4 พ.ค. 2020 เวลา 02:06 • การศึกษา
เมื่อคนฉลาด ตัดสินใจโง่ ๆ
คนๆ เดียวกัน แต่เวลาต่างกัน ความเฉลียวฉลาดก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าในขณะนั้นใจเขานิ่งขนาดไหน ขณะเดียวกันคนสองคน ถ้าบอกว่าคนหนึ่งหัวดีกว่าอีกคนหนึ่ง ฉลาดกว่าอีกคนหนึ่ง ก็ไม่แน่เสมอไป
เราพบว่าในบางสถานการณ์ นาย ก ก็ดูเหมือนฉลาดกว่านาย ข ถ้ารบกันก็ชนะ แต่บางครั้งนาย ข ก็กลับฉลาดกว่านาย ก ได้
ถามว่าเป็นเพราะอะไร ตรงนี้สำคัญ คนจำนวนมากมองข้าม จึงมองจุดบกพร่องของตัวเองไม่ออก
เราต้องเข้าใจอย่างนี้ก่อนว่า ในสถานการณ์หนึ่ง เมื่อพิจารณาด้วยดีแล้ว ผู้มีปัญญาก็มองออกว่า ควรตัดสินใจอย่างไรที่จะให้ผลดีที่สุด แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ใจของเขาถูกกิเลสเข้าครอบงำ จะเป็นด้วยความอยากเด่นอยากดังก็ตาม ด้วยความระแวงก็ตาม ด้วยความอวดดื้อถือก็ตาม เขาก็จะตัดสินใจไปอีกแบบทั้งที่จริงๆ ตนเองก็รู้ว่าตัดสินใจอย่างนี้ไม่ถูก มันควรต้องตัดสินใจอีกแบบ แต่เพราะว่าการตัดสินใจอีกแบบที่ถูกต้อง มันมาขัดกับกิเลสที่เข้าครอบงำอยู่ ถ้าทำอย่างนั้นแล้วเดี๋ยวมันไม่เด่นมันไม่ดัง ก็เลยไปเลือกทำอีกแบบที่คิดว่าจะเด่นจะดังกว่า เลือกทำอีกแบบที่เป็นลักษณะการมีทิฏฐิอวดดื้อถือดี ปัญญาที่มีจึงเหมือนไม่มี เพราะไม่เลือกทำตามที่ปัญญาเห็น แต่กลับไปทำตามที่กิเลสสอน สุดท้ายก็พลั้งพลาดเสียทีไป
บังทอง หรือ ผางถ่ง
ใครเคยอ่านสามก๊ก คงจะจำบังทองได้ เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับขงเบ้ง ท่านว่ามีความฉลาดทัดเทียมกันเลย แต่สุดท้ายบังทองเพิ่งจะนำทัพออกรบช่วยเล่าปี่แค่ยกสองยกก็ตายเสียแล้ว ก่อนจะบุกเสฉวนก็ตายเสียก่อน ถูกข้าศึกวางกลลวงล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์จนตาย ถามว่ามือขนาดบังทองฉลาดแสนฉลาด ทำไมถูกกลศึกลวงเอาง่ายๆ แบบนั้น คำตอบเป็นเพราะความแข่งดี อยากจะเอาหน้าเอาตา ให้เหนือกว่าขงเบ้ง บังทองรู้สึกว่าตัวเองมาทีหลังขงเบ้ง จึงอยากจะสร้างผลงาน ทั้งที่จริงตนก็รู้ว่าบุกอย่างนี้ไม่ปลอดภัย เสี่ยงมากที่จะถูกกลศึก แต่ทั้งๆ ที่รู้ก็ยังฝืนทำ เพราะหวังว่าถ้าสำเร็จจะได้หน้าได้ตา สุดท้ายก็เจอกลข้าศึกจริงๆ ถูกรุมยิงด้วยเกาทัณฑ์ แย่ไปทั้งกองทัพ ตนเองก็ตายกลางศึก นี่เขาเรียกว่ากิเลสมันมาบังปัญญา ปัญญาที่มีอยู่ก็เลยเหมือนกับไม่มี
เอียวสิ้ว ที่ปรึกษาคนหนึ่งของโจโฉแห่งวุยก๊ก
โจโฉว่าเก่งแสนเก่ง พออวดดื้อถือดีเข้าก็ย่ำแย่เสียหลายตอน บางครั้งสถานการณ์บังคับเตรียมจะสั่งถอยทัพอยู่แล้ว แต่เผอิญถูกขุนพลคนหนึ่งที่ตนเองหมั่นไส้อยู่ คือเอียวสิ้วมารู้ทันความคิดตัวเอง ก็เลยสั่งจับเอียวสิ้วไปตัดคอเสีย แล้วฝืนไม่ถอยทัพ เพราะมีทิฏฐิจะทำให้เหมือนกับว่าเอียวสิ้วไม่ได้รู้ทันตัวเอง สุดท้ายกองทัพก็เลยย่ำแย่ถูกตีแตก ตนเองก็แทบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อถูกทิฏฐิมานะมาบดบัง ปัญญาของโจโฉที่มีก็เหมือนไม่มี
 
เพราะฉะนั้นพวกเราหากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต อย่าให้กิเลสในตัวเป็นเครื่องชี้นำ ไม่ต้องไปแข่งดีกับใครเลย ขอเพียงให้เราตั้งใจสู้กับกิเลสในตัว สำรวจตัวเองให้ดี หมั่นแก้ไขข้อบกพร่องในตัว แก้ข้อบกพร่องตัวเองไปได้มากเท่าไร เราก็จะโดดเด่นขึ้นมาโดยไม่ต้องไปแข่งกับใครไม่ต้องไปยกตัวเองขึ้นมาเลย มันจะเด่นขึ้นมาเอง ไม่ต้องไปสู้กับใครเขาหรอก สู้กับกิเลสในตัวของเรานี่แหละ นี่คือหน้าที่หลักของทุกคน
2
ท่านบอกว่าคนที่รบชนะคนอื่นเป็นร้อย ก็สู้คนที่รบชนะตัวเองคนเดียวไม่ได้ รู้หลักอย่างนี้แล้ว เรามีสติปัญญามากเท่าใด ขอให้ใช้ให้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ให้กิเลสทั้งหลายมาเป็นจุดอ่อนในตัวเรา จะเป็นทิฏฐิมานะก็ตามความอวดดื้อถือดีก็ตาม ความอยากเด่นอยากดังก็ตาม อย่าให้มาบดบังปัญญาของเราได้ เอากิเลสเหล่านี้ออกไป ปัญญาของเราก็จะฉายชัดมากขึ้น ๆ ซึ่งจะทำได้ด้วยการหมั่นทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอจะทำให้มีสติดีและใจมีพลังเอาชนะอำนาจกิเลสในตัวได้
 
ขอให้พวกเราทุกคนประสบความสำเร็จในการฝึกใจของเราให้
เป็นสมาธิตั้งมั่นมีประสิทธิภาพในการประกอบกิจทั้งหลายทั้งทางโลก และทางธรรม ได้สำเร็จกันทุกท่านเทอญ
โฆษณา