18 เม.ย. 2020 เวลา 13:57 • บันเทิง
สังคมบนโลกนี้ส่วนใหญ่มักจะคิดว่า "สตรีเป็นเพศที่อ่อนแอ" ใช่ไหมคะ?
ใช่ค่ะ พวกเค้าคิดถูกละ  แต่เรายังพบเห็นพฤติกรรมความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวแบบนี้บ่อยครั้ง และหลายครั้งที่บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหลายก็มักจะพยามแก้ไขและขจัดปัญหานี้  แต่นับวันยิ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้นๆ
ทะเลาะกันแรกเริ่มก็อาจจะประเดิมด้วยผลักหรือตบหน้า  แล้วเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นไปทุบตี  แน่นอนค่ะ ภรรยาบาดเจ็บ  บางรายถึงขั้นเสียชีวิต  ( โชคดีนะคะที่ตัวผู้เขียนเองยังไม่ถึงขั้นสุดท้ายคือเสียชีวิต) #ยิ้มอ่อน
จากประสบการณ์จริงจึงขอนำมาเล่าสู่เพื่อเตือนสติและให้ผู้อ่านให้นำไปเป็นแนวทางในการเผชิญปัญหาแบบนี้
ย้อนไปเมื่อ4ปีที่แล้ว ผู้เขียนและสามี ได้ตกลงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบไม่จดทะเบียนสมรส ได้ทำข้อตกลงตั้งแต่เริ่มใช้ชีวิตร่วมกันว่า จะจำกัดความรุนแรงที่อาจแสดงต่อกันในรูปของความก้าวร้าวทางวาจาเท่านั้น  ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันราวๆ1ปีก็เริ่มแสดงออกถึงความรุนแรงออกมา เมื่อความเครียด  ความจนปรากฏจากการที่สามีตกงาน ลาออกจากที่ทำงานเก่า อยู่ในช่วงหางานใหม่ก็เริ่มแสดงออกถึงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ดังกล่าวออกมา เวลาที่มีเรื่องขัดใจขวางหูขวางตา (ตัวผู้เขียนเองเป็นคนซุ่มซ่ามและมีความเป็นกุลสตรีน้อยมากค่ะ)
เหตุใดจึงไม่ตีจากไปแต่ยังคงอดทนอยู่ด้วยเหรอคะ?  ในสภาวะดังกล่าว มิได้คิดว่าชีวิตคู่ไร้ความสุข พูดง่ายๆคือไม่ยอมรับความจริงและโทษว่าสิ่งที่ก่อให้เกิดความรุนแรงดังกล่าว คือ เหล้า ความเครียด ความคับข้องใจ รวมทั้งมีความเชื่ออย่างฝังใจว่าคู่ของตนมิได้มีเจตนาจะทำร้ายตนเพราะหลังจากโดนทำร้ายร่างกายแล้วสามีจะขอโทษและอ้างว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ โดนสารพัดค่ะ  ขวดขว้างใส่หน้าเลือดออกที่นัยน์ตาขาว กระทืบ โดนขัง เผาสิ่งของ ขว้างโทรศัพท์ประมาณ4เครื่องโดนทำร้ายร่างกายจนปัจจุบันฟันหายไป4ซี่  เพราะไม่สามารถจะไปไหนได้รอดจึงต้องกลับมาทนอยู่ในสภาพเดิม จำต้องทนอยู่ เนื่องจากรู้ว่าหากหนีไป สามีจะติดตามหาอย่างไม่ลดละ หากพบอาจจะทำร้ายร่างกายหนักกว่าที่เป็นอยู่ หรืออาจจะฆ่าทิ้งอย่างที่ขู่ไว้ก็เป็นได้
ด้วยเหตุว่าเมื่อแจ้งความแล้ว ตำรวจมักมองว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว พยายามไกล่เกลี่ยให้เลิกแล้วต่อกัน และแทบจะไม่เคยจับสามีเข้าคุก
แต่ปัจจุบันสามีเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวแล้วค่ะ จึงจบปัญหาแบบไม่คาดฝัน
จึงอยากจะฝากไว้ถึงสิ่งที่ควรทำเมื่อ ‘ผู้หญิง’ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการถูกสามีทำร้าย
1.ถ้าสามีโกรธ เมา อย่าอยู่ใกล้ อย่าโต้เถียง
2.ถ้าสามีพูดด้วยให้ตอบสั้นๆ อย่าต่อปากต่อคำ อย่าแสดงความโกรธ อย่าแสดงความหวาดกลัว
3.ถ้าสามีเริ่มก้าวร้าว ให้บอกกับสามีด้วยท่าทีที่อ่อนโยนว่า ‘ถ้าเราพูดกันในขณะที่โกรธกันคงไม่รู้เรื่อง เอาไว้หายโกรธกันคงจะไม่รู้เรื่องเอาไว้หายโกรธแล้วค่อยมาคุยกันใหม่นะ’
4.ถ้าสามีเริ่มทำร้าย ให้รีบหนีไปตั้งหลัก ในที่ที่มีคนอยู่ อย่าโต้ตอบ ยึดถือหลักน้ำน้อยต้องแพ้ไฟ อย่าอายที่จะร้องขอความช่วยเหลือ เช่น เพื่อนบ้าน ที่สามีเกรงใจ หรือโทรถึงตำรวจเบอร์ 191 โดยทันที
5.เมื่อเหตุการณ์สงบแล้วต้องยืนยันกับสามีว่าจะใช้คำพูดหยาบคาย หรือวิธีทุบตีทำร้ายไม่ได้
6.เก็บซ่อนอาวุธไว้ให้มิดชิด หรือไม่ต้องเก็บไว้ที่บ้านเลย.
7.ควรผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน และกล้าขอความช่วยเหลือ โดยไม่อาย
ดังนั้นสิ่งที่ผู้หญิงควรรู้ในเรื่องสิทธิ จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการแก้ปัญหา และเข้าถึงแหล่งช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น พร้อมสร้างทางเลือกในการจัดการกับตนเองได้อย่างทันท่วงที
#ด้วยความเป็นห่วงจากใจจริงค่ะ
#ยิ่งในสภาวะเหตุการณ์บ้านเมืองเข้าขั้นวิกฤติแบบนี้ความเครียดมันส่งต่อจิตใจง่ายต่อการแสดงออกมาถึงความรุนแรงได้ง่าย
โฆษณา