5 พ.ค. 2020 เวลา 13:19 • การศึกษา
ทำไมพระพุทธเจ้าจึงสั่งห้ามไม่ให้พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนดื่มสุราเมรัย?
เกี่ยวข้องอะไรกับพระสาคตะเถระสู้กับพญานาค
ผู้มีฤทธิ์เดชมากที่ตำบลบ้านท่ามะม่วงเมืองโกสัมพี?
วันนี้มีคำตอบครับ
ภาพสวยๆโดย:ราชัน แสงทอง facebook เพจ:พุทธศิลป์ ธัมศิลป์
ขอบคุณภาพสวยๆ จาก blockdit
เพจ Agaligo เหนือกาลเวลา
ก่อนจะเข้าเรื่องเรามาทำความรู้จักกับสุรา เมรัย
กันก่อนสักนิดครับ
ความหมายของสุรา เมรัยตามพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตสถาน
สุราคือเหล้า,น้ำเมาที่ได้จากการกลั่นเมรัย
เมื่อเอาเมรัยไปกลั่นจะทำให้มีปริมาณแอลกอฮอลล์
สูงขึ้นกลายเป็นสุรา เช่น บรั่นดี,วิสกี้,โชกุ,สุราขาว
เป็นต้น
เมรัยคือน้ำเมาที่ได้จากการหมักหรือแช่,น้ำเมาที่
ไม่ได้กลั่น
ดังนั้นเมรัยก็คือเหล้าหมักหรือเหล้าแช่ได้แก่ ไวน์, เบียร์ ,สาเกและสาโท เป็นต้น
พรบ.สุรา พ.ศ.2493
สุราหมายความถึงวัตถุทั้งหลายหรือของผสมที่มี
แอลกอฮอลล์ ซึ่งสามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับน้ำหรือสุรา
หรือซึ่งดื่มกินไม่ได้แต่เมื่อผสมน้ำหรือ
ของเหลวอย่างอื่นแล้วสามารถดื่มกินได้
เช่นเดียวกับสุรา
ในความหมายของพรบ.สุรา พ.ศ.2493 ไม่แยก
ความหมายระหว่างสุรา และเมรัยออกจากกัน
เข้าเรื่อง
สมัยนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจำพรรษาณ กรุงสาวัตถี แล้วได้เสด็จจาริกในเจติยชนบท ได้ทรงดำเนินไปทางตำบลบ้านรั้วงาม ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
เมื่อแลเห็นขบวนเสด็จของพระองค์เสด็จมาแต่ไกล
ต่างพากันเข้าไปกราบไหว้ แล้วไต่ถามว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใด เมื่อทราบพระประสงค์แล้วว่าจะเสด็จไปตำบลบ้านท่ามะม่วงต่างพากันทัดทานไม่ให้พระ
ผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปที่นั่น
ด้วยเหตุว่ามีนาคตนหนึ่งอาศัยอยู่ในอาศรมของชฎิลซึ่งมีฤทธิ์มาก หากพระองค์เสด็จไปเกรงว่านาคจะเข้ามาทำร้ายพระองค์จนได้รับอันตราย
ประชาชนได้กล่าวทัดทานพระองค์ถึงสามครั้ง
แต่พระองค์กลับทรงนิ่งเฉยเสียแล้วเสด็จไปพักอยู่ที่ตำบลบ้านรั้วงาม
ขณะนั้นพระสาคตะได้เดินทางไปยังตำบลบ้านท่ามะม่วง เมื่อไปถึงแบ้วได้เข้าไปยังโรงบูชาไฟของชฎิลแล้วทำสมาธิอยู่ที่นั่น
นาคตนนั้นพอเห็นพระสาคตะเข้ารบกวนถิ่นที่อยู่ของตน ทำให้รู้สึกขุ่นเคืองใจยิ่งนัก จึงแสดงอิทธิฤทธิ์โดยการพ่นควันไฟออกมาลอยตลบอบอวน เพื่อรบกวนสมาธิพระสาคตะ หวังจะให้ท่านหลีกหนีไปที่อื่น
แต่พระสาคตะก็ไม่ได้กลัวเกรงฤทธิ์เดชของนาคตนนั้นแต่อย่างใด ท่านกลับแสดงอิทธิวิธี(ฤทธิ์)ปล่อยควันไฟสู้กับนาคเช่นกัน
(น่าจะอยู่ในประเภทอธิษฐานฤทธิ์)
นาคเห็นดังนั้นทนไม่ไหวจึงพ่นไฟใส่พระสาคตะ
ทันที พระสาคตะก็เข้าเตโชธาตุกสินสมาบัติบัลดาล
ไฟต้านทานไว้เช่นกัน (มาถึงตรงนี้ชวนให้คิดถึงฉากต่อสู้ในหนังจักรๆ วงศ์ๆ ครับ)
นาคตนนั้นต้านทานฤทธิ์เดชของพระสาคตะ
ไม่ไหวเลยขอยอมแพ้
เมื่อเอาชนะนาคได้แล้วจากนั้น พระสาคตะได้เดิน
ทางต่อไปทางตำบลบ้านรั้วงาม
(เข้าใจว่าน่าจะตามไปสมทบกับพระผู้มีพระภาค
ในอรรถกถากล่าวว่ามาด้วยกัน แต่พระสาคตะ
ปลีกวิเวกแยกตัวออกมาสู้กับนาค)
หลังจากที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จพักอยู่ตำบลบ้านรั้วงามได้สักระยะหนึ่งแล้ว จากนั้นจึงนำขบวนเสด็จ
จาริกต่อไปยังนครโกสัมพี
ชาวเมืองโกสัมพีพอทราบข่าวว่าพระสาคตะปราบนาคผู้มีฤทธิ์เดชมากที่ตำบลบ้านท่ามะม่วงได้
ต่างรู้สึกชื่นชมยินดีมีความเลื่อมใสในพระสาคตะ
ยิ่งนัก
พากันเข้าไปกราบไหว้ไต่ถามประมาณว่าท่านอยากจะได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าพวกข้าพเจ้าจะจัดหามาถวาย
ด้วยความที่ท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่
จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
แต่เหล่าภิกษุบางรูปที่ยังไม่บรรลุธรรมกลับเสนอความต้องการของตนออกไปแทนว่าขอสุราใสสีแดงดั่งเท้านกพิราบ จัดมาเลยโยมพระช้อบ ชอบ
(ถึงตรงนี้ผมขอหยุดพักกลืนน้ำลายแป้ป!เอื้อก!ๆ)
จากนั้นชาวเมืองโกสัมพีจึงได้จัดเตรียมสุราใสสีแดง
ดั่งเท้านกพิราบเตรียมไว้ให้ท่านแทบทุกครัวเรือน
พอชาวบ้านเห็นพระสาคตะเดินออกมาบิณฑบาตรจึงพากันพร้อมใจถวายสุราชั้นดีสีแดงให้ท่านดื่ม
ไม่ว่าท่านจะเดินทางไปบิณฑบาตรที่บ้านหลังใด
ก็ต้องรับสุราจากชาวบ้านมาดื่ม ดื่มแล้วดื่มอีกๆ
กว่าจะครบทุกหลัง สงสัยจะหมดไปหลายไห
ดื่มจนเมามายหมดสติ นอนล้มกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง
ขึ้นชื่อว่าสุราอย่าว่าแต่พระเถระเลยครับ
ใครบ้างที่ดื่มแล้วกล้าสาบานว่าไม่เคยเมา (เอิ้กๆ)
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาเห็นดังนั้น จึงรับสั่งให้พระภิกษุทั้งหลายที่ตามเสด็จช่วยกันหิ้วปีกท่านสาคตะไปพักผ่อนที่พระอาราม
พอเหล่าพระภิกษุพาพระสาคตะมาถึงพระอารามแล้ว จึงจัดท่าให้ท่านนอนหันศีรษะไปทางพระผู้
มีพระภาคเจ้า แต่ด้วยความที่เมามาก พระสาคตะ
เปลี่ยนท่านอนหันเท้าไปทางพระผู้มีพระภาค
เฉยเลย
(ต่อไปนี้เป็นสำนวนที่ปรากฎในพระไตรปิฎกที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับเหล่าพระภิกษุ ซึ่งผม
ขอยกมาให้ทุกท่านได้ลองอ่าน)
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่ง ถามภิกษุทั้งหลาย
ว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลายสาคตะมีความเคารพ มีความ
ยำเกรงในตถาคตมิใช่หรือ"
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า
"เป็นดังรับสั่งพระพุทธเจ้าข้า"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เออก็บัดนี้ สาคตะมีความเคารพ
มีความยำเกรงในตถาคตอยู่หรือ?"
"ข้อนั้นไม่มีเลยพระพุทธเจ้าข้า"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาคตะได้ต่อสู้กับนาคอยู่ที่ตำบลบ้านท่ามะม่วงมิใช่หรือ"
"ใช่ พระพุทธเจ้าข้า"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เดี๋ยวนี้สาคตะสามารถต่อสู้
แม้กับงูน้ำ(งูปลา)ได้หรือ?"
"ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย น้ำที่ดื่มเข้าไปแล้วถึงวิสัญญีภาพ(หมดสติ)นั้นควรดื่มหรือไม่?"
"ไม่ควรดื่มพระพุทธเจ้าข้า"
หลังจากนั้นพระผู้มีพระภาคก็ทรงว่ากล่าวติติงพระ
สาคตะเป็นการใหญ่
(ขออนุญาตเซนเซอร์นะครับท่านใดอยากอ่านฉบับเต็มรบกวนตามไปที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ)
ชนิดที่ว่าถ้าท่านสาคตะตื่นขึ้นมาได้ยินคงอยากจะลุกขึ้นมาไล่เตะเหล่าภิกษุผู้ที่ขอเหล้าชาวบ้านฉัน ทำให้ท่านต้องจำใจดื่มเพราะไม่กล้าขัดศรัทธา
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงยกเหตุดังกล่าวขึ้นมาเป็น
สิกขาบทคือห้ามมิให้พระภิกษุดื่มสุราและเมรัย
หากภิกษุใดทำผิดวินัยสงฆ์ดังกล่าว ต้องรับโทษปรับอาบัติ ปาจิตตีย์ (ไม่ถึงขั้นจับสึกนะฮะ)
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้
ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้.-
เป็นปาจิตตีย์ในเพราะดื่มสุราและเมรัย..."
และทั้งหมด ทั้งมวลที่กล่าวมานี้ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงห้ามมิให้พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนทั้งหลายดื่มสุราและเมรัย
คำถามส่งท้าย
ถามว่าฉันมากแค่ไหนถึงจะผิดสิกขาบท?
ตอบแค่ปลายยอดหญ้าคาก็ผิดแล้ว
มีข้อยกเว้นหรือไม่?
ตอบมีครับ
หากสุราเมรัยเป็นส่วนผสมของยาที่ใช้รักษาอาการอาพาธของพระภิกษุสงฆ์ไม่ผิดพระธรรมวินัยครับ อนุโลมให้ท่านฉันได้ พ่ะน่ะ
😁
ขอบคุณภาพสวยๆ จาก blockdit เพจ:เจน เณรทอง
อ่านเรื่องสุรา เมรัยมันๆ ต่อได้ที่
อ้างอิง
ควันหลง เหตุเกิด ณ วันที่ลุงปลดล็อกห้ามขายเหล้า
😁
ขอบคุณภาพสวยๆ เพจ HuafooToon
😁
ภาพนี้เพื่อนส่งมาไม่รู้จะให้เครดิตใคร
แต่ก็ต้องขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ
หากผิดพลาดต้องขออภัย
มีความคิดเห็นเป็นประการใดเขียนมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
"เพราะบทความดีดีเพียงแค่ไม่กี่ประโยค
อาจทำให้โลกต้องสะเทือน"
คารวะจากใจ"มหานที"
😁
โฆษณา