28 เม.ย. 2020 เวลา 12:08 • กีฬา
ความรักครั้งแรก จะเป็นรักที่สมหวังหรือไม่ นี่คือเรื่องจริงของอันเดร อากัสซี่ อดีตนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก กับรักแรกในชีวิตของเขา
รักแรกของนักเทนนิสอัจฉริยะ อันเดร อากัสซี่ เกิดขึ้นตอนอายุ 9 ขวบ
แบ็กกราวน์ของอากัสซี่ เขาเกิดที่ลาสเวกัส เมืองแห่งคาสิโนและแสงสี ในขณะที่คนอื่นมาเที่ยวสนุกสนานเพื่อเสี่ยงโชค แต่ครอบครัวอากัสซี่ ใช้ชีวิตในเมืองแห่งนี้
คุณพ่อของเขา ไมค์ เดิมทีเป็นคนอิหร่าน แต่ด้วยความยากจน จึงอพยพมาอยู่อเมริกา ร่อนเร่ไปหลายเมือง ก่อนลงหลักปักฐานที่ลาสเวกัส เขาทำงานเป็น พนักงานคาสิโน ที่โรงแรม MGM ส่วนคุณแม่เบ็ตตี้ เป็นแม่บ้าน คอยเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 4 คน
1
ไมค์ ทำงานอย่างหนักทั้งต้อนรับลูกค้า รวมถึงงานในครัว เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวทั้งหมด ซึ่งมันกลายเป็นปมในใจของเขาว่า ถ้าชีวิตมีเงิน และประสบความสำเร็จ ทุกคนก็คงไม่ต้องมาลำบากแบบนี้
1
ด้วยความที่ไมค์ คลั่งไคล้ในกีฬาเทนนิสที่สุด จึงพยายามปลุกปั้นลูกทุกคนให้เอาดีทางสายนี้ให้ได้ แต่ลูกสามคนแรก มีแววไม่ถึงขั้น เล่นได้แป้บๆก็เลิกเล่นเทนนิสไป แต่กับลูกคนสุดท้อง อันเดร อากัสซี่ เขามีความแตกต่างจากคนอื่น
อันเดร มีแววอย่างมาก ที่จะเป็นนักกีฬาอาชีพได้ คุณพ่อก็เลยผลักดันเต็มที่และเคี่ยวเข็ญอย่างหนัก เขาอยากให้ลูกชายไปไกลที่สุด ไม่ต้องมาดิ้นรนเหมือนอย่างเขาแบบนี้
ไมค์ส่งลูกไปเรียนเทนนิสเยาวชน ฝึกซ้อมอย่างหนักตั้งแต่เล็ก รวมถึงบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆเกี่ยวกับเทนนิส ให้ซึมอยู่ในสายเลือด
ในปี 1979 ตอนอากัสซี่อายุ 9 ขวบ เขาให้ลูกชายไปสมัครเป็นบอลบอย ในรายการอลัน คิง เทนนิสคลาสสิค เพื่อจะได้ซึมซับกับจังหวะการเล่นของมือโปรอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่นี่เอง ที่อากัสซี่ได้รู้จักกับสาวน้อยวัย 9 ขวบ ที่มาทำงานเป็นบอลเกิร์ล
เธอชื่อ เวนดี้ สจ๊วร์ต
เวนดี้ ใส่ชุดสีน้ำเงิน หน้าตาน่ารักเป็นอย่างมากสำหรับเด็ก 9 ขวบ ซึ่งอันเดรเหมือนโดนมนต์สะกดทันที นั่นคือรักแรกของเขา
"ผมหลงรักเธอทันทีตั้งแต่แรกเห็น ผมนอนหลับไปตอนกลางคืน มองที่เพดานแล้วจินตนาการถึงหน้าของเธอ"
1
การเป็นบอลบอย กับ บอลเกิร์ล ต้องทำงานด้วยกัน สำหรับเด็กสองคนเป็นปั๊ปปี้เลิฟเล็กๆ อันเดร พยายามยิ้มให้เวนดี้ทุกครั้งที่ทำได้ และหวังว่าเธอจะยิ้มกลับคืนมาให้เขาบ้าง และหลังจากจบแมตช์การแข่ง อันเดรจะวิ่งไปซื้อโค้กเอามาให้เวนดี้ แล้วชวนคุย พยายามทำให้เธอประทับใจว่าเขามีความรู้เรื่องเทนนิสไม่ธรรมดานะ
อันเดร กับ เวนดี้ กลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ในทัวร์นาเมนต์นั้น ด้วยเหตุเพราะวัยเท่ากันและชอบเทนนิสเหมือนกัน ทั้งคู่จึงได้มีโอกาสเจอกันบ่อยๆ
1
เวลาผ่านไป ทั้งสองคน ก็สนิทกันมาเรื่อยๆ จากประถม เข้าสู่มัธยม ความใกล้ชิดยิ่งทำให้รู้ใจกันมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็ไม่เคยไปได้ไกลกว่าการเป็นเพื่อน เพราะเส้นทางของทั้งคู่ไม่บรรจบกัน
หลังจบมัธยมต้น อันเดรเริ่มมีแนวทางชัดเจนของตัวเอง เขาจะไปไกลให้ที่สุดในเรื่องเทนนิส ดังนั้นจึงย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนีย ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายฝึกบอลเล็ตเทียรี่ อคาเดมี่ ขณะที่เวนดี้ เธออยู่ลาสเวกัสต่อ เป้าหมายเธอคือเรียนจบไฮสคูล แล้วเข้ามหาวิทยาลัย เหมือนเด็กทั่วๆไป
ถึงจุดนี้ ทั้งคู่แยกกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง แม้จะรู้สึกดีต่อกันมามากกว่า 5 ปี แต่ก็เป็นแค่คนในใจเท่านั้น ทั้งสองคนไม่ได้คบกันเป็นคนรัก
1
หลังเรียนจบไฮสคูล เวนดี้ ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย BYU ที่ยูท่าห์ ส่วนอากัสซี่ก็เริ่มลงแข่งขันเทนนิสเก็บคะแนนสะสมไปเรื่อยๆ ทั่วสหรัฐฯ
ตอนอายุย่างเข้า 15 อากัสซี่ ทำอันดับโลกขึ้นไปอยู่ที่ 610 ซึ่งสำหรับเด็กอายุแค่นี้ การไต่มาถึงจุดนี้ได้ เขาก็ภูมิใจแล้ว
อากัสซี่พัฒนาตัวเองไม่หยุด เขามีทีเด็ดที่การตีแบ็กแฮนด์สองมืออันร้ายกาจ และมักจะมีทีเด็ดไปในมุมที่คาดไม่ถึงเสมอ นั่นทำให้แฟนๆเริ่มชอบเขา เด็กหนุ่มคนนี้ มีพรสวรรค์จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น บุคลิกของเขายังดูห่าม มีความเป็นแบดบอย ทำให้สาวๆกรี๊ดเขา
อากัสซี่ผมยาวเท่ ผิดกับนักเทนนิสทั่วไปที่จะตัดผมเผ้าเรียบร้อย บางแมตช์อากัสซี่ใส่ยีนส์ขาสั้นลงแข่งเทนนิส ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน คือคาแรคเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร มันกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเขาไปเลย
2
ในวัย 16 ปี อากัสซี่ได้ลงแข่งแกรนด์แสลมเป็นครั้งแรก โดยได้สิทธิไวลด์การ์ด ในรายการยูเอสโอเพ่นปี 1986 ซึ่งแม้จะตกรอบแรก แต่เด็กอายุ 16 ที่ได้แข่งยูเอสโอเพ่นก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว
1
พอเข้าปี 1987 ตอนนี้ อากัสซี่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เขาคว้าแชมป์รายการแรกในชีวิตที่เมืองอิตาปาริก้าในบราซิล ก่อนจะทำอันดับโลกดีพอได้แข่งขันอีก 2 แกรนด์แสลม ทั้งเฟรนช์โอเพ่น และ วิมเบิลดัน
อากัสซี่คือความหวังใหม่ของวงการเทนนิส จริงอยู่พวกสื่อมวลชนมีแขวะเขาบ้างว่า ชอบทำตัวเด่น แฟชั่นจ๋าเกินกว่านักกีฬาทั่วไป แต่แฟนๆกลับชอบเขามาก โฆษณาแบรนด์ต่างๆ ติดต่อให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์เยอะไปหมด
2
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ คือนักกีฬาที่ทั้งเท่ ทั้งโด่งดังอย่างเขา จะยังไม่มีแฟน ซึ่งคนก็วิเคราะห์กันไปว่า อากัสซี่อาจจะยังโฟกัสเรื่องเทนนิสอยู่ เรื่องรักเลยเอาไว้ก่อนดีกว่า
1
ในปี 1989 อากัสซี่อายุ 19 ปี หลังจากตกรอบ 3 ในรายการเฟรนช์ โอเพ่น อากัสซี่ปฏิเสธไม่ร่วมแข่งขันวิมเบิลดัน แล้วกลับมาพักฟื้นร่างกายที่ลาสเวกัสบ้านเกิด
อากัสซี่เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์กับกล้องถ่ายภาพ Canon โดยพลอตของโฆษณา เนื้อเรื่องจะเป็นอากัสซี่ ในมุมต่างๆที่ลาสเวกัส โดยจะโปรโมทว่า จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหน Canon ก็ถ่ายรูปออกมาดี
ทีมโฆษณาเริ่มจากถ่าย จาก Valley of fire ก่อนจะไปที่ทะเลสาป Lake Mead ตามด้วย The Strip ถนนเส้นหลักของลาสเวกัส และปิดท้ายที่ เคมบริดจ์ แรกเก็ต คลับ ซึ่งเป็นสโมสรที่อากัสซี่ เคยเล่นในสมัยเยาวชน มันเป็นจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มที่ชื่ออันเดร อากัสซี่ด้วย
การถ่ายช็อตสุดท้าย อากัสซี่ ที่ใส่สูทสีขาว จะขับรถแลมโบกินี่ เข้ามาจอดที่หน้ากล้อง จากนั้นเขาจะเดินลงจากรถมา ถอดแว่นดำออก แล้วพูดประโยคสโลแกนของ Canon ว่า "Image is Everything"
1
ระหว่างที่กำลังซ้อมบทอยู่ เริ่มมีชาวบ้านมามุงดูการถ่ายทำโฆษณามากขึ้น อากัสซี่มองไปรอบๆ และเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีผมสีน้ำตาลยาว หยักศก ดวงตาของเธอเป็นสีเขียวสด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลืมเธอ แม้จะไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แต่คนที่ทำให้เขาอยู่ในภวังค์ได้ มีแค่คนเดียวเท่านั้น
เธอคือเวนดี้
"ฉันเพิ่งดร็อปจากมหาวิทยาลัยน่ะ กลับมาถึงลาสเวกัส รู้ข่าวว่านายอยู่ที่นี่" เวนดี้บอก "นายเป็นคนแรกที่ฉันอยากจะเจอนะ"
4
จากเด็กสาวที่น่ารักใน ทัวร์นาเมนต์ของอลัน คิง ตอนนี้เธอเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ในวัย 19 ปี เวนดี้สวยงาม เพอร์เฟ็กต์ ซึ่งก็ไม่แปลกเลย ที่อันเดร จะตกหลุมรักซ้ำอีกครั้ง ในการถ่ายโฆษณาตอนที่ผู้กำกับคอยสั่งว่าเขาจะต้องแอ็คชั่นแบบไหน สติของอันเดรไม่อยู่กับตัวเลย
2
สุดท้ายการถ่ายโฆษณาก็จบลงเรียบร้อย อันเดร กับเวนดี้ กระโดดขึ้นรถจี๊ป แบบเปิดประทุน ขับทะยานกลับเข้าไปในเมือง ทั้ง 2 คนไม่ได้เจอกันนาน มันดีใจนะ ที่ได้เจอกันอีกครั้ง
2
อากัสซี่ กับ เวนดี้ ห่างกันไปนานหลายปี จากเด็กน้อย กลายมาเป็นวัยรุ่นทั้งคู่ ทั้งสองคนจึงเริ่มทำความรู้จักกันใหม่
เวนดี้เล่าว่าเธอยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไร ดังนั้นจึงไปลงเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่พอเรียนไปได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกว่า มันยังไม่ใช่คณะที่ตอบโจทย์เธอ ดังนั้นเธอคิดว่าจะลาออก แล้วกลับมาตั้งหลักที่บ้านก่อน จากนั้นถ้าคิดได้ ว่าอยากเรียนอะไรจริงๆ ค่อยสมัครมหาวิทยาลัยใหม่อีกครั้ง
เช่นเดียวกับอากัสซี่ เขาก็เล่าทุกอย่างให้เวนดี้ฟังอย่างสบายใจ คือด้วยความที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว จึงมีผู้หญิงเข้าหามากมาย ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าใครจะมีจุดประสงค์อย่างไร แต่กับเวนดี้ ทั้งคู่รู้จักกันมานาน และอากัสซี่รู้ดีว่า พื้นฐานเวนดี้เป็นคนดีเสมอ
การกลับมาคุยกันอีกครั้ง ทั้งคู่คลิกกันอย่างรวดเร็ว สาเหตุเพราะอันเดร กับ เวนดี้ เป็นคนเมืองเดียวกัน โตมาในสภาพแวดล้อมเหมือนกัน
"เราคือคู่แท้" อันเดรกล่าว "เราสองคนรักกันแทบคลั่ง"
1
แต่เวนดี้ ก็ยังไม่ถลำลึก 100% นัก เธอบอกอันเดรว่า ลองคบกันเป็นแฟนดูก็ได้ แต่ขอให้เป็นความสัมพันธ์แบบ Open Relationship นั่นคือ แม้จะคบกัน แต่ก็ไม่ต้องปิดกั้นตัวเองกับคนอื่น ถ้าคิดว่าเราสองคน ไม่ใช่ต่อกันแล้ว ก็แยกจากกันโดยดีโดยไม่ต้องโกรธเคืองกัน
2
อันเดรไม่ค่อยเข้าใจนัก ในความหมายของเวนดี้ แต่เขาก็ตอบตกลง ทั้งคู่จึงเริ่มคบหากันตั้งแต่นั้น
2
ด้วยความที่เวนดี้ ยังไม่รู้ว่าชีวิตจะทำอะไรต่อ อันเดรจึงยื่นข้อเสนอให้เธอบินไปกับเขาทั่วโลก เขาไปแข่งอะไร เธอก็จะไปที่นั่นด้วย นี่จะเป็นโอกาสดีให้เวนดี้ เห็นโลกกว้างขึ้นกว่าเดิมด้วย ซึ่งเวนดี้ตอบตกลง
ดังนั้นในการแข่งเทนนิส ถ้านับตั้งแต่ปี 1989 ถ้าเห็นอากัสซี่ ก็จะเห็นเวนดี้ด้วยเสมอ พวกเขาเป็นคู่รัก ที่น่ารักมากจริงๆ
1
สเป็กของอันเดร อากัสซี่ ที่เขาบอกมาตลอด คือผู้หญิงแบบสเตฟฟี่ กราฟ นักเทนนิสอัจฉริยะชาวเยอรมัน
1
กราฟ คือผู้หญิงเก่ง สวย และฉลาด นี่คือคนในฝันของเขาเลย แต่อากัสซี่ก็ยอมรับว่า กราฟ คือคนที่เขาไม่อาจเอื้อมได้ จึงมองอยู่ห่างๆด้วยความปลื้มเท่านั้น ส่วนในเรื่องความรักจริงๆ แบบไม่ใช่จินตนาการ ใจของเขามีคนเดียวคือ เวนดี้
2
ปี 1991 ก่อนการแข่งในรายการแอตแลนต้า อันเดร กับ เวนดี้ แอบไปฉลองวันเกิดอายุ 21 ปีที่บาร์แห่งหนึ่งในเมืองบั๊คเฮด
เวนดี้ วันนั้นเพิ่งซื้อกล้องถ่ายวีดีโอมาใหม่ เธอยื่นวีดีโอส่งให้อันเดรแล้วบอกว่า "ถ่ายฉันหน่อยสิ จังหวะที่ชู้ตบาสในเกมอาร์เคด" ระหว่างที่เวนดี้กำลังชู้ตบาส อันเดรถ่ายวีดีโอช็อตการชู้ตแค่ 3 วินาที จากนั้นเขาก็แพนกล้องมาถ่ายที่เรือนร่างของเวนดี้แทน
"อันเดร ขอร้องเถอะเจ้าบ้า อย่าเอากล้องมาถ่ายก้นฉันสิ!"
1
บรรยากาศเฮฮาสนุกสนาน ในคืนนั้น อันเดรเกือบไปมีเรื่องกับเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งในบาร์ แต่เขากับเวนดี้ก็รอดมาได้ คือสิ่งที่อันเดรรู้สึกคือ อยู่กับเวนดี้ มันทำให้เขาสนุกจริงๆ เธอทำให้ช่วงเวลาที่น่าเบื่อในการแข่งขัน หายเซ็งลงไปได้
1
พฤษภาคม 1991 อันเดร บินไปแข่งรายการเฟรนช์ โอเพ่นที่ฝรั่งเศส ย้อนกลับไปปีที่แล้ว เขาเข้าชิงที่โรลังด์ การ์รอสมาแล้ว แต่ไปแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ มาคราวนี้ เขาขอโอกาสแก้ตัวอีกหน และมั่นใจว่าจะไปถึงแชมป์ให้ได้
อากัสซี่เข้าชิง พบกับจิม คูเรียร์ เพื่อนร่วมชาติ ซึ่งสถิตินั้น อากัสซี่ข่มคูเรียร์อยู่พอสมควร เขาคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้
นักเทนนิสอเมริกัน ในรุ่นนั้น ตัวดังๆ จะมี อากัสซี่ (เกิด 1970), จิม คูเรียร์ (เกิด 1970), พีท แซมพราส (เกิด 1971) และ ไมเคิล ชาง (เกิด 1972) ซึ่งไมเคิล ชางกับแซมพราส ได้แชมป์แกรนด์แสลมกันไปแล้ว ดังนั้น นี่จะเป็นการวัดกันของอากัสซี่ กับ คูเรียร์ ว่าใครจะได้แกรนด์แสลมก่อน
"มันแย่พออยู่แล้วที่ไมเคิล ชาง ได้แกรนด์แสลมก่อนผม แล้วยังพีทอีก และจะต้องคูเรียร์อีกคนหรือ? ผมยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้หรอก"
1
ศักดิ์ศรีของอากัสซี่ค้ำคอ เขาต้องเป็นอันดับ 1 ในดาวรุ่งอเมริกันให้ได้ ซึ่งในเกมนี้อากัสซี่ก็เล่นดีจริงๆ ออกสตาร์ตนำไปก่อน 2-1 เซ็ต
แต่พอเข้าเซ็ต 4 อากัสซี่ช็อตไปดื้อๆ "ผมไม่รู้ว่าผมเล่นแย่ หรือคูเรียร์เล่นดี" กลายเป็นคูเรียร์พลิกกลับมาชนะในเซ็ตที่ 4 ก่อนจะเร่งเครื่องต่อในเซ็ตต่อมา ปิดบัญชีได้สำเร็จ จบเกมคูเรียร์ ได้แชมป์เฟรนช์โอเพ่น ด้วยชัยชนะ 3-2 เซ็ต
1
อากัสซี่ แพ้รอบชิงแกรนด์แสลม 3 รายการติดกัน และเป็นดาวรุ่งอเมริกันยุครุ่งเรืองคนเดียวที่ไปไม่ถึงแชมป์แกรนด์แสลม
มันคือความเจ็บปวดที่รุนแรงที่สุดของอากัสซี่ เขาจะชนะอยู่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายแพ้แบบ ที่ใครๆก็ต้องหัวเราะ
อันเดรกลับบ้านที่ลาสเวกัส และสิ่งที่เขาเดาได้แต่แรกสุดว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เป็นจริง พ่อของอันเดร ยืนดักรอหน้าบ้าน อย่างที่รู้กันว่า เขาคาดหวังกับชัยชนะของลูกชายมากแค่ไหน
พ่อยืนด่าอันเดรเป็นชุด "ทำไมแกโง่อย่างนี้ ทำไมแกไม่ใช้แบ็คแฮนด์ ทำไมแกรักษาฟอร์มไม่ได้!" อันเดรยืนนิ่ง เขาทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก เขาคาดไว้แล้วว่าจะเจอพ่อด่าแน่ แต่พอมาเจอจริงๆ มันเลวร้ายกว่าที่คิดไว้เสียอีก
แต่คนที่เข้ามาเบรกเหตุการณ์นี้คือเวนดี้
1
"เธอทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำเพื่อผมมาก่อน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมหวังนะ ว่าแม่จะทำแบบนี้บ้าง เธอเอาตัวเองแหวกกลางระหว่างผมกับพ่อ แล้วบอกว่า เราไม่คุยเรื่องเทนนิสกันสักสองชั่วโมงได้ไหม สองชั่วโมง ไม่ต้องคุยเรื่องเทนนิสเลยสักคำ"
1
พ่อของอันเดรหยุดพูด วินาทีนั้นอันเดรกลัวว่าเขาจะตบหน้าเวนดี้ แต่เวนดี้ก็ยืนประจันไม่กลัว เธอปกป้องไม่ให้อันเดรโดนตำหนิอีกแล้ว แต่สุดท้ายพ่อก็ไม่ได้ทำอะไร หันหลังแล้วเดินขึ้นห้องนอนตัวเองไป
ถึงตรงนี้ อันเดร ยิ่งรักเวนดี้มากขึ้น เธอรู้ดีที่สุดว่าสถานการณ์แบบนี้ เขาเองก็เจ็บปวดมากอยู่แล้ว ไม่ใช่เวลาที่จะมาโดนซ้ำเติมจากใครอีก
1
หลังแพ้เฟรนช์ โอเพ่น อันเดรก็ปล่อยเบลอเกี่ยวกับเทนนิส เขาไม่ซ้อมอีกแล้ว ไม่อยากกลับไปเล่นเทนนิสอีก เขานอนกลิ้งในบ้าน ปล่อยวันเวลาผ่านไปด้วยการดูหนังสยองขวัญกับเวนดี้
โปรแกรมวิมเบิลดันจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งตามปกติ อากัสซี่ จะ Skip หรือถอนตัวจากวิมเบิลดันเสมอ
3 ปีติดต่อกันแล้ว (1988,1989,1990) ที่อากัสซี่ไม่แข่งวิมเบิลดัน สาเหตุสำคัญคือตอนไปแข่งวิมเบิลดันครั้งแรกในปี 1987 เขาได้รับการปรนนิบัติไม่ดีนักจากผู้จัดการแข่ง นอกจากนั้น ด้วยความที่ไม่เคยเล่นคอร์ตหญ้ามาก่อน ทำให้เขาแพ้คู่แข่งแบบหมดรูป 3 เซ็ตรวด
1
ดังนั้นอากัสซี่จึงคิดว่า ซีซั่นคอร์ตหญ้ามันก็แค่ 1 เดือนเอง ถ้าไปแล้วต้องเจอประสบการณ์ไม่ดี สู้ถอนตัวมาเลยดีกว่า แล้วเอาเวลานี้ไปพักผ่อน แล้วเตรียมแข่งฮาร์ดคอร์ตยังจะดีซะกว่า
1
นิค บอลเล็ตเทียรี่ โค้ชของอากัสซี่ ถามว่าจะไปแข่งวิมเบิลดันไหม เขาเป็นมือวางอันดับ 5 ของรายการนะ ซึ่งแน่นอน อากัสซี่ตอบปฏิเสธไป
1
แต่ทว่าคนที่รบเร้าให้เขาไปแข่งคือเวนดี้
"นายกลัวอะไรล่ะ มันจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกหรอ?"
คำพูดของเวนดี้ ทำให้อันเดรคิดตาม เออ มันก็จริงนะ แพ้แกรนด์แสลมรอบชิงมา 3 หนรวดแล้ว คนหัวเราะเยาะสนุกกันแล้ว ส่วนวิมเบิลดันก็เคยแพ้รอบแรก 3-0 เซ็ตมาแล้ว คราวนี้ไปแข่ง มันจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกล่ะ อย่างมากก็เสมอตัว
ดังนั้นอากัสซี่ จึงกลับไปลงแข่งวิมเบิลดันครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งปรากฏว่าเขาจบที่รอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งแม้จะไม่ได้แชมป์ แต่อากัสซี่ก็พอใจมาก เขาไม่ได้แพ้ทางคอร์ตหญ้าอย่างที่ตัวเองคิดนี่นา
1
"เวนดี้ ฉันว่า ฉันคว้าแชมป์วิมเบิลดันได้นะ ในอนาคต"
1
หลังจากทดลองแข่งวิมเบิลดันในปี 1991 อีก 12 เดือนต่อมา อากัสซี่กลับมาที่วิมเบิลดันอีกครั้ง และคราวนี้ เขาสามารถเข้าชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมได้เป็นหนที่ 4 โดยปะทะกับ กับโกรัน อิวานิเซวิช จากโครเอเชีย
1
คนทั่วไปอาจจะ Third Time Lucky สำเร็จในหนที่ 3 แต่สำหรับอากัสซี่ ครั้งที่ 3 เขาทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามครั้งที่ 4 เขาไม่พลาดแล้ว อากัสซี่เชือดอิวานิเซวิช 3-2 เซ็ต ได้แกรนด์แสลมครั้งแรกในชีวิต
1
กลายเป็นว่า รายการที่เขาเกลียดมากที่สุด และพยายามหลบเลี่ยงมาตลอด กลับกลายเป็นแชมป์แกรนด์แสลมครั้งแรกในชีวิตของเขาเฉยเลย
2
อากัสซี่รู้สึกขอบคุณเวนดี้เสมอมา ที่ทำให้เขากล้าออกมาสู้ในวันนั้น ถ้าเขาไม่ลองลงแข่ง ก็คงไม่มีทางประสบความสำเร็จได้อย่างวันนี้
หลังได้แชมป์แกรนด์แสลม ชีวิตของอากัสซี่ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขากลายเป็นเซเล็บของประเทศ รู้จักกับคนดังในวงการต่างๆมากมาย
เควิน คอสต์เนอร์ นักแสดงฮอลลีวู้ดที่โด่งดัง ก็อยากเป็นเพื่อนกับอันเดรด้วย ดังนั้นเขาจึงเชิญ อันเดรกับเวนดี้ ไปล่องเรือยอชต์ด้วยกัน ชีวิตของหนุ่มสาวจากลาสเวกัส กำลังเข้าสู่โลกของคนดังอย่างเต็มตัว
1
หลังไปล่องเรือยอชต์เสร็จ วีกต่อมา คอสต์เนอร์ ก็ชวนอันเดรกับเวนดี้ ไปดูภาพยนตร์เรื่องล่าสุด The Bodyguard ที่คอสต์เนอร์ เล่นร่วมกับวิทนีย์ ฮุสตัน
1
อันเดรกับกับเวนดี้ ไม่ชอบหนังเท่าไหร่ แต่กับเพลงประกอบที่ชื่อ I will always love you ทำให้ทั้งคู่ประทับใจเป็นอย่างมาก
"ต่อไปนี้ เพลงนี้คือเพลงของเราสองคนนะ" เวนดี้บอกกับอันเดร
1
ตามความหมายของมันเลย ฉันจะรักเธอตลอดไป - I will always love you
1
"เราจะร้องเพลงนี้ให้กันตลอดเวลา เขียนโน้ตถึงกันเป็นเนื้อเพลง และเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เพลงนี้ดังขึ้นมาที่วิทยุ เราจะหยุดทำทุกอย่างที่ทำตอนนั้น แล้วหันมาประสานตากัน ซึ่งแน่นอน คนรอบตัวเราคงจะเอียนมาก แต่เราไม่แคร์หรอก" อันเดรเผย
จากที่รู้จักกันในปี 1979 มาจนถึงปัจจุบันปี 1992 มันทำให้อันเดรแน่ใจในความรู้สึกตัวเองแล้ว เธอคือคนที่ใช่ที่สุด ต้องเป็นเวนดี้คนเดียวเท่านั้น
อันเดร บอกกับพี่ชายฟิลิปว่า เขาตัดสินใจแล้ว จะขอเธอแต่งงานเร็วๆนี้ ซึ่งฟิลิปบอกว่าเขาสนับสนุนเต็มที่ คนรอบตัวทุกคนรักเวนดี้เหมือนอันเดร
1
มกราคม 1992 อันเดร มีอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ ทำให้เขาถอนตัวจากออสเตรเลียน โอเพ่น นั่นแปลว่า ทำให้เขามีเวลาอยู่กับเวนดี้มากขึ้น
สำหรับอันเดร มันเป็นช่วงเวลาที่สบายใจ ถ้าอยู่กับเวนดี้ นานแค่ไหนเขาก็อยู่ได้
แต่สิ่งที่อันเดร ไม่คาดคิดเลยคือ เวนดี้มีบางอย่าง อยากจะบอกกับอันเดรให้รับรู้ในเร็วๆนี้
ในคืนหนึ่ง อันเดรขับรถไปรับเวนดี้ตามปกติ ระหว่างที่ขับรถอยู่บนถนนเรนโบว์ บูเลอร์วาร์ด เขาเปิดกระจกลงให้ลมเย็นจากด้านนอก เข้ามาสู่ตัวรถ จากนั้นก็เปิดวิทยุเพื่อฟังเพลง
1
เวนดี้เอื้อมมือไปลดเสียงวิทยุ แล้วบอกกับอันเดรว่า "หลังจากที่ตามหาตัวเองอยู่นาน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า อยากจะทำอะไร"
ตอนที่เวนดี้ เจออันเดรอีกครั้งในการถ่ายโฆษณาของ Canon ตอนนั้นเธอเพิ่งดร็อปจากมหาวิทยาลัย และต้องการใช้เวลาเพื่อค้นหาตัวเอง และตอนนี้เธอคิดว่าเธอรู้แล้ว
อันเดรพยักหน้า รับรู้สิ่งที่เธอบอก แล้วเอื้อมไปเปิดวิทยุต่อ
แต่เวนดี้ยังพูดไม่จบ เธอเอื้อมมือไปปิดวิทยุอีกครั้ง แล้วบอกว่า "สิ่งที่ฉันต้องการ คือตามหาความหมายของชีวิตตัวเอง และตอนนี้ฉันคิดว่าจะกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง"
อันเดรพยักหน้าอีกครั้ง และเปิดวิทยุอีกรอบ เขาเริ่มคิดว่า แล้วจากนี้ถ้าเวนดี้ต้องไปเรียน เขาสองคนจะเจอกันยากขึ้นหรือไม่ อาจต้องวางแผนมากขึ้นกว่าเดิม อะไรคงไม่ง่ายเหมือน 3-4 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อันเดรไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เวนดี้กำลังจะพูดเลย
"อันเดร ฉันคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว ฉันคิดว่าชีวิตฉันไม่สามารถมีความสุขได้อย่างแท้จริงถ้าอยู่กับนายต่อไป"
"ฉันไม่สามารถเป็นเพื่อนร่วมเดินทางของนายได้แบบนี้ตลอดไปหรอกนะ สุดท้าย ฉันต้องออกไปหาชีวิตของฉันเอง"
เวนดี้นั้นรู้สึกว่าตัวเอง ตัวเล็กเหลือเกินเวลาอยู่กับอันเดร ความหมายของเธอ คือการเป็นแฟนของอากัสซี่เท่านั้น เธอมีความสุขนะ มีความสุขมากจริงๆ แต่คนจะรู้จักเธอก็แค่ในฐานะผู้หญิงของอากัสซี่เท่านั้น ไม่มีใครมาสนหรอกว่าเวนดี้ สจ๊วร์ตคือใคร
1
นั่นคือสิ่งที่เธอไม่ต้องการ และถ้าเธอยังคบกับอากัสซี่อยู่ เธอจะไม่มีวันเอาตัวเองหลุดออกมาจากจุดนี้ได้
1
"นายมีเป้าหมายของนาย และฉันก็จะไปหาเป้าหมายของฉัน แต่ฉันสัญญานะว่าแม้เราจะไม่ได้คบกันแล้ว แต่ฉันจะเฝ้าดูนายเสมอ"
1
โดยไม่ทันตั้งตัว อันเดร โดนบอกเลิกอย่างกะทันหัน เขาเงียบสนิทเถียงอะไรไม่ออกเลย เธอมีเหตุผลหนักแน่นมากจริงๆ ไม่มีใครอยากเป็นเงาของใครหรอก มันไม่แปลกที่เวนดี้ อยากจะรักกับคนที่เธอรู้สึกทัดเทียมกัน ไม่ทำให้เธอรู้สึกด้อยแบบนี้ เธอไม่ผิดเลย
1
ในวินาทีนั้นเอง เพลง I will always love you ก็ดังขึ้นมาจากวิทยุ
ขอเพียงแค่เวนดี้หันมาประสานตากับเขาเหมือนทุกครั้ง เขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เธอกลับมาให้ได้
อันเดร มองที่เวนดี้รอเธอหันหน้าขึ้นมา แต่ทว่า เธอไม่หัน เวนดี้ก้มหน้าร้องไห้ ซึ่งมันทำให้อันเดรรู้แล้วว่า เวนดี้คิดมาดีแล้วจริงๆ
อันเดรไม่พูดอะไร เขายูเทิร์นรถแล้วไปส่งเธอที่บ้าน จอดรถแล้วไปส่งถึงหน้าประตู
เวนดี้ขอกอดเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ทั้งคู่สวมกอดกันยาวนาน
และใช่ มันคือกอดสุดท้ายของความสัมพันธ์ 13 ปี
อันเดร ขับรถออกมาจากบ้านของเวนดี้ ขับไปได้แค่ไม่ถึงบล็อคก็จอดข้างทาง แล้วร้องไห้ เขาร้องเหมือนคนบ้า
ความรักครั้งแรกของเขาจบลงแล้ว จบโดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
ในช่วงชีวิตของคนเรา จะมีหนึ่งคน ที่อยู่ในเศษเสี้ยวของความทรงจำเสมอ
3
แม้เราจะไม่สามารถเป็นรักสุดท้ายของกันและกันได้ แต่ไม่ได้แปลว่าความรู้สึกที่เราเคยมีให้กัน มันจะไม่จริง
และอยากให้เธอรู้ไว้ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน หรืออยู่กับใคร ฉันจะอวยพรให้เธอเสมอ
แม้จะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว ก็ไม่เป็นไร
แค่ได้รู้ว่าเธอมีความสุขใจ ฉันก็โอเคแล้ว
#Agassi
โฆษณา