1 พ.ค. 2020 เวลา 07:39 • ความคิดเห็น
ที่ไม่แตะเรื่องเฟมินิสต์เพราะต้องใช้สเตรทเม้นท์ในการอธิบายเยอะมาก.....เพราะถ้าอธิบายไม่รัดกุมพอก็จะสร้างความเข้าใจผิดกันไปใหญ่ จึงละไว้มาตลอด
ขอออกตัวก่อนว่าเคทไม่ใช่เฟม และมักโดนยัดเยียดว่าเป็นเฟม ซึ่งไม่ใช่นะคะ...แต่ค่อนข้างเข้าใจลัทธินี้มากๆ ทีนี้จะขอพูดถึงแค่พอสังเขปไม่ลงลึกนะคะ
เฟมินิสต์เป็นเรื่องที่ค่อนข้างกลางใหม่ในสังคมไทย ในภาคส่วนของสังคมก็มีมุมมองที่ต่างกันมาก ฟาก ปชต ก็มีมุมมองอย่างนึง แต่อย่างไรก็ตามหลายคนก็เข้าใจผิดกับมันเยอะ โดยเฉพาะมุมมองของสังคมที่มีต่อ กลุ่ม first wave 2wave 3wave
การมองเฉพาะเปลือกของเฟมินิสต์ทำให้ไม่เข้าใจแก่นของมันนัก อันดับแรกสังคมต้องเข้าใจว่า จุดมุ่งหมายของเฟมที่โจมตีผู้ชายนั้น เขาไม่ได้โจมตีทั่วไป แต่เมื่อเกิดการสื่อสารแบบผับลิคมันจึงเหมือนผู้ชายทุกคนกลายเป็นกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมันไม่ใช่ค่ะ
แต่ก่อนมันไม่มีโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแบบปัจจุบัน การเคลื่อนไหวจึงไม่ได้อิมแพคแบบปัจจุบัน แต่ถามว่าวิธีการเดียวกันไหม ต้องบอกว่า รูปแบบวิธีการรุ่น 1 รุ่น2 รุ่น3 ก็ไม่ต่างกันค่ะ เหมือนเดิมนี่แหละ
ถ้าให้ยกตัวอย่าง ภาพยนตร์ลัทธินี้ คุณจะเห็นได้ชัด
Terminator, Alien, Thelma and Louise, Erin Brockovich, Spy, Belle de Jour, She's Gotta Have It หรือ อย่างห่ามๆแบบ Baise Moi
จนกระทั่งหนังเอวีสาย เฟมินิสต์ พอร์โนกราฟี
ถ้าดูหนังเหล่านี้คุณจะเห็นการวิพากษ์แบบเฟมินิสต์อย่างน้อยถึง 2 ระดับ มหภาคและจุลภาค และมุมมองต่างกัน อย่างแรกคือ ระดับวงกว้างที่ว่า ผู้หญิงก็เป็นตัวเอกได้ มีอำนาจเหนือชายได้ และในบางเรื่องก็ด่า กดผู้ชายผ่านบริบทหนังตลกอย่าง spy ซึ่งเอาจริงๆก็แรงนะ (อย่างฉากนึง เปรียบผู้ชายเหมือนหมาที่มีความต้องการทางเพศไปเรื่อย) แต่หนังเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกโจมตีอะไรนัก ซึ่งก็เป็นการวิพากษ์แบบมีชั้นเชิงนั่นแหละ แต่ถ้าลอง โควทคำบางคำ ออกมาสิ จะโดนโจมตีหนักพอๆกับที่เฟมทวิสบางส่วน(ย้ำว่าบางส่วน)โดนนั่นแหละ
ระดับการวิพากษ์นี้หมายถึง ความเท่าเทียม ที่เป็นสเกลใหญ่ ส่วนการวิพากษ์ อีกระดับจะเป็นเรื่องการต่อต้านความรุนแรงด้วยความรุนแรง (มุ่งเน้นในระดับจิตใต้สำนึก สามัญสำนึก) ถ้ายกตัวอย่างหนังที่ค่อนข้างแมสที่มีลักษณะรุนแรงอย่างของเควนตินเราจะเห็นได้ชัด แต่กลับกันถ้าเป็นสายเฟมินิสต์ ทำหนังลักษณะนี้จะโดนโจมตีอย่างหนัก อย่าง Baise Moi ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
กล่าวโดยคือ กลุ่มเฟมินิสต์ พยายามกระทำแบบที่ผู้ชายกระทำนั่นแหละ มองผู้ชายเป็นวัตถุทางเพศ เป็นสิ่งที่ไร้สำนึก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้หญิงโดนมาก่อนค่ะ แต่พอเป็นเฟมินิสต์ลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้จะโดนโจมตีหนักมาก นั่นเพราะอะไร นั่นก็เพราะว่าผู้ชายรู้สึกโดนกดนั่นเอง สิ่งนี้จะหายไปจากบริบทของสังคมได้ ก็ต่อเมื่อ ผู้ชายเองก็ต้องเลิกมองผู้หญิงเป็นแค่วัตถุทางเพศอย่างที่ผ่านๆมา หรืออีกนัยนึง เฟมินิสต์เองก็กระทำความเท่าเทียมเสมือนที่สังคมทำอยู่ นั่นคือ กระทำความเท่าเทียมในโครงสร้างของความไม่เท่าเทียมนั่นเอง
ส่วนเรื่องลัทธิปิตาธิปไตย นั้นโดยความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ลำพังแค่ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อ ผู้ชายเองก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน จะปิตาธิปไตยหรือมารดาเทพีต่างๆเป็นเรื่องของอำนาจมากกว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเพศหรอก ถ้า...ถ้าวันนึงสังคมมี lgbt ที่มีอำนาจล้นอยู่ในมือ คนนอกกลุ่มก็ต้องเรียกร้องหาความเท่าเทียมอยู่ดีนั่นแหละ ดังนั้นเคทมองว่าไม่เชิงว่าเป็นปัญหาเรื่องเพศสภาพหรอก แต่เป็นปัญหาเรื่องอุดมคติที่ฝังในรากลึกมานานหลายร้อยศตวรรษ
สุดท้ายที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นแค่เพียงกระพี้ ไม่ใช่ทั้งหมด นำเสนอเพียงแค่ให้เห็นภาพคร่าวๆ
ใครมีอะไรเพิ่มเติมแชร์ข้อมูลแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ
มิ้วๆ
โฆษณา