3 พ.ค. 2020 เวลา 07:10 • ประวัติศาสตร์
รองเท้าคู่นั้น..
เพราะ "รองเท้า" คู่นั้น ที่เปลี่ยนโชคชะตาของโลกใบนี้
พ่อของสหายเก่าแก่คนหนึ่งเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟังนานมากแล้วว่า ....ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 นาซีเยอรมันยึดนครเลนินกราด (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) ไว้หลายเดือนแล้ว ชาวเมืองอดอยากล้มตาย ทั้งจากสงคราม โรคระบาด และขาดอาหาร บ้านของพ่ออยู่กลางเมืองในสมรภูมิรบพอดี ต้องคอยหลบกระสุนกับระเบิดเกือบตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นจะอยู่แต่ในบ้านก็ไม่ได้ จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตออกไปหาอาหารมาประทังชีวิต พ่อเองก็เป็นทหาร แต่ถูกระเบิดบาดเจ็บที่ขาจนทุพพลภาพ
วันหนึ่งในขณะที่พ่อรอแม่กลับบ้าน คิดว่า อย่างน้อยมีขนมปังติดมือมาสักปอนด์ก็ยังดี เพราะนอกจากลูกชายคนโตที่ออกไปรบอยู่แนวหน้าแล้ว ที่บ้านยังมีลูกชายเล็กๆอีกคนหนึ่งที่ตั้งตารออาหารจากแม่ รอแล้วรอเล่าแม่ก็ไม่กลับมาสักที เสียงปืนต่อสู้อากาศยาน เสียงระเบิด เสียงปืนของการต่อสู้ภาคพื้นดินรัวถี่ยิบ เป็นเวลานานกว่าเสียงเหล่านั้นจะเงียบลง แต่แม่ก็ยังไม่กลับบ้าน แม่อาจหลบระเบิดอยู่ที่ไหนสักแห่ง
เสียงรถทหาร เสียงไซเรนจากรถพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ทันใดนั้นมีรถบรรทุกคันหนึ่งที่ขนศพคนที่ตายจากการโจมตีของนาซีเยอรมันสุมๆกันมาจอดตรงหน้าพอดี เพื่อจะรีบนำไปฝังในหลุมฝังศพรวมที่นอกเมือง พ่อมองดูศพเหล่านั้นโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ มันมีแต่ความชาชินที่เห็นภาพแบบนี้ทุกๆวัน ได้แต่คิดว่าเมื่อไรสงครามจะยุติเสียที บ้านเกิดของพ่อและที่อยู่ของครอบครัวจะได้สงบสุขสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
1
ขณะที่คิดคำนึงอยู่นี้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น "รองเท้า"....มันช่างเหมือนกับรองเท้าที่พ่อซื้อให้แม่เสียเหลือเกิน ด้วยความสงสัยจึงขออนุญาตทหารที่คุมรถขึ้นไปดูศพที่สวมรองเท้าคู่นั้น ภายในรถที่มีศพกองสุมกันอยู่จำนวนมาก พ่อจับตามองรองเท้าคู่นั้นไว้ มือก็เลื่อนขยับศพอื่นๆที่ทับศพล่างสุดที่สวมรองเท้าคู่นั้นออก และแล้วพ่อก็มองเห็นแม่...พ่อรีบบอกทหารที่ขับรถว่า ศพนั้นคือภรรยาของเขา และขอนำศพภรรยาไปฝังเอง ซึ่งทหารก็เข้ามาช่วยยกร่างของแม่ลงมา และสังเกตเห็นว่าแม่ยังหายใจอยู่ แม้จะอ่อนแรงเต็มทีก็ตาม พ่อพยายามจะรีบนำแม่ส่งโรงพยาบาล แต่ทหารคนนั้นเตือนพ่อว่าแม่บาดเจ็บสาหัสมาก ถ้าเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาลอาจเป็นอันตราย ให้รอรถพยาบาลดีกว่า ซึ่งกว่ารถพยาบาลจะมาถึงพ่อบอกว่ามันนานมาก และนาทีนั้นพ่อไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว นอกจากอธิษฐานขอพรพระเจ้า
3
ในที่สุดแม่ที่อดทนต่ออาการหนักหนาสาหัสผ่านการรักษาอยู่นานหลายเดือนจนหายเป็นปกติ ในระหว่างนั้นก็มีข่าวร้ายมาถึงครอบครัวนี้อีก คือลูกชายคนโตเสียชีวิตในแนวหน้า ส่วนลูกชายคนเล็กที่ถูกแยกจากพ่อแม่ไปเลี้ยงในศูนย์อภิบาลเด็กเล็กป่วยด้วยโรคคอตีบเสียชีวิตไปแล้วเช่นเดียวกัน ศพถูกนำไปฝังในหลุมศพรวมชานเมืองเลนินกราด
พอสงครามยุติ ครอบครัวนี้เหลือกันอยู่แค่ 3 คน พ่อ แม่ และยาย เท่านี้เองจริงๆ ญาติพี่น้องอื่นๆตายหมดไม่เหลือสักคนเดียว สามีภรรยากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ตอนนั้นแม่ซึ่งมีอายุ 43 ปีแล้วเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ลูกหลงมาเกิดทดแทนลูกสองคนที่ครอบครัวนี้เสียไประหว่างสงคราม
วันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ.1952 ลูกชายคนสุดท้องที่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวนี้ก็ถือกำเนิดขึ้นมา ใครจะคิดว่าอีกหลายสิบปีต่อมาเด็กชายคนนี้จะเติบโตขึ้นกลายเป็นประธานาธิบดีของประเทศที่มีดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในโลก เป็นประธานาธิบดีที่มีอิทธิพลต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมหาศาล ใครจะคิด...ว่า "รองเท้า" คู่นั้น จะมีผลเปลี่ยนโชคชะตาของโลกใบนี้
โฆษณา