10 พ.ค. 2020 เวลา 01:00 • การศึกษา
ความรู้เรื่องทรัพย์ที่เศรษฐีมองข้าม
มีความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์อยู่หลายประเด็น ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม
ประเด็นแรก คือ เป้าหมายของการหาทรัพย์
บางคนพออยากรวย ก็พุ่งเป้าไปว่า ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้รวยก็แล้วกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ทุ่มเทไปเต็มที่ พอถึงคราวรวยเป็นเศรษฐีขึ้นมาจริงๆ ปรากฏว่าครอบครัวแตกแยก เพราะตนเองไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มีเวลาอบรมเลี้ยงดูลูก ภรรยาก็ไปทางลูกก็ไปอีกทาง โตขึ้นกลายเป็นคนติดยาเสพติดบ้าง เกเรไม่ยอมเรียนหนังสือบ้าง แล้วก็เสียผู้เสียคนกันไป
ถ้าเป็นอย่างนี้ ถามว่ารวยแล้วคุ้มไหม รวยแล้วมีความสุขจริง ๆ หรือเปล่า เราอยากได้ไหมความรวยอย่างนี้ มีทรัพย์ แต่ผู้คนรอบข้างแย่หมด ก็คงไม่มีใครอยากจะเป็นอย่างนั้น หรือว่าวิธีหาทรัพย์จะถูกผิดศีลธรรมอย่างไรไม่สนใจ ขอให้ได้ทรัพย์มาเถอะทำได้ทุกอย่าง ปรากฏว่าบาปกรรมก็ทำ มิจฉาอาชีวะก็ทำ พอละโลกนี้ไปแล้ว เลยไปตกนรกเสียย่ำแย่ มีทรัพย์เป็นเศรษฐีอยู่บนโลกมนุษย์ไม่กี่ปี แต่ไปตกนรกมีความทุกข์สาหัสสากรรจ์เป็นล้าน ๆ ปี ก็คงไม่มีใครอยากจะเป็นเศรษฐีแบบนี้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น เราต้องวางเป้าหมายของการหาทรัพย์ให้ชัดเจน ว่าเราหวังจะให้ทรัพย์นั้นมาตอบสนองเรา เพื่อให้เรามีความสุขในชีวิต ดังนั้นเป้าหมายไม่ใช่อยู่ที่เพียงตัวเงินเท่านั้น ไม่ได้จบแค่นั้น แต่ต้องมองต่อไปว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นทางมาแห่งความสุขทั้งภพนี้และภพหน้าด้วย พอวางเป้าชัดอย่างนี้ เราจะได้เลือกอาชีพได้ถูกว่าต้องเป็นสัมมาอาชีวะ อะไรที่ผิดศีลผิดธรรมเราไม่ทำ และต้องสามารถบ่งสรรปันส่วนเวลาได้อย่างดี ทั้งเรื่องการงาน เรื่องครอบครัว เรื่องส่วนตัว การดูแลรักษาสุขภาพ การประพฤติปฏิบัติธรรม จัดสรรเวลาให้พอเหมาะพอสม อย่างนี้ถึงจะใช้ได้
ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับการตัดถนน บางคนพอคิดว่าจะตัดถนนก็ลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว สุดท้ายไปเจอเหวลึกไปต่อไม่ได้ สรุปคือ ที่ทำมาทั้งหมดก็เหนื่อยฟรี เพราะฉะนั้น ก่อนจะเริ่มลงมือตัดถนนต้องกำหนดทิศให้ชัดเสียก่อนว่า เราจะต้องตัดถนนไปทางไหน เพื่อจะไปถึงเป้าหมายปลายทางที่ต้องการ เมื่อทิศทางชัดเจนเราจึงลงมือทุ่มเทตัดถนนไป สุดท้ายก็จะไปถึงเป้าหมาย
ประเด็นที่สอง คือ ความรวยหรือความจนนั้นมีสองแบบ
ขอกล่าวถึงความจนก่อน เพื่อจะทำให้เห็นภาพของความรวยขัดขึ้น ท่านบอกว่าคนจนในโลก มีอยู่สองประเภทใหญ่ คือ
หนึ่งจนเพราะไม่มีคือทรัพย์สินเงินทอง มีน้อยไม่พอใช้สอย คนจนประเภทนี้เขาเรียกว่า คนยากจน แต่ประเภทที่สองเป็นชนิดที่เรียกว่า จนเพราะไม่พอ มีรถหนึ่งคันก็อยากจะได้สองคัน มีสองคันก็อยากจะได้สี่คัน พอมีสี่คัน ก็อยากจะได้แปดคัน แล้วอยากจะได้ที่ยี่ห้อดี ๆ สวย ๆ อยากจะมีบ้านหลาย ๆ หลัง เงินในธนาคารมีเยอะแล้วก็อยากจะให้เยอะขึ้นไปอีก คนจนประเภทนี้เขาเรียกว่า คนอยากจน มีเงินหมื่นล้านก็มองว่า ยังมีคนรวยแสนล้านรวยกว่าเราอีก รู้สึกตัวเองยังจนอยู่เมื่อเทียบกับเขาพอรวยแสนล้านขึ้นมาก็อยากจะมีล้านล้าน
มีผู้กล่าวว่าทรัพยากรที่มีอยู่ในโลกนี้ ถ้านำมาจัดสรรปันส่วนอย่างดี ก็มีเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงคนทั้งโลกถึงเจ็ดพันกว่าล้านคนให้บริโภคใช้สอยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข แต่ในทางกลับกัน แม้เราจะเอาทรัพย์สินเงินทองทั้งโลกให้กับคนเพียงคนเดียว เพื่อตอบสนองความอยากของเขา เราจะพบว่าไม่พอ สมบัติทั้งโลกยกให้หมด แล้วยังไม่พอเลย อาจจะอยากได้ดวงจันทร์แถมอีกสักดวงหนึ่ง หรือถ้าจะได้ทั้งสุริยจักรวาลก็น่าจะดีเหมือนกันหรืออาจอยากครองทั้งเอกภพเลยก็เป็นได้
( พระเจ้ามันธาตุราช ) Cr : DMC.TV
ดังที่เคยมีตัวอย่างจริงเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตมีพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระเจ้ามันธาตุราชมีบุญเดิมสั่งสมไว้มากรัตนะ 7 บังเกิดขึ้นได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิครองสมบัติทั้ง 4 ทวีป อยู่มาวันหนึ่ง เกิดนึกอยากจะไปเที่ยวชมสวรรค์ชั้นที่ 1 คือ จาตุมหาราชิกา ก็ขึ้นจักรแก้วพาไปเลย ด้วยอำนาจบุญที่สร้างสมไว้อย่างดีแล้ว พอไปถึง ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ซึ่งเป็นราชาของสวรรค์ชั้นที่ 1 ได้มารับเสด็จและยกสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาให้ปกครอง พระเจ้ามันธาตุราชผู้เป็นมนุษย์จึงได้ปกครองเทวดา ณ สวรรค์ชั้นที่ 1 นั้นอย่างยาวนาน
ต่อมาพระองค์นึกอยากจะไปเที่ยวชมสวรรค์ชั้นที่ 2 คือ ดาวดึงส์จักรแก้วก็พาไปเลย ด้วยอำนาจบุญของพระเจ้ามันธาตุราช พระอินทร์ผู้เป็นเจ้าสวรรค์ขั้นดาวดึงส์ยอมแบ่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ให้ปกครองครึ่งหนึ่ง พระเจ้ามันธาตุราชอยู่ครองสวรค์ชั้นดาวดึงส์ยาวนานจนพระอินทร์องค์เดิมหมดอายุขัยจุติ แล้วมีพระอินทร์องค์ใหม่อุบัติขึ้นมาต่อถึง 36 องค์ เพราะในยุคนั้นมนุษย์มีอายุยืนกว่าเทวดา
1
อยู่มาวันหนึ่งพระเจ้ามันธาตุราชคิดความโลภขึ้นมาว่า ทำไมเราจะต้องครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แค่ครึ่งเดียว หากได้ครอบครองทั้งหมดย่อมจะดีกว่า อยากจะได้หมดเลย จึงวางแผนจะยึดอำนาจจากพระอินทร์ แต่พออกุศลเข้าครอบงำใจ ทำให้ใจหมอง บุญไม่หล่อเลี้ยงกายจึงหนักตกจากสวรรค์ลงมา มาได้คิดก็ตอนใกล้ตาย จะเห็นได้ว่าสมบัติทั้งโลกยกให้คนคนเดียวยังไม่พอเลย แถมสวรรค์ให้อีกก็ยังไม่พอ ถ้ายังมีความอยากเท่าไร ๆ ก็ไม่พอ
ถ้ามีคนยากจนคนหนึ่ง เกิดไปได้ลาภลอย มีคนยกทรัพย์สินให้สักล้านบาท เขาคงจะดีใจมาก สุขใจ ปลื้มใจกันใหญ่ แต่ในทางกลับกัน ถ้ามีมหาเศรษฐีโลกรวยเป็นแสนล้าน เกิดวันใดธุรกิจผิดพลาด ทรัพย์สินร่อยหรอลง เหลือเงินอยู่แค่ล้านบาท มหาเศรษฐีใหญ่นั้นคงจะกลุ้มใจแทบคิดอยากฆ่าตัวตายเลยทีเดียว
ทำไมมีเงินล้านเท่ากัน แต่คนสองคนคิดไม่เหมือนกัน คนหนึ่งดีใจแทบแย่มีความสุขใจชื่นใจ อีกคนกลุ้มแทบจะฆ่าตัวตาย มันอยู่ที่ว่า มีความรู้สึกยินดีพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่หรือไม่ ถ้าหากไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ก็จะกลุ้มทั้งชาติ มีทรัพย์เท่าไรก็ไม่พอ ยิ่งรวยก็ยิ่งกลุ้มยิ่งรวยก็ยิ่งอยาก ดังนั้นเราต้องแยกแยะตรงนี้ให้ดี ทรัพย์สินเงินทองจะต้องมาตอบสนอง เพื่อให้เรามีความสุขในภพนี้และใช้เป็นอุปกรณ์แสวงบุญเป็นเสบียงติดตัวไปในภพเบื้องหน้า จนกระทั่งถึงเป้าหมายอย่างยิ่ง คือ พระนิพพานในที่สุด อย่างนี้ถึงจะใช้ได้
มีคนกล่าวไว้ว่าเงินเป็นบ่าวที่ดีแต่เป็นนายที่เลว คือใครปล่อยให้ตัวเองเป็นทาสของเงิน เมื่อนั้นจะมีความทุกข์มาก ถ้าให้เงินมาเป็นเจ้าเข้าครอบงำหัวใจ เราก็จะแย่ แต่เมื่อใดเราเป็นนายของเงิน คือ มีทรัพย์แล้วสามารถใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ในภพนี้ เป็นประโยชน์ในภพหน้า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เราก็จะมีความสุขในชีวิต
เราต้องใช้สอยเงินได้ถูกต้องตามบทบาทหน้าที่ของมัน อย่าให้เงินเป็นนายเรา แต่เราต้องเป็นนายเงิน หาทรัพย์ได้ต้องใช้ทรัพย์เป็น รู้ค่าของทรัพย์ แล้วก็ใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
เราคงเคยได้ยินเรื่อง มีเศรษฐีบางคนรวยมากแต่เวลาไปซื้อมะม่วง ก็จะซื้อมะม่วงที่มันเริ่มเน่าแล้ว ราคาจะได้ถูก ๆ เสร็จแล้วก็มาตัดส่วนเน่าออกรับประทาน ส่วนที่เหลือมันจะซ้ำ ๆ เละ ๆ บ้างก็ฝืนกินได้ จะซื้อมะม่วงดี ๆ มารับประทานก็กลัวว่าเงินทองจะร่อยหรอไป ทั้งที่ความจริงแล้วทรัพย์ที่เขามีนั้นต่อให้นำไปใช้ซื้อของดี ๆ ทานตลอดชาติก็ไม่ได้พร่องไปสักเท่าไหร่ แต่เขาก็พอใจจะบริโภคของเสียๆ เพราะความตระหนี่ บางคนมีเสื้อผ้าดีๆมากมายเต็มตู้แต่กลับไม่ใช้ เพราะกลัวมันจะเก่า ใส่แต่เสื้อผ้าขาดๆ ปุ ๆ ปะ ๆ อย่างนี้ก็เกินไป ปล่อยให้ทรัพย์สินมาเป็นนายเรา
ดังนั้นพวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นคนที่จนเพราะไม่พอ เราต้องรู้จักพอ หากใครยังมีทรัพย์น้อยก็ขวนขวายหาทรัพย์ แต่เมื่อได้ทรัพย์มาแล้ว ก็สามารถบริโภคใช้สอยได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ยังความสุขให้เกิดขึ้นทั้งในภพนี้ ภพหน้า ตลอดไป
เจริญพร
โฆษณา