25 พ.ค. 2020 เวลา 13:18 • ประวัติศาสตร์
การทำลองลับในมนุษย์ของ Unit731
ญี่ปุ่นแหกสนธิสัญญาเจนีวา ทำการทดลองลับในมนุษย์ การจงใจแพร่เชื้อโรคสู่มนุษย์ทดลอง หรือแม้กระทั่งกระจายเชื้อโรคผ่านอากาศ และปล่อยลงในน้ำที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งของจีน ทำให้คนจีนติดโรค และตายไปจำนวนมาก เพื่อทดสอบอาวุธชีวภาพ ในสงครามโลกครั้งที่ 2
UNIT 731
การวิจัยอาวุธชีวภาพของ Unit 731 มีคนจีนถูกนำไปเป็นหนูทดลองเสียชีวิตอย่างอนาถถึง 3000 คน และอีก 10,000 คนที่ต้องเสียชีวิตจากการทดลองอาวุธชีวภาพ เรื่องนี้สร้างความเกลียดชังในใจคนจีนต่อคนญี่ปุ่นในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก และคนที่อยู่เบื้องหลังการทดลองอันโหดเหี้ยมนี้ คือนายแพทย์ชิโร อิชิอิ หนึ่งในบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเลวที่สุดในโลก
นายแพทย์ชิโร อิชิอิ เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2435 ที่เมืองชิบายามะจังหวัดชิบะประเทศญี่ปุ่น เป็นลูกชายคนที่สี่ของคัทซึยะ อิชิอิ เจ้าของที่ดินมากมายและเป็นผู้ผลิตเหล้าสาเก นิสัยส่วนตัวของชิโร อิชิอิ เป็นคนฉลาด มีไหวพริบ ทะเยอทะยาน หากแต่นิสัยนี้มาพร้อมกับความก้าวร้าว และหยิ่งยโส
Shiro Ishii / Cr. Wikipedia
ในปี พ.ศ. 2459 ชิโร อิชิอิ ได้เข้าเรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัยเกียวโต หลังจากที่อิชิอิเรียนจบแพทย์นั้น ญี่ปุ่นก็เริ่มเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตระกูลชิโรเป็นตระกูลใหญ่ที่รักชาติ นายแพทย์อิชิอิ จึงแสดงความจงรักภักดีต่อชาติโดยการสมัครเข้าเป็นแพทย์ทหารทันที
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต่างฝ่ายก็ต้องก็ต้องการความได้เปรียบในเรื่องของทรัพยากรและยุทโธปกรณ์สงคราม ญี่ปุ่นได้ยึดครองแคว้นแมนจูเรีย ที่อยู่แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และตั้งหน่วยวิจัยอาวุธเคมีและชีวภาพขึ้น ชื่อว่า Unit 731 หรือที่คนจีนเรียกว่าป้อมซงหม่า
Unit 731 / Cr. China underground
พลโทนายแพทย์ ชิโร อิชิอิ ทึ่ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นแพทย์ทหารชาวญี่ปุ่นประจำกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ถูกส่งมาคุมการวิจัยลับของหน่วยนี้ และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวอันโหดเหี้ยมของญี่ปุ่นที่ทำไว้กับจีน
เชลยในค่ายที่ป้อมซงหม่าก็มีตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนแก่ ส่วนใหญ่เป็นคนจีน รองลงมาก็เป็นเกาหลี ฟิลิปปินส์ การมีเชลยในช่วงสงครามนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ทีแปลกคือเชลยในค่ายนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างดี กินอิ่ม นอนหลับ ไม่เหมือนค่ายอื่นๆ เพราะเหตุผลก็คือต้องการคงสภาพร่างกายและจิตใจของเชลยให้เป็นปกติที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อสนองความต้องการคือการทดลองอาวุธชีวภาพในคนนั่นเอง
ค่ายกักกันหน่วย 731 หรือป้อมซงหม่า / Cr. Wikipedia
การทดลองของ Unit 731 นั้นนับว่าเป็นความลับสุดยอดของญี่ปุ่น เพราะเชลยทุกคนจะถูกนำไปเป็นหนูทดลองเพื่อการศึกษาด้านเคมี ชีวภาพและอาวุธของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดต่อสนธิสัญญาเจนีวาเป็นอย่างมาก
เจ้าหน้าที่จะมีรหัสลับที่เอาไว้เรียกเชลยในค่ายว่า Maruta ที่แปลว่า ท่อนซุง นั่นก็เพราะว่าค่ายนรกนี้ เปิดเป็นโรงเลื่อยบังหน้า และเพื่อให้ไม่ถูกคนภายนอกสงสัยเวลาย้ายเชลยเข้าค่ายกักกัน
นายแพทย์อิชิอินั้น มีความทะเยอทะยาน ใคร่รู้ในหลายสิ่งอย่าง ในเมื่อมีหนูทดลองในมือ(มนุษย์) หากอยากรู้อะไรก็จะลงมือทันที
เช่น เขาเคยสั่งให้ทหารตัดแขนขาของมนุษย์แล้วปล่อยให้เสียเลือด และสังเกตอาการจนตาย บ้างก็อยากดูการทำงานของอวัยวะภายในก็ทำการผ่าท้องดื้อ ๆ และทำโดยไม่ใช่ยาสลบแม้แต่น้อย เนื่องจากอิชิอิต้องการให้อวัยวะทุกส่วนทำงานปกติ เพื่อผลการทดลองที่ถูกต้องที่สุด
Cr. Seoultoday
แต่ที่สุดแสนจะวิปริตคือการจับคนมาตัดแขนทั้งสองข้างก่อนจะนำไปต่อคืนแบบสลับข้างกัน โรคจิตชัดๆ
3
หรือหากอยากทดลองอาวุธชีวภาพเขาก็ไม่คิดมาก เพียงนำคนมาฉีดเชื้อโรคหรือสารพิษโดยตรงเลย ครั้งหนึ่งเขาใช้โพแทสเซียมไซยาไนด์ฉีดโดยตรงสู่มนุษย์ และสังเกตอาการ จากการทดลอง ใช้เพียง 15 มิลลิกรัม มนุษย์จะหมดสติและตายใน 20 นาที
มีการนำแขนของผู้ทดลองให้น้ำแข็งกัดที่ -5 องศา เป็นเวลา 10 ชั่วโมงเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
บ้างก็ทำให้ผู้ชายติดโรคซิฟิลิส และบังคังให้ไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง เพื่อศึกษาการติดต่อของโรค หากไม่ทำก็จะโดนฆ่าทิ้ง
หากอยากจะทดสอบประสิทธิภาพอาวุธสงคราม ก็นำเชลยนี่แหละ มาเป็นเป้าในการทดสอบ เช่นทดสอบความรุนแรงของระเบิดในระยะต่าง ๆ บ้างก็ทดสอบโดยใช้ปืนไฟเผา ย่างกันสดๆ
Cr. China underground
การใช้ไฟฟ้า 5000-20000 V ช็อตคนทั้งเป็น เพื่อทดสอบว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระดับแรงดันที่ต่างกัน
การทดสอบว่ามนุษย์จะทนความกดอากาศได้เท่าไหร่ โดยนำมนุษย์ไปไว้ใน ห้องความดันสูง ก่อนจะปล่อยแรงดันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายฉีดขาด นัยน์ตาทะลักออกมาด้านนอก
การทดสอบอาวุธชีวภาพโดยให้เชลยยืนแหงนหน้าอ้าปาก จากนั้นอิชิอิ ก็โปรยเชื้อลงมา โดยที่เชลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเจอกับอะไร เมื่อทดสอบแล้วว่าเชื้อโรคใช้งานได้ สามารถแพร่ผ่านอากาศได้ อิชิอิจึงได้ทำการทดลองขั้นต่อไปและเป็นการทดลองที่มีผู้เสียชีวิตเยอะสุด คือการจงใจแพร่โรคระบาดโดยเครื่องบิน โดยทำการแพร่ผ่านอากาศ และแหล่งน้ำในบริเวณชายฝั่งหนิงโปและฉางเต๋อมณฑลหูหนาน เหตุการณ์นี้ทำให้มีคนจีนเสียชีวิตร่วมหมื่นคนจากการติดเชื้อ
Cr. China underground
หากตามแผนการแล้วอาวุธชีวภาพที่หน่วย 731 วิจัยมาแล้วนั้น จะถูกนำไปใช้ในศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยปฏิบัติการที่ชื่อ Cherry Blossoms at Night โดยใช้บอลลูนที่บรรจุเชื้อร้ายไว้ก่อนจะปล่อยมันขึ้นจากเรือดำน้ำใกล้กับชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐ กระแสลมจะทำหน้าที่พัดบอลลูนเข้าสู่แผ่นดิน หากแผนการนี้สำเร็จจะมีคนเสียชีวิตเพราะโรคระบาดจำนวนหลายล้านคน แต่ก็คงเป็นโชคดีของชาวโลก ที่ญี่ปุ่นนั้นยอมแพ้สงครามเสียก่อนในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เนื่องจากโดนปรมณูของสหรัฐ เข้าไป 2 ลูก Little boy และ Fatman ที่เมืองฮิโรชิม่า และนางาซากิ
พอสงครามจบ และญี่ปุ่นพ่ายแพ้ อิชิอิสั่งการสังหารเชลยที่รู้เห็นกว่า 150 คนเพื่อปิดปาก และทำลายหลักฐานทั้งหมดทันที
ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดก็คงไม่มิด เรื่องค่ายนรกและความเลวของนายแพทย์ชิโร อิชิอิก็ยังคงถูกเปิดเผยอยู่ดี คนที่เกี่ยวข้องกว่า 1000 คนถูกดำเนินคดี ในฐานะอาชญากรสงคราม
ปัจจุบันสถานที่นี้ ได้ถูกสถาปนาเป็นพิพิธพันธ์ทางประวัติศาสตร์ และเปิดให้คนภายนอกเข้าเยี่ยมชมได้
แบบจำลองการทดลองของ Unit 731 / Cr. MR Online
มีข่าวว่านายแพทย์ชิโร อิชิอิ และเจ้าหน้าที่บางคน หลังจบภารกิจก็กลับประเทศไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายตามเดิม โดยไม่ได้รับโทษใดๆ ทั้งสิ้น
เนื่องจากสหรัฐยื่นข้อเสนอให้อิชิอิส่งมอบการวิจัยแบบหมดเปลือกเพื่อแลกกับอิสรภาพของเขา พร้อมกับช่วยปกปิดการมีอยู่ของ Unit 731 และมีบางทฤษฎีบอกว่า อิชิอิ ยังไปร่วมวิจัยลับๆ กับทางสหรัฐอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เขาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ชานเมืองโตเกียว และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกล่องเสียง ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ด้วยวัย 67 ปี
ไม่แน่นะครับ หากญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้สงครามเสียก่อน ทั้งโลกอาจจะได้เห็นความน่ากลัวของอาวุธชีวภาพของญี่ปุ่นก็เป็นได้ ยังไงก็แล้วแต่ถึงแม้จะชนะสงคราม สถานที่นั้นก็คงรกร้าง และเต็มไปด้วยเชื้อโรคและสารพิษต่าง ๆ ไร้คนอยู่อาศัยอย่างแน่นอน เหตุนี้เองในสนธิสัญญาเจนีวาระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามมีการวิจัยหรือสร้างอาวุธชีวภาพขึ้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นอาวุธชีวภาพ หรืออาวุธทั่วไป หากขึ้นชื่อว่าสงคราม ก็คงจบไม่สวยอย่างแน่นอน ผู้คนล้มตาย บ้านเมืองและทรัพยากรถูกทำลาย มีแต่การสูญเสียไม่มีที่สิ้นสุด และเราคงเรียกว่าชัยชนะได้ไม่เต็มปากนักใช่ไหมล่ะครับ
โฆษณา