้ว พระต้องอยู่แบบสมถะ ปฏิบัติธรรมอยู่แต่ในวัด เรียบง่ายตัดกิเลส ถ้าจะเอาจริงๆ พระมีกฏระเบียบที่ต้องปฏิบัติยิ่งกว่าที่พวกโยมๆ ตอนนี้กันเสียอีกนะ ฉันอาหารก็เลือกไม่ได้ สุดแล้วแต่โยมจะเอามาถวาย กินสองมื้อ ตื่นนอนตี4 สวดมนต์ เช้า-เย็น พระหลายรูป บวชมาเป็น สิบ ยี่สิบปี ท่านยังอยู่ได้เลย
จริงๆ อาตมาว่า ช่วงที่พวกโยมๆ ถูกกักตัวอยู่ขณะนี้ น่าจะเป็นโอกาสดีนะ ที่จะได้ปฏิบัติธรรม ได้มองตัวเอง ได้ฝึกจิตตัวเอง พิจารณากิเลสตัวเอง ถ้ารู้จักคิด รู้จักมอง เวลานี้แหระจะทำให้เราเห็น หรือคิดอะไรได้เยอะเลย
โยมเพื่อน : ช่วงนี้มีกิจนิมนต์ ที่ไหนบ้าง ท่านกลัวหรือป่าว ?
พระ : ถามว่ากลัวไม๊.....เฉยๆนะ พระในวัดไม่เห็นมีใครแตกตื่น แต่ก็ไม่ได้ประมาท ไปบิณฑ์บาตรก็ใส่แมส กลับจากกิจนิมนต์ก็ใช้เจลล้างมือตลอด
กิจนิมนต์ก็มีบ้าง เมื่อวานก็มีงานศพ ก็ไปรับผ้าบังสกุล กลัวไม๊?....ก็มันเป็นกิจของสงฆ์อ่ะนะ พระไม่ไปสวด แล้วใครจะสวด หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก ญาติโยมนิมนต์มา ก็ต้องไป
อาตมาคิดนะว่า เชื้อโรคมันก็เหมือนกรรมอ่ะ รู้ว่ามีจริง แต่มองไม่เห็น เราอย่าทำตัวให้ประมาท มีสติ ใช้ชีวิตให้ระวัง ใช้ชีวิตให้ดีที่สุดก็โอเคแล้ว มันจะมาเมื่อไรก็ไม่รู้
โยมเพื่อน : นี้ก็ทำไมไม่ใส่แมสกัน เหมือนพระไม่กลัวเลยนะเนี้ย (เห็นพระรูปอื่นเดินมาไม่ใส่แมส)
พระ : 55555 กลัวสิ๊ แต่ที่ไม่ใส่ ก็พระอยู่กันแต่ในวัดนี้ไง ไม่ได้ออกไปไหน พระอยู่กันแค่ในวัดไม่มีเอาไปติดโยมหรอ มีแต่โยมอ่ะ จะเอามาติดพระในวัด
อีกอย่างนะ พระฝึกให้อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด มีสติ ระวังตัวเองไม่ว่าจะทำอะไร จะต่างกับญาติโยมบางคนที่ ไม่อยู่กับปัจจุบัน คิดกลัวว่าจะติด วิตกตกใจ โอ้ย ถ้าติดจะเป็นไง จะอยู่ยังไง จะตายไม๊ แบบนี้เค้าเรียกไม่อยู่กับปัจจุบัน เชื่อพระสิ อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่าประมาท ตัดกิเลส ลดความอยาก กักตัวอยู่บ้าน แค่นี้ก็ไม่ต้องไปกลัวว่าจะติดเชื้อโรคเลย
อาตมาว่าการไม่อยู่กับปัจจุบัน การคิดกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น รู้ไม๊ มันทำร้ายตัวเราเองยิ่งกว่าการติดโรคสะอีก ถึงถ้าเราจะติดจริงๆ มันก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไรหรอกถ้ามีสติ การไม่มีสติสิน่ากลัว
โยมเพื่อน : มองหลังกุฏิหลวงพี่แล้วเสียวๆยัง หลวงพี่บวชนี่ เจอผี หรือ อะไรลี้ลับ บ้างยังครับ
พระ : 5555 ไม่มี๊ ผีที่ไหนจะกล้ามาหลอกพระ
วันนี้ก็ ลงไปป่าช้า มากวาดเจดีย์ใส่กระดูกให้เค้า ใบไม้มันรกมาก แทบไม่มีทางจะเดิน ทำมาเดือนกว่าแล้ว แต่เอาจริงๆนะ ก่อนจะเริ่มทำ ตอนนั้นบวชไปได้เดือนนึง ลงไปเดินเห็นมันรกมาก ใบไม้ทับถมหนาเป็นนิ้ว จะเดินไม่กล้าเลยกลัวงู แต่ตั้งใจอยากจะทำ ก็นึกบอกเค้านะ ว่าจะมาทำความสะอาดให้ อย่าให้งูมากัดนะ เด่วไม่เสร็จ
มีเจดีย์ เกือบร้อย ก็ค่อยๆทำไป อยากให้เสร็จก่อนจะสึก พอทำไปๆ รู้สึกมันไม่ยากอ่ะ บางจุดใบไม้เยอะ แต่กวาดๆ ก็เกลี้ยงสะอาดได้ง่ายๆ (เหมือนมีคนมาช่วยทำ) พอสะอาดก็รู้สึกนะว่าเค้าคงจะดีใจ จริงนะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ บางเจดีย์ ญาติพี่น้องคงไม่ได้มาไหว้หลายปีแระ สกปรกมาก บางฮวงซุ้ย รกสุดๆ
ปีนี้ก็มีญาติมาน้อย น่าจะติดเรื่องโควิดด้วย
ทำไปๆ วันไหนว่างก็ลงไปทำ เดือนกว่า วันนี้พึ่งเสร็จ
ก่อนทำเมื่อเดือนก่อน
วันนี้
โยมเพื่อน : ขออนุญาตถามหลวงพี่นิดนึงครับ 1.เหตุผลที่บวช และ 2.มีกำหนดเวลาไหมครับ ว่าจะอยู่ใต้ร่มผ้าร่มผ้ากาสาวพัสตร์ไปนานเท่าไหร่
พระ : ถามว่าทำไมถึงมาใช้ชีวิตในเพศบรรพชิตอ่ะหรอ???
เมื่อตอนยังเป็นฆารวาส ใช้ชีวิตไปจนถึงจุดหนึ่งตอนนั้นอาตมาก็พบว่า ตนเองเหนื่อยล้า เป็นความเหนื่อยล้าชนิดที่หาความสงบนิ่งไม่ได้ ด้วย ในจิตใจร้อนรนไม่อยู่สุข เมื่อจิตใจวุ่นวาย ก็ทำให้คุณภาพชีวิตยิ่งตกต่ำ หงุดหงิดง่าย จนพาลมีเรื่องมีราวกับคนไปทั่ว นอนไม่หลับ กินไม่อร่อยเพราะความเครียด ไม่มีความสุข
ถามตัวเองว่า เป็นแบบนี้แล้วชีวิตจะเดินหน้าไปยังไงว่ะ!?!?!?
พอได้อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวกับธรรมะ รู้สึกว่ามีคนพูดถึง "ความสุขในธรรม"
ด้วยความอยากรู้ว่า...
ความสุขที่ว่า จริงหรือ?
ความสุขที่ว่า เป็นยังไง?
ยิ่งอ่าน ยิ่งศึกษา
ยิ่งอยากที่จะเข้าใจ
ว่าความสุขในชีวิตจริงๆ มันคืออะไร?
เหมือนที่มีคนว่า น้ำทะเลมันเค็ม ที่ว่าเค็ม เรารู้ว่าเค็ม แต่มันเค็มยังไงล่ะ?
งั้นถ้าจะให้รู้จริง เราควรที่จะไปทะเล ตักมันแล้วเอาเข้าปากลองกินดู เพื่อเราจะได้รู้ว่าที่ว่าเค็มอ่ะ มันเค็มแค่ไหน เค็มอย่างไง? เอาให้มันรู้ชัดถึงความเค็มกันไปเลย
ความสุขในธรรมะ ที่อาตมาอยากรู้
ทำให้อาตมาอยากบวช เพื่อให้ "เข้าใจในความสุขที่สงสัย" ว่าเป็นยังไง !!!!
เมื่อบวช ชีวิตก็ฟื้นคืนสภาพ การได้อยู่อย่างสงบและมีโอกาสเพ่งพินิจจิตใจของตนเอง ทำให้แลเห็นได้ว่า ชีวิตฆราวาสนั้น เป็นชีวิตที่เสียสมดุลได้ง่าย เพราะวุ่นวายจนยากที่จะว่าง จิตแล่นออกนอก จนยากจะสงบนิ่งอยู่ภายใน
เมื่อบวชได้มีโอกาสสัมผัสความสงบสุขในจิตใจเนืองๆทุกวัน มากบ้างน้อยบ้าง อย่างไรก็ยังทำให้จิตใจได้สงบบ้าง อย่างที่เมื่อก่อนไม่เคยได้มีโอกาสได้สัมผัส ตั้งใจที่จะปฏิบัติ ให้ดีที่สุดในช่วงที่ยังอยู่ในเพศบรรพชิต ตั้งใจไว้ว่าจะบวช 3เดือน แต่พอบวชไป ตอนนี้มีเรื่องโควิด เลยคิดว่า สึกไปก็คงจะต้องไปเจอเรื่องวุ่นๆ เลยน่าจะถือโอกาสนี้ ศึกษาและปฏิบัติไปเรื่อยๆก่อน ถ้าสถานะการดีแล้วค่อยคิดเรื่องสึกอีกที
โยมเพื่อน : นมัสการครับ สุดท้ายอยากให้หลวงพี่ ช่วยให้พรญาติโยมหน่อยครับ
พระ : เจริญพรวันนี้เป็นวันปีใหม่ไทย ขอให้ทุกคนได้รับแต่สิ่งใหม่ๆ สิ่งดีๆ เข้ามานะ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
(ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน)
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
(ขอเหล่าเทวดาจงรักษาท่าน)
สัพพะพุทธานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า)
สัพพะธัมมานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม)
สัพพะสังฆานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์)
สะทา โสตถี ภะวันตุ เต.
(ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่
ท่านทุกเมื่อเทอญ)
โฆษณา