14 เม.ย. 2020 เวลา 09:33 • สุขภาพ
เมื่อไรจะเลิกภาวะฉุกเฉินได้
บทเรียนจากไข้หวัดใหญ่สเปน
โรคระบาดที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ช่วงใกล้ของโลก คือ ไข้หวัดใหญ่สเปน ซึ่งระบาดในช่วงปี พ.ศ. 2461-2463
ประชากรโลกในขณะนั้นมีราว 1,800 ล้านคน ผู้ติดเชื้อมีราว 600 ล้านคน ผู้เสียชีวิตราว 50-100 ล้านคน
จุดเริ่มต้นของการระบาด
ไข้หวัดใหญ่สเปนมีจุดเริ่มต้นเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2461 จากฐานทัพทหารบกในรัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา เฉพาะในเดือนมีนาคม มีผู้ติดเชื้ออาการหนักเป็นโรคปอดบวม 233 คน เสียชีวิต 48 คน
หลังจากนั้นเชื้อก็ได้ระบาดไปตามค่ายทหาร โรงเรียน โรงงาน ทั้งอเมริกาอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นอยู่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 อเมริกาส่งทหารไปร่วมรบในยุโรปเดือนละหลายแสนคน ทหารเหล่านี้จึงเป็นพาหะนำโรคไประบาดในยุโรป เชื้อได้ระบาดไปถึงแนวรบด้านตะวันตกของยุโรปในเดือนพฤษภาคม และระบาดไปทั่วทวีปยุโรปราวเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2461
สภาพผู้ป่วยที่ฐานทัพ Fort RIley รัฐแคนซัส อเมริกา
ขณะนั้นการเดินทางสัญจรไปมาหาสู่กันทั่วโลกยังไม่สะดวก ต้องใช้เรือเป็นหลัก การระบาดจึงช้ากว่าปัจจุบัน แต่ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2461 เชื้อก็ได้ระบาดไปทั่วโลกทั้งทวีปเอเชีย อาฟริกา อเมริกาใต้
แนวรบในยุโรป เชื้อได้ระบาดไปยังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ทหารกว่าครึ่งหนึ่งติดเชื้อ ทหารอเมริกันเสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 ราว 1แสนคน ในจำนวนนี้ราวครึ่งหนึ่งเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สเปนนี้
สภาพการรักษาผู้ป่วยในเมืองโอ๊คแลนด์ สหรัฐอเมริกา
ในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีทหารเสียชีวิตทั้งหมดราว 10 ล้านคน ในจำนวนนี้ราว 6 ล้านคน เสียชีวิตจากการเจ็บป่วย และป่วยตายจากไข้หวัดสเปนราว 2 ล้านคน ไข้หวัดใหญ่สเปนเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่1 สงบ เพราะทหารหมดแรงรบ
สาเหตุที่ได้ชื่อว่า “ไข้หวัดใหญ่สเปน”
ในสถานการณ์สงคราม สื่อต่างๆ อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลอย่างเข้มข้น ข่าวไข้หวัดใหญ่ระบาดในประเทศต่างๆ ที่เข้าสงคราม จึงถูกเซ็นเซอร์เพราะถือว่าทำให้ประชาชนเสียขวัญ สเปนเป็นประเทศเป็นกลางที่ไม่ได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย สื่อต่างๆ ในสเปนจึงนำเสนอข่าวการระบาดนี้ได้อย่างเต็มที่ โลกรับรู้ข้อมูลการระบาดจากสเปนเป็นหลัก จึงเรียกโรคระบาดนี้ว่า “ไข้หวัดใหญ่สเปน”
การระบาดระลอกใหม่
ราวเดือนธันวาคม พ.ศ. 2461 การระบาดเริ่มซาลง จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันลดลงไปมาก แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังตายใจ เริ่มคลายความระวังป้องกันตน การระบาดระลอกใหม่ก็เริ่มขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ.2462 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2462 มีผู้ตายเพิ่มขึ้น ดังนี้
ยุโรป ตายราว 2.3 ล้านคน
อินเดีย ตายราว 18.5 ล้านคน
อเมริกา ตายราว 0.68 ล้านคน
อาฟริกา ตายราว 2.38 ล้านคน
จีน ตายราว 4-9.5 ล้านคน
ญี่ปุ่น ตายราว 0.4 ล้านคน
ผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สเปน ส่วนใหญ่ตายจากการระบาดระลอกใหม่นี้ มากกว่าการระบาดระลอกแรก หลังจากผู้คนจำนวนมากในโลกติดเชื้อและมีภูมิต้านทานแล้ว ในปี พ.ศ.2463 การระบาดก็ค่อยๆ ซาลง จนกลายเป็นไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลชนิดหนึ่ง
บทเรียนจากไข้หวัดใหญ่สเปน สอนเราว่า การระบาดมาได้หลายระลอก ไวรัสเป็นเหมือนข้าศึกที่คอยซุ่มโจมตี เมื่อตอนเราเผลอ การ์ดตก
นักศึกษาหญิงชาวญี่ปุ่นสวมหน้ากากอนามัยป้องกันไข้หวัดใหญ่สเปน
ความผิดพลาดของญี่ปุ่น
เมื่อไวรัสโควิดระบาดช่วงแรก ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมาก เพราะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาญี่ปุ่นปีละเกือบ 10 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อจากเรือสำราญ Daimond Princess อีกหลายร้อยคน
แต่ช่วงแรกญี่ปุ่นควบคุมโรคได้ดีมาก ชาวญี่ปุ่นมีวินัยและรักความสะอาด เมื่อรัฐบาลประกาศขอความร่วมมือให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการชุมนุมแออัด พยายามทำงานจากบ้าน ประชาชนก็ให้ความร่วมมืออย่างดี จนควบคุมการระบาดได้ มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นวันละไม่ถึง 10 คน องค์การอนามัยโลกก็ยกย่องญี่ปุ่นเป็นต้นแบบในการควบคุมโรค โดยไม่ต้องมีการ lock down ธุรกิจต่างๆ ดำเนินตามปกติได้
แต่ญี่ปุ่นมาพลาดเมื่อปลายเดือนมีนาคม จนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น บางวันเกือบพันคน จนปัจจุบัน(14 เมษายน 2563) มีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมเพิ่มถึง 7,645 คนแล้ว
สาเหตุความผิดพลาดของญี่ปุ่น
ปลายเดือนมีนาคม หลังจากพยายามควบคุมการระบาดมาได้เดือนเศษ จนยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันลดลงมาก คนญี่ปุ่นเริ่มการ์ดตก อาจเพราะรู้สึกเหนื่อยจากการดำเนินชีวิตและทำงานแบบต้องป้องกันตัวสูง และเริ่มประมาทคิดว่าเอาอยู่แล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ผู้คนก็เริ่มออกมาในที่สาธารณะมากขึ้น ไปกินไปดื่มมากขึ้น จนเกิดการปะทุขึ้นของการระบาดระลอกใหม่ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนรัฐบาลญี่ปุ่นต้องออกมาประกาศภาวะฉุกเฉิน ทำให้เกิดผลกระทบเสียหายทางเศษฐกิจมากยิ่งกว่าการระบาดระลอกแรกหลายเท่า
จากการสำรวจสาเหตุของผู้ติดเชื้อระลอกใหม่นี้ พบว่า สาเหตุหลักมาจาก การติดเชื้อจากร้านเหล้า คนญี่ปุ่นมีธรรมเนียมไปกินไปดื่มกันหลังเลิกงาน ตอนรัฐบาลขอความร่วมมือช่วงแรก ผู้คนก็ร่วมมือดี แต่พอสถานการณ์ดีขึ้น ผู้คนเริ่มประมาท ไปกินไปดื่มตามร้านเหล้าอีก ทำให้เกิดการระบาดแบบเป็นกลุ่ม (cluster)
ประเทศไทยจะเลิกภาวะฉุกเฉินได้เมื่อไหร่
มีหลักความจริงสำคัญที่เราต้องตระหนักก็คือ
1.“การฟื้นฟูเศรษฐกิจจะทำได้เมื่อควบคุมการระบาดของโรคได้แล้วเท่านั้น”
มาตรการเยียวยาต่างๆ ที่ออกมา เป็นเพียงการช่วยธุรกิจและประชาชน ให้สามารถประคองตนให้รอดไปได้ในช่วงการชะงักงันทางเศรษฐกิจนี้เท่านั้น ยิ่งควบคุมการระบาดได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วเท่านั้น และเราควรใช้จังหวะเวลาที่ช่วงนี้ประเทศไทยอากาศร้อนมาก ทำให้ไวรัสตายง่าย ระบาดยาก คุมการระบาดให้อยู่ ให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันต่ำกว่า 1% อย่างต่อเนื่องภายในเดือนเมษายนนี้ และผ่อนคลายมาตรการควบคุมตามลำดับให้เลิกภาวะฉุกเฉินได้ในเดือนพฤษภาคม เพราะหากปล่อยให้เข้าหน้าฝน ซึ่งเชื้อระบาดง่ายแล้ว เราจะคุมการระบาดได้ยาก การชะงักงันทางเศรษฐกิจก็จะยืดเยื้อ ธุรกิจและประชาชนจะเดือดร้อนมาก
2.เชื้อไวรัสนี้แม้คุมการระบาดอยู่แล้ว หากประมาท การ์ดตก เชื้อก็กลับระบาดได้ใหม่อย่างรวดเร็ว และจะหนักกว่าการระบาดรอบแรก
ดังนั้น แม้เมื่อเริ่มคุมการระบาดได้แล้ว ทั้งรัฐบาลและประชาชนจะยังประมาทไม่ได้เด็ดขาด การให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มทยอยเปิดดำเนินการใหม่ ต้องทำด้วยความสุขุมรอบคอบ ระมัดระวังอย่างยิ่งยวด ยังต้องรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวในการป้องกันโรคอย่างเต็มที่
การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศมีคำสั่งห้ามขายเหล้าในช่วงสงกรานต์ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดีมาก แต่แม้หลังสงกรานต์ คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ชอบตั้งวงเหล้าที่บ้าน และไม่มีใครสามารถบอกคนเมาให้สวมหน้ากากอนามัยเวลาคุยกันในวงเหล้า ให้นั่งห่างกัน 2 เมตร วงเหล้าเบียร์มีโอกาสเป็นแหล่งเพาะเชื้อการระบาดระลอกสอง
การคุมการระบาดของไวรัส แม้คนร้อยละ 99 ทำดี แต่คนเพียง 1% ที่ไม่รับผิดชอบ ก็สามารถทำให้การระบาดปะทุระลอกใหม่ได้ เหมือนกรณีสนามมวยและผับ เพราะไวรัสนี้ติดต่อกันง่ายมาก รัฐจึงจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันคนส่วนน้อย 1% ที่จะทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน
การออกคำสั่งห้ามขายสุราของมึนเมา 1 เดือน จนกว่าจะควบคุมการระบาดอยู่จริงๆ มีความจำเป็น เป็นมาตรการที่ง่าย ชัดเจน ได้ผล ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องเลือกว่า “จะเอาใจขี้เหล้า หรือจะเอาประชาชนทั้งประเทศ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
“ปมาโท มัจจุโน ปทัง
ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย
อัปปมาโท อมตัง ปทัง
ความไม่ประมาท เป็นทางอมตะ”
ขอคุณพระศรีรัตนตรัยปกปักรักษาประเทศไทยและชาวโลกทั้งปวง
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา