24 เม.ย. 2020 เวลา 23:00 • การศึกษา
สเปิร์มมีค่า อย่าทิ้ง
เชื่อว่าคำศัพท์ง่าย ๆ ทั่วไป อย่างสเปอร์ (นั่นมันไก่เดือยทอง) อย่างสเปิร์ม คงไม่มีใครไม่รู้จัก โดยเฉพาะในหมู่ชายฉกรรจ์แล้ว น่าจะรู้จักมักจี่ กันเป็นอย่างดี เพราะมันอาศัยอยู่ในของเหลวที่เรียกว่า อสุจินั่นเอง .. ที่จริงแล้ว อสุจิกับสเปิร์ม มักโดนเหมารวมกันมาตลอด
1
ในทางสากล สเปิร์มของประเทศเดนมาร์ก ได้รับการยกย่องว่า มีความอึด ทน ถึกที่สุด หมายถึงมีคุณสมบัติที่ดี มีคุณภาพ การันตีได้จาก ธนาคารสเปิร์มแห่งยุโรป ที่มีไว้สำหรับกักเก็บเจ้าตัวน้อย ตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่ และผู้บริจาค 1 ใน 3 ก็เป็นชาวเดนมาร์ก
สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาคไอ้ตัวเล็ก ไม่ใช่จะเดินเข้าไปบริจาคดื้อ ๆ ได้ ต้องผ่านการคัดกรอง สอบประวัติ ทั้งเรื่องของโรคติดต่อ โรคทางพันธุกรรม ประวัติการเข้ารับการรักษา ของคนในครอบครัว ลักษณะนิสัย การศึกษา รูปร่าง บุคลิกภาพ ซึ่งในจำนวน 20 คน ผ่านเกณฑ์นี้เพียง 1 คนเท่านั้น
เมื่อผ่านข้อกำหนดต่าง ๆ แล้ว สเปิร์มในตัวคุณ ก็จะกลายเป็นสิ่งมีค่าขึ้นมาทันที โดยตีเป็นราคา ค่าตอบแทน ประมาณ 1,500 บาท ต่อหนึ่งครั้ง ซึ่งการบริจาคแต่ละครั้ง จะต้องห่างกัน 4 วันขึ้นไป เพราะหากถี่กว่านี้ ปริมาณสเปิร์ม จะมีมวลเบาบาง
ในการเข้าถึงข้อมูล เจ้าของสเปิร์มที่บริจาคมา ผู้ต้องการข้อมูล จะเสียค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร โดยสนนราคา จะอยู่ที่ 13,000 - 17,000 บาท .. ถือเป็นค่าดูไพ่ ในมือ อยากได้ของดี ก็ต้องลงทุนเปิดกล่อง
นอกจากนี้ยังมีบริการชื่อดัง จากสตาร์ตอัพ ในกรุงเจนีวา ชื่อว่า Legacy เปิดรับฝากเสปิร์ม ประดุจดั่งให้คุณฝากทรัพย์สิน ที่รับประกันว่า จะไม่สูญหายแน่นอน (ใครจะไปขโมยฟร๊ะ..) โดยถูกแบ่งออกเป็นหลายแพ็คเกจ คลาสสูงสุดนั้น ราคา 10,000 เหรียญ เก็บไว้ได้นานตลอดชีวิต
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่า ทำไมจะต้องฝากสเปิร์ม เหตุผลมีหลายประการด้วยกัน อาทิ ผู้มีบุตรยาก ซึ่งอาจต้องเข้ารับการรักษา โดยที่การรักษาอาจทำให้สเปิร์ม อ่อนแอลง หรือเก็บไว้ใช้ในยามที่แก่ตัว รวมไปถึงเพื่อการบริจาค
สำหรับการฝากสเปิร์มในประเทศไทย มีเฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ใครสนใจลองแวะเข้าไปสอบถามกันก่อนได้ครับ สำหรับขั้นตอนการฝากคร่าว ๆ มีดังนี้
ขั้นตอนการแจ้งความประสงค์ คุณจะถูกตั้งโจทย์ ด้วยคำถาม 1 ล้านบาท (นั่นมันเกมส์เศรษฐี) เริ่มตั้งแต่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม โรคเกี่ยวกับสุขภาพจิต ปัญหาอื่น ๆ รวมถึงบุคลิกภาพ นิสัยใจคอ และอีกนานับประการ
สอบประวัติเสร็จ คิดเหรอว่าคุณจะรอด ยังครับยัง คุณหมอจะทำการเจาะเลือด เพื่อตรวจหาโรคอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่คุณจะถูกส่งตัวไปค่ายกักกัน (เฮ้ย .. ไปทำไม) จะถูกส่งไปที่ห้องเก็บเชื้อ ห้องนี้หมายถึง ห้องที่ต้องรีดอสุจิ ออกมาครับ
พื้นที่ในห้อง จะประกอบไปด้วยโซฟา หะรู หะรา สาวเสิร์ฟ พร้อมค้อกเทล .. (มั่วใหญ่ล่ะ) ในห้องจะประกอบไปด้วย อุปกรณ์ที่ถูกจัดเตรียมไว้ เพื่อ สำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง อาทิ ปฏิทินแม่โขง หนังสือ วีดีโอสารคดี โซฟา และพาหนะเก็บอสุจิ เอ้ย.. ภาชนะเก็บอสุจิ (พาหนะ จะเอาไว้ให้อสุจิขับเที่ยวเหรอ)
1
ก่อนปฏิบัติการ คุณจะต้องล้างมือ และเจ้ามังกรซ่อนแอบ ให้สะอาดเสียก่อน สำหรับกระบวนการโดยละเอียด จะมีคู่มือ และสติ๊กเกอร์ให้ทำตามขั้นตอนครับ ไม่ยากอย่างที่คิด .. เอ่อ คู่มือบอกขั้นตอนนะครับ ไม่ใช่คู่มือปฏิบัติ อันนั้นมันอยู่ในสายเลือดแล้ว
หลังจากได้รับเชื้ออสุจิแล้ว จะถูกนำไปตรวจความสมบูรณ์ในห้องแล็ป เพื่อการันตีว่า เก็บตัวเก่งแน่นอน โดยในชายทั่วไป ในอสุจิจะมีสเปิร์มอยู่ประมาณ 20 - 40 ล้านตัว แต่ในคนที่เป็นหมัน จะมีอยู่ประมาณล้านกว่าตัว และลักษณะของสเปิร์มที่ดี หัวจะต้องกลมมนคล้ายไข่ไก่ มีหางยาว และสดีด สดิ้ง เอ่อ .. เคลื่อนไหวอย่างน้อยครึ่งนึง ของสเปิร์มทั้งหมด
เมื่อผ่านการตรวจวิแคะแล้ว (ยืมเพจเฮียข้าวมาใช้) สเปิร์มตรงตามคุณลักษณะ จะถูกใส่สารละลาย กลีเซอรอล โซเดียมซิเตรท กลูโคส ฟรุกโตส ไข่แดง เพื่อเป็นแหล่งอาหารหล่อเลี้ยง จากนั้นจะถูกบรรจุลงหลอดแก้ว จัดเก็บในห้องไนโตรเจนเหลว ที่อุณหภูมิลบ 196 องศาเซลเซียส
สำหรับสเปิร์มที่อยู่ในหลอดแก้วขณะนี้ แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหว แต่มันจะยังมีชีวิตสมบูรณ์ดี และสามารถอยู่ในนานหลายสิบปี สำหรับหน่วยผู้มีบุตรยาก รพ.ศิริราช จะเก็บเชื้ออสุจิเพียง 5 ปี เท่านั้น เนื่องจากความจำกัดด้านพื้นที่
ส่วนการนำสเปิร์มกลับมาใช้งานนั้น จำเป็นจะต้องปลุกความกระชุ่มกระชวย ด้วยการเข้าเครื่องปั่นล้างเสียก่อน กระบวนการนี้ต้องทำในห้องปลอดเชื้อเท่านั้น เพื่อให้สเปิร์มกลับมา มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งเทคโนโลยี ที่จำเป็นต้องอาศัยสเปิร์ม ได้แก่ การผสมเทียม กิฟท์ ซิฟท์ เด็กหลอดแก้ว หรืออิกซี่ โดยแต่ละวิธี ก็เห็นผลเพียง 20% - 35% เท่านั้น
จะอย่างไรก็ดี เทคโนโลการสำหรับผู้มีบุตรยาก ยังคงถูกพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ตรงกันข้ามกับศีลธรรมอันดี ของบุคคลในสังคม ซึ่งนับวันเริ่มเสื่อมถอยลง การบริจาคสเปิร์ม การผสมเทียม การทำเด็กหลอดแก้ว หรือการตัดสินใจทำอะไรซักอย่างลงไป หากมองเป็นเพียงผลประโยชน์ ไม่นานนัก ความเป็นมนุษย์ จะมลายไปในที่สุด
หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
สัมผัสเบา ๆ จากปลายนิ้วท่าน สามารถให้กำลังใจผู้เขียนได้ง่าย ๆ
กดไลค์ = ชอบ
กดแชร์ = เห็นว่ามีประโยชน์
คอมเม้นต์ = เพื่อติชม และเป็นกำลังใจ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา