เยือนระนองถิ่นฝนแปดแดดสี่ การท่องเที่ยวครั้งใหม่ทางธรรมชาติและวัฒธรรม ตอนที่ 2

ผมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของระนองไปบ้างแล้วในตอนที่ 1 คันปากมากอยากเล่าต่อครับ เพราะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายที่ น่าไปเยือนไม่แพ้ในตอนที่ 1 เลยล่ะ ตามไปดูกันต่อเลยครับ ว่ามีที่ไหนอีกบ้าง

1. วัดบ้านหงาว

พูดถึงวัดก็คงเป็นสถานที่ธรรมดา แต่ไม่ใช่ที่วัดบ้านหงาวแน่นอน ด้วยเหตุผลว่าที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจมาก เพราะมีทั้งพระอุโบสถที่สร้างอย่างวิจิตรสวยงาม มี 2 ชั้น หรือโบสถ์ลอยฟ้า ออกแบบโทนสีเหลืองทอง มีบันไดพญานาคตรงทางขึ้นไปยังพระอุโบสถ

รวมทั้งยังมีพระดีบุกชื่อทางการว่า พระติปุกะพุทธมหาศากยมุนีศรีรณังค์ ซึ่งแปลว่า พระพุทธรูปดีบุกองค์ใหญ่เป็นสิริมงคลและศักดิ์ศรีของเมืองระนอง เป็นพระพุทธรูปดีบุกทั้งองค์ ที่สวยงามน่าเลื่อมใสมากครับ

หลังจากไหว้พระในพระอุโบสถเสร็จ เดินไปต่อที่ทางขึ้นจุดชมวิว ต้องเดินขึ้นไปบนเนินอีกด้วยบันไดหลายขั้น จำไม่ได้ว่ากี่ขั้นแต่ทำเอาเหนื่อยหอบพอสมควร อย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมถอยหลังกลับเหมือนหลายคนที่ไม่เดินขึ้น ผมแข็งใจเพื่อเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว ซึ่งจะมองเห็นทิวทัศน์ฝั่งตรงข้ามเป็นประเทศพม่าด้วย ชมวิวสักพักได้เวลาเดินลง เพื่อไปยังจุดอื่นต่อไป

2.ภูเขาหญ้า

เดินลงจากจุดชมวิว หาที่ร่มพักเหนื่อยสักครู่ ก่อนเดินไปต่อที่ภูเขาหญ้าอันแสนงาม สีเหลืองทองกระทบกับแสงแดด สวยงามมาก

ภูเขาหญ้านี้ คงพอคุ้นตากับภาพยนต์โฆษณาบรั่นดีไทยยี่ห้อหนึ่ง ทำให้ภาพภูเขาหญ้าแห่งนี้ จำตราตรึงในใจหลายคน เมื่อมาระนองจะต้องเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่จะต้องไปให้ถึง ท่ามกลางภูเขาหญ้าอันกว้างใหญ่ คุณได้ถ่ายรูปโอบกอดกับสายลม กอหญ้าสีทอง เดินเล่นชิลล์หามุมถ่ายรูปเก๋ๆ ลมโชยเย็นสบาย ถึงแม้จะมีแดดบ้าง แต่ก็ไม่ร้อนมากนัก ก่อนจะไปต่อยังบ่น้ำพุร้อน

3. บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน

เมืองระนองได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อน ซึ่งมีอยู่มากมายหลายที่ แต่ที่หนึ่งที่ผมได้มีโอกาสไป คือบ่อรักษะวาริน ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนบ่อพ่ออุณภูมิ 65 องศา บ่อแม่และบ่อลูก ไฮไลน์คือการไปแช่ออนเซ็น จะแช่เท้าตามทางน้ำไหลที่ปล่อยออกมาก็ได้ นั่งแช่ไปคุยกันไป หรือใครอยากจะเอาไข่ไปต้มในบ่อรอสักพักได้กินแล้วก็ได้

นอกจากนั้นที่รักษะวาริน ยังมีพื้นที่อุ่นๆ สำหรับให้ไปนอน ผมได้ถามข้อมูลคนในพื้นที่ระนอง เขาบอกว่าคนระนองชอบมานอนพื้นปูนนี้ เพราะช่วยรักษาโรคปวดต่างๆ ดีมากๆ ทำให้ลานปูนอุ่นๆ นี้ไม่เคยเหงาจากคนที่เวียนผ่านมานอนเลยล่ะ ผมก็เลยพิสูจน์ดู เออสบายดีจริงๆ ครับ

4.พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง)

พระราชวังที่เราเห็นนี้จำลองจากองค์จริง ซึ่งได้ถูกทำลายตั้งแต่ครั้งอดีต สถานที่ตั้งจริงไม่ไกลจากองค์จำลองนี้มากนัก เดินไปชมสถานที่จริงได้ซึ่งเป็นป่าบนเนินเขาไปแล้ว

พระราชวังนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการเสด็จประทับแรมที่จังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7

พระราชวังองค์จำลองนี้สร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง แบ่งเป็น 3 ส่วน มีทางเดินถึงกันระหว่างแต่ละส่วน สร้างขึ้นทดแทนองค์จริง ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม น่าหลงใหลให้มาเยือนสักครั้ง

5. วัดวารีบรรพต

เป็นวัดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งในจังหวัดระนอง ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นที่ประดิษฐานพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ยาวกว่า 22 เมตร

หากมองจากบนวิหารพระนอนจะมองเห็นวิวอันสวยงามของจังหวัดระนอง มีพญานาคคู่ตรงทางเดินลงไปสู่ด้านล่างวิหาร เป็นภาพที่ทำให้ผมอดใจไม่ไหว จนต้องเดินไปต่อ

ในวัดยังมีมหาทุติยเจดีย์ศรีบรรพต สร้างแบบศิลปะคล้ายๆ พม่า เพราะวัดนี้เป็นวัดที่ชาวพม่าใน จ.ระนองให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก จึงมีช่างพม่าและพี่น้องชาวพม่า ช่วยกันบริจาคแรงศรัทธาก่อสร้างเจดีย์นี้ขึ้นมา

พอเดินลงไปตามทางเดินพญานาคคู่ มีพระกษิติครรค์ราชามหาโพธิสัตว์ อยู่เบื้องล่างให้ได้สักการะบูชา อยู่ข้างวิหารที่เก็บศพหลวงพ่อด่วน ซึ่งท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ พอท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2550 ได้มีการทำพิธีเผาศพท่าน แต่สิ่งอัศจรรย์คือ ศพของท่านเผาไม่ไหม้ ซึ่งเผาอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม อีกทั้งไม่เน่าเปื่อยอีกต่างหาก ทางวัดจึงสร้างวิหารเพื่อเก็บศพท่านที่นี่ มีนักท่องเที่ยวนิยมมาลอดใต้โลงท่านเพื่อขอพร หวังว่าจะเกิดผลตามชื่อของท่าน ผมก็ลอดนะ และผมก็เชื่อว่าได้จริง เพราะช่วงนั้นเงินขาดมือ ผมลอดสามรอบแล้วขอให้มีเงินเข้ามา ก็ได้จริง อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ผมเชื่อว่าหลวงพ่อด่วนศักดิ์สิทธิ์จริง ต้องหาเวลาไปเที่ยวและไหว้ขอพรท่านสักครั้งครับ

ทริพเที่ยวและดูงานระนองคราวนี้ต้องขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก ให้ได้ไปเยี่ยมชมศูนย์การศึกษาจังหวัดระนอง และได้ไปชมสถานที่ท่องเที่ยว อันน่าตื่นตาตื่นใจทุกที่ครับ เชื่อว่าหากใครหลายคนได้มาระนองจะประทับใจเหมือนผม อย่าลืมแวะมาเที่ยวระนองนะครับ