8 พ.ค. 2020 เวลา 11:21 • กีฬา
การคุยกันครั้งแรก ของสเตฟฟี่ กราฟ กับ อันเดร อากัสซี่ ไม่ใช่การคุยกันโดยปกติด้วยคำพูด แต่มันคือการคุยกันผ่านเทนนิส
นี่คือ Part 4 เรื่องราวความรักของอากัสซี่ ในวันที่เขาคุยกับสเตฟฟี่ กราฟ คำแรก
อันเดร อากัสซี่ กับบรู๊ค ชิลด์ ดาราสาวคนดัง ตัดสินใจว่าจะหย่าร้างกันในเดือนกุมภาพันธ์ 1999
การเลิกรากับบรู๊คนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อใจของอันเดรเท่าไหร่นัก นั่นเพราะเขาไม่ได้รักเธอหมดใจตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่อันเดรคิดคือ เขาเลิกกับบรู๊คเพราะเคมีไม่ตรงกัน ดังนั้นถ้าจะรักใครอีกครั้ง ก็ควรเป็นคนที่ใช่ที่สุดไปเลย เพราะเขาไม่อยากจะรักๆ เลิกๆ แบบนี้อีกแล้ว
"นายไม่จีบ สเตฟฟี่ กราฟดูล่ะ" แบรด กิลเบิร์ต โค้ชของอากัสซี่ถาม แน่นอน เขาเองก็รู้ว่าอากัสซีนั้นปลาบปลื้มกราฟมากแค่ไหน
สำหรับอันเดร กราฟคือผู้หญิงในฝัน แต่ปัญหาคือเธอไม่เคยสนใจเขาเลย ไม่แม้แต่อยากจะมีส่วนร่วมในชีวิต อันเดร จึงเล่าให้กิลเบิร์ตฟังว่า ในเฟรนช์ โอเพ่น 1991 เขาเคยส่งข้อความให้กราฟ แต่เธอไม่ตอบกลับ จากนั้นในงานวิมเบิลดัน บอล ปี 1992 เขาพยายามชวนเธอคุยมากมาย แต่เธอก็ไม่ตอบกลับเลยแม้แต่คำเดียว
คืออย่าว่าแต่จีบเลย แค่คุยออกสตาร์ตคำแรก ยังไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ
"สเตฟฟี่ กราฟ ก็เหมือนเฟรนช์ โอเพ่น เป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันข้ามกำแพงได้"
อากัสซี่เข้าชิงเฟรนช์ โอเพ่น มา 2 สมัย แพ้นัดชิงทั้งสองหน มันเหมือนเป็นรายการที่เขาพยายามแค่ไหนก็ไปไม่ถึง ซึ่งเขาคิดแบบเดียวกับสเตฟฟี่ กราฟ เป็นคนในฝันที่เขารู้สึกว่่า เกินเอื้อมจริงๆ
อย่างไรก็ตาม แบรด กิลเบิร์ต แนะนำว่าอย่าหมดหวัง เขาจะพยายามช่วยหาทางให้ได้เริ่มคุยกัน
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 1999 มีการแข่งรายการ ไมอามี่ โอเพ่น ที่เมืองคีย์บิสเคน รัฐฟลอริด้า โดยรายการนี้ จะมีแข่งทั้งชายเดี่ยว และหญิงเดี่ยว ซึ่งอากัสซี่ กับ กราฟ ก็ลงแข่งด้วย
1
ด้วยความบังเอิญที่แบรด กิลเบิร์ต รู้จักกับไฮน์ซ กุนธาร์ด โค้ชของสเตฟฟี่ กราฟ เป็นการส่วนตัว ดังนั้นกิลเบิร์ต จะแอบไปขอกุนธาร์ด ให้จัดเซสชั่น ให้อากัสซี่ ได้ร่วมซ้อมกับกราฟสัก 1 ชั่วโมง ในช่วงก่อนออกสตาร์ตทัวร์นาเมนต์
กิลเบิร์ต โทรหากุนธาร์ด เขาตอบปฏิเสธ โดยกล่าวว่า ตัวสเตฟฟี่ กราฟ ไม่มีทางยอมออกนอกรูทีนการซ้อมของตัวเองแน่นอน ยิ่งก่อนแข่งแบบนี้ มือระดับโลก ไม่ยอมเอาเวลาของตัวเองไปซ้อมกับคนไม่รู้จักอยู่แล้ว
1
อย่างไรก็ตาม กิลเบิร์ตไม่ยอม และทวงบุญคุณในครั้งอดีตกับกุนธาร์ด ทำให้โค้ชของสเตฟฟี่ กราฟ เลี่ยงไม่ได้ ยอมเอ่ยปากว่า จะลองถามกราฟให้ดูละกัน
สำหรับอากัสซี่ บอกตรงๆเขาไม่สนผลแพ้ชนะในการแข่งรายการไมอามี่ โอเพ่นด้วยซ้ำ แต่เป้าหมายการได้คุยกับกราฟ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด ณ วินาทีนี้
กุนธาร์ด แจ้งว่า ให้อากัสซี่ กับ กิลเบิร์ตมาที่สนามซ้อมก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่ม 2 วันละกัน แล้วเดี๋ยวหน้างานเขาจะลองขอกราฟดู แต่ไม่รับปากว่าเธอจะโอเค
อากัสซี่ นับวันรอให้ถึงวันนัด และพร้อมเต็มที่ ที่จะทำให้กราฟประทับใจ โดยกิล เรเยส บอดี้การ์ดส่วนตัวของอากัสซี่แนะนำว่า ถ้าได้ซ้อมกันจริงๆ ถอดเสื้อออกเลย โชว์กล้ามให้สเตฟฟี่ กราฟ เห็นไปเลยว่านายฟิต แอนด์ เฟิร์ม ซึ่งอากัสซี่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไอเดียที่ดีหรือเปล่า
1
เมื่อวันนัดมาถึงอากัสซี่ กับแบรด กิลเบิร์ต มาถึงก่อนเวลานัด 40 นาที ทั้งสองคนเห็นกราฟ กำลังซ้อมตีโต้กับโค้ช ตามรูทีนการซ้อม
"ผมลงแข่งแกรนด์แสลมรอบชิงมาแล้ว 7 ครั้ง บอกตรงๆว่ายังไม่เคยตื่นเต้นมากเท่าครั้งนี้" อากัสซี่ยอมรับ
อากัสซี่กับแบรด เดินไปยืนอยู่ข้างๆคอร์ต ยืนอยู่พักใหญ่ ซึ่งตอนนี้โค้ชกุนธาร์ตเห็นแล้วว่าอากัสซี่มา จึงหยุดการซ้อม แล้วเรียกกราฟมาที่หน้าเน็ต จากนั้นก็คุยอะไรกันบางอย่าง ก่อนที่กุนธาร์ตจะชี้มาที่อากัสซี่
สเตฟฟี่ มองมาที่อันเดร เขารีบฉีกยิ้มให้เธอทันที
แต่สเตฟฟี่นิ่ง ไม่ไหวติง แล้วหันกลับไปคุยกับโค้ชของเธอต่อ ก่อนที่จะส่ายหัวสีหน้าบ่งบอกว่านี่เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องมากที่สุดในโลก
จากนั้นสเตฟฟี่ เดินถอยออกจากหน้าเน็ตไปที่เบสไลน์ และโค้ชกุนธาร์ต กวักมือบอกให้อากัสซี่ลงไปยืนอีกฝั่งเลย
เฮ้ย จริงดิ กราฟโอเคหรอ?
อากัสซี่รีบผูกเชือกรองเท้าอย่างเร็วที่สุด กระชากแร็กเก็ตออกมาจากกระเป๋าในเสี้ยววินาที และเขาเลือกจะเชื่อในสิ่งที่กิล เรเยสบอก อากัสซี่ถอดเสื้อออกทันที โชว์บอดี้ ให้เห็นว่าถึงเขาจะไม่มีผมบนหัวแล้ว เป็นพี่โล้นซ่า แต่เขายังหุ่นเพอร์เฟ็กต์สำหรับนักเทนนิสระดับโลกอยู่นะ
1
ใช่ มันดูเป็นไอเดียที่งี่เง่า แต่มันอาจจะช่วยเพิ่มคะแนนบวกให้เขาเรื่องความใจกล้าบ้าบิ่นก็ได้ ใครจะไปรู้
กราฟสีหน้าเรียบเฉย อันเดรจะถอดเสื้อ หรือจะใส่ใครจะไปสน เธอเริ่มออกสตาร์ตเสิร์ฟ และตีโต้กับอันเดรบนคอร์ตของสนามซ้อม
ตั้งแต่อันเดร รู้จักกับสเตฟฟี่ เธอไม่เคยคุยกับเขาแม้แต่คำเดียว แต่ทั้งสองคน เริ่มต้นการทักทายกัน ด้วยการตีโต้กันด้วยแร็กเก็ต
สิ่งที่อันเดรรับรู้คือ สเตฟฟี่ กราฟ เคลื่อนที่ได้อย่างพริ้วไหว เธอเหมือนบทกลอนอันสวยงามในเวอร์ชั่นของนักกีฬา และโฟร์แฮนด์ไม้ตายของเธอที่ทั้งโลกร่ำลือ เขาได้สัมผัสมันครั้งแรก คือมันช่างสุดยอดจริงๆ
"อาจจะว่าผมบ้า แต่ผมเหมือนได้สัมผัสเรือนร่างของเธอ แม้เราจะยืนอยู่ห่างกัน 40 ฟุตก็ตาม แต่โฟร์แฮนด์แต่ละครั้งของเรา เหมือนเราได้ทำความรู้จักกันไปในตัว"
หลังจากโฟร์แฮนด์ โต้โฟร์แฮนด์ไประยะหนึ่ง กราฟเปลี่ยนมาซ้อมแบ็คแฮนด์บ้าง โดยอีกหนึ่งไม้ตายอันลือลั่นของกราฟ คือแบ็คแฮนด์สไลซ์ที่บางเฉียบ และคมกริบเหมือนมีด
1
"ผมอยากทำให้เธอประทับใจเรื่องสกิลของผม จึงพยายามตอบโต้เธอ รับให้ได้ทุกลูก" อันเดรกล่าว ซึ่งถ้าโดยปกติ การตีของเทนนิสหญิง มันก็ไม่น่ายากเกินไปที่นักเทนนิสชายจะรับมือได้
ปรากฏว่า อากัสซี่รับไม่ได้ แบ็คแฮนด์สไลซ์ของกราฟเฉียบขาดมาก จนอากัสซี่ต้องตะโกนออกมาว่า "คุณไม่ชนะผมได้อีกทีหรอก"
กราฟไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ไม่ยิ้ม ไม่มีรีแอ็กชั่น แต่ซ้อมต่อไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ แบ็คแฮนด์สไลซ์ของเธอคมกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม มันเหมือนเป็นการท้าทายใส่อันเดรในสนามว่าแน่จริงก็รับให้ได้สิ
ทั้งคู่สู้กันไปมาอย่างดุเดือด เกินกว่าการซ้อมทั่วไป และสุดท้ายกราฟใช้แบ็คแฮนด์สไลซ์ลูกที่เด็ดขาดที่สุด พุ่งเข้าไปในมุมที่ยากที่สุด ถ้าในการแข่งทั่วไป นี่เป็นแต้มแน่นอน แต่ปรากฏว่าอากัสซี่รับได้ และรีเทิร์นกลับไปได้อย่างสุดยอด ซึ่งคราวนี้ กราฟโต้กลับมาไม่พ้น ลูกของเธอติดเน็ต
อากัสซี่เอาคืนได้ในเพลย์ที่ 2 อากัสซี่ตะโกน "ไงล่ะ สเตฟฟี่ ลูกนี้ผมรีเทิร์นได้เยี่ยมมากเลยใช่ไหม" แต่ก็เหมือนเดิม สเตฟฟี่ไม่พูดสักคำ และซ้อมต่อไปอยู่อย่างนั้น อากัสซี่เดาไม่ออกเลยว่าเธอคิดอะไรกันแน่
1 ชั่วโมง 10 นาที การซ้อมสิ้นสุดลง ถือเป็นการซ้อมที่จริงจังกว่าปกติมาก สเตฟฟี่ยกมือบอกว่า พอแล้วนะ แล้วเดินมาที่หน้าเน็ต
1
"ขอบคุณมาก" สเตฟฟี่พูด
"สำหรับผม มันเป็นเกียรติอย่างมากจริงๆ" อันเดรตอบ
1
จากนั้นสเตฟฟี่เริ่มกระบวนการยืดตัว เพื่อคูลดาวน์ เธอยกขาหนึ่งข้างเอาไว้ที่เน็ต สิ่งที่อากัสซี่ได้เห็นจะจะเต็มตาคือ เรียวขาของสเตฟฟี่ อย่างที่ทุกคนรู้ว่า นี่คือเรียวขาที่งดงามเหมือนเทพธิดา เป็นเรียวขาที่สาวๆฝันถึง และเมื่อได้เห็นใกล้ชิดขนาดนี้ อันเดร ใจสั่นเลยทีเดียว
ก่อนที่อันเดรจะคิดลึกไปไกลกว่านั้น เขาต้องเรียกสติตัวเองกลับมา จึงเริ่มชวนคุย เป็นบทสนทนาสั้นๆ เช่นเรื่องการแข่ง เรื่องการเดินทาง ทั้งคู่เป็นนักเทนนิสอาชีพเหมือนกัน ดังนั้นเรื่องที่คุยจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจกันง่ายมากๆ
"คุณชอบเมืองอะไรมากที่สุดหรอ?" อันเดรถาม "ถ้าคุณเลิกเล่นเทนนิสแล้ว คุณอยากไปใช้ชีวิตเมืองไหน"
ในใจของอันเดรหวังว่า คำตอบจะเป็นลาสเวกัส
1
"นิวยอร์ก กับ ซานฟรานซิสโก" กราฟตอบ
"ใช่ๆ นี่ก็เป็น 2 เมืองที่ผมชอบมากๆเหมือนกัน"
นั่นคือประโยคสุดท้ายของการสนทนา ในขณะที่อันเดรดี๊ด๊ามาก แต่สเตฟฟี่นิ่งเฉย เธอวางตัวแบบสุขุมมากๆ จนไม่รู้เลยว่าใจคิดอะไร สเตฟฟี่ยิ้มให้อันเดรแล้วบอกขอบคุณอีกครั้ง ทั้งคู่อำลากันด้วยการเอาแก้มชนกันสองข้างแบบยูโรเปี้ยนคิส
สำหรับกราฟ ไม่บอกก็รู้ว่า เธอพูดคุยกับอันเดรตามมารยาทเท่านั้น
หลังจบเซสชั่นการซ้อม อันเดรกลับมาที่โรงแรม และคุยกับแบรด กิลเบิร์ต และเพื่อนสนิทของเขา เจพี ว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นไงบ้าง ยังพอมีหวังหรือเปล่า ทำไมสเตฟฟี่ กราฟ นิ่งเฉยขนาดนั้น เธอไม่มีรีแอ็กชั่นอะไรเลย
1
แบรดบอกว่า บางทีสเตฟฟี่ อาจจะยังไว้ตัวอยู่ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าอันเดร กับบรู๊ค ชิลด์ ทำเรื่องหย่าร้างกันแล้ว ข่าวเรื่องอันเดรเป็นโสดยังไม่ถูกป่าวประกาศตามหน้าสื่อ ดังนั้นจะให้เธอไปคุยกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว มันก็คงกระไรอยู่
1
มีคนพูดขึ้นมาเหมือนกันว่า แล้วแฟนของสเตฟฟี่ กราฟล่ะ นักแข่งรถชาวเยอรมันที่ชื่อ มิชาเอล บาร์เทลส์ ยังคบกันอยู่หรือเปล่า จะว่าไป ก็ไม่มีภาพคู่หรือข่าวสวีทกับแฟนหนุ่มคนนี้มาหลายเดือนแล้วนะ บางทีกราฟอาจจะเลิกกับบาร์เทลส์ไปแล้ว แต่ไม่ได้ออกสื่อ เหมือนอากัสซี่ กับบรู๊คก็ได้
1
แบรด กิลเบิร์ตบอกว่า การจีบสเต็ปต่อไป คือต้องทำให้สเตฟฟี่รู้ก่อนว่าอันเดรรู้สึกพิเศษกับเธอ ไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนร่วมวงการเท่านั้น เขาจำเป็นต้องรุก
คำแนะนำจากเพื่อนๆ คือซื้อดอกไม้ให้ดีกว่า ผู้หญิงทุกคนชอบดอกไม้ทั้งนั้น และอันเดรก็เขียนโน้ตเล็กๆเสียบช่อดอกไม้เป็นชื่อของเขา สเตฟฟี่จะได้รู้ว่าอันเดรส่งให้
1
อันเดรไปกว้านซื้อดอกกุหลาบอันสวยงามที่ร้านดอกไม้ในย่านเซาธ์บีช ในโน้ตเขียนไว้ว่า ขอบคุณสำหรับการซ้อมร่วมกัน และเป็นไปได้ไหมที่เราจะไปทานดินเนอร์กัน พร้อมทั้งทิ้งเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ เพื่อที่เธอจะได้ติดต่อกลับ
อากัสซี่ฝากดอกไม้พร้อมโน้ต ให้เพื่อนเอาไปแอบวางไว้ที่หน้าห้องพักของสเตฟฟี่ กราฟ
1
สำหรับในการแข่งรายการไมอามี่ โอเพ่น ทางผู้จัดจะให้นักกีฬานอนที่โรงแรมห้าดาวที่ ฝ่ายจัดการแข่งขันเตรียมไว้ให้ โดยห้องของอันเดร กับ สเตฟฟี่ กราฟ อยู่คนละตึก แต่สามารถมองเห็นห้องของอีกฝ่าย ผ่านระเบียงได้
1
อากัสซี่ เฝ้ารอในห้องนอนของตัวเอง และมองออกไปที่ตึกฝั่งตรงข้าม คือเขาไม่แน่ใจว่า กราฟอยู่ห้องไหนกันแน่ แต่สิ่งที่เขามั่นใจคือ ต้องมีผู้หญิงเยอรมันสักคนในตึกนั้น กำลังดีใจที่ได้กุหลาบช่อโตอยู่แน่ๆ
อันเดรคอยโทรศัพท์ แต่มันไม่ดังขึ้นมาเสียที หมดวันก็แล้ว วันต่อมาก็แล้ว ก็ไม่มีใครโทรมา
อันเดรปรึกษาเพื่อน และเริ่มโวยวายใส่แบรด และเจพี ว่าทำไมกราฟถึงจงใจจะหลีกเลี่ยงเขาขนาดนั้น โอเค ถ้าเธอไม่ชอบเขาก็ไม่เป็นไร แต่มีมิตรภาพต่อกันสักหน่อยมันจะไม่ได้เชียวหรือ
ระหว่างที่อันเดรกำลังโวยวายอยู่ แบรดเหลือบมองออกไปที่ตึกฝั่งตรงข้่าม แล้วพูดขึ้นมาว่า "โอ๊ะ โอ"
1
อะไรหรอ? อันเดรสงสัย จากนั้นเจพีซึ่งก็เห็นแล้วเช่นกัน จึงบอกกับอันเดรว่า "ฉันว่า ฉันเห็นดอกไม้นายว่ะ"
อันเดรหันไปดู ใช่ นั่นมันดอกไม้ที่เขาให้สเตฟฟี่นี่นา มันถูกเอาออกมาวางไว้ที่ระเบียงอย่างไม่ถูกแยแส สเตฟฟี่ไม่สนใจ ถึงขนาดเอามาวางไว้นอกห้องเลยด้วยซ้ำ
1
"ไม่ดีแล้วว่ะ" แบรดพูด
1
"สัญญาณไม่ดีเลยจริงๆ" เจพีก็บอกเหมือนกัน
ของที่คุณให้ผู้หญิงคนหนึ่ง โดนวางไว้อย่างไม่ไยดีที่ระเบียงห้อง ดอกไม้ที่ผู้หญิงคนไหนก็อยากได้ แต่สเตฟฟี่ไม่สนเลย ใช่ อันเดรก็รู้เช่นกันว่ามันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
อากัสซี่ยังไม่ยอมแพ้ ได้ ถ้าเธอไม่โทรมา เขาจะโทรหาเธอเอง อากัสซี่ตัดสินใจรอให้สเตฟฟี่แข่งจบรอบแรกก่อน ให้เธออารมณ์ดีๆ แล้วเขาจึงตัดสินใจโทรหา
กราฟชนะคู่แข่งในรอบแรกด้วยเวลา 42 นาที เธอกลับมาพักที่โรงแรม และอากัสซี่กดโทรศัพท์เข้าไปที่ห้องในโรงแรม ทำไมอากัสซี่รู้เบอร์ห้องได้? ก็เขาเห็นดอกไม้ของตัวเองวางอยู่เด่นชัดขนาดนั้น ไม่บอกก็รู้ว่ากราฟนอนห้องไหน
"สวัสดี นี่อันเดรนะ"
1
"อืม" กราฟตอบ
"ผมแค่อยากจะเมกชัวร์ว่าคุณได้ดอกไม้ของผมแล้ว" เขารู้อยู่แก่ใจว่าเธอได้แล้ว แต่ก็ยังหวังในเศษเสี้ยวว่า จริงๆแล้วผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนเอาไปวางนอกห้องโดยไม่บอกเธอหรือเปล่า
"ฉันได้รับแล้ว"
จากนั้นเงียบ บทสนทนาหยุด อันเดรก็ไปต่อไม่ถูก จากนั้นกราฟจึงเริ่มประโยคต่อมา
2
"ฉันไม่อยากให้มีความเข้าใจผิดอะไรเกี่ยวกับเราสองคนนะ ตอนนี้แฟนฉันอยู่ที่นี่ด้วย"
2
ความเงียบสงัดของอากัสซี่ในตอนแรก กลายเป็นเงียบยิ่งกว่าเดิม เธอยังคบไอ้หนุ่มนักขับรถแข่งอยู่
"โอเค ผมเข้าใจ" สุดท้ายคำพูดหลุดมาจากปากอากัสซี่จนได้
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง
1
"โชคดีในการแข่งนะ" อากัสซี่บอกกับกราฟ
"ขอบคุณ คุณก็ด้วย"
"งั้นแค่นี้นะ" อากัสซี่ ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว นอกจากตัดบทสนทนา
"บาย"
เมื่อวางสายอากัสซี่ ล้มไปกองกับพื้นทันที โดยเพื่อนๆของอากัสซี่ ทั้งแบรด และเจพี ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
"นายซ้อมบทสนทนากันทุกความเป็นไปได้แล้วนี่นา ว่าถ้าเธอมาเย็นชา นายจะตอบกลับไปแบบไหน มันมีอะไรที่เรายังไม่ได้ซ้อมกันอีก" เจพีพูด
"แฟนเธออยู่ในห้องด้วย" อากัสซี่ตอบ
ในขณะที่แบรด กับ เจพี บอกว่าโอเคงั้นเราตัดใจกันเถอะ ถ้าสเตฟฟี่คบกับแฟนมา 6-7 ปีแล้ว เธอคงไม่เลิกกันวันนี้แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม อันเดรรู้สึกว่า คำพูดที่สเตฟฟี่บอกกับเขานั้นมันแปลกๆ เพราะสเตฟฟี่ใช้คำว่า "แฟนฉันอยู่นี่"
"พวกนายลองคิดดูนะ การที่เธอบอกว่าแฟนเธออยู่ตรงนี้ อาจจะสื่อว่า เธอคุยไม่ได้ แต่เธอยังไม่ได้ปฏิเสธฉันอย่างเป็นทางการนะ คือจริงๆเธออาจจะบอกเลยก็ได้ว่า อย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันไม่อยากรู้จักคุณ แต่เธอไม่ได้พูดแบบนั้น"
1
"ฉันคิดว่า ฉันยังมีโอกาสอยู่ว่ะ" อากัสซี่สรุป แล้วหันไปถามเจพีว่าคิดเหมือนกันไหม
"ตื่นเถอะ อันเดร" เจพีกล่าว
3
ด้วยสมาธิที่ยังอยู่กับสเตฟฟี่ กราฟ ทำให้อากัสซี่เสียโฟกัสในการแข่งไมอามี่ โอเพ่น สุดท้ายแพ้โดมินิค เฮอร์บาตี้ ตกรอบแรกไปเฉยเลย
1
"ผมคิดว่า ถ้าคนที่เปิดประตูห้องมาเป็นแฟนเธอ แล้วเจอดอกไม้ช่อโต โดยมีโน้ตจากอันเดร อากัสซี่ มันจะเป็นสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนขนาดไหน ผมนึกภาพไม่ออกเลย"
แบรด กิลเบิร์ต พยายามให้กำลังใจแล้วบอกว่า จริงๆ กราฟ อาจจะรู้สึกดีกับอันเดรก็ได้ แต่เธอก็ไม่กล้าจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ เพราะยังไม่รู้ว่า อันเดรกำลังจะหย่ากับบรู๊คแล้ว คือถ้าอีกฝ่ายมีภรรยาแล้ว แค่ความสัมพันธ์แบบเป็นเพื่อน เธอก็คงให้ไม่ได้
1
แต่ถ้าอากัสซี่ประกาศให้สังคมรู้ชัดเจนว่าเขาหย่ากับบรู๊คแล้ว ถึงตรงนั้น สเตฟฟี่ อาจจะยอมเป็นเพื่อน และถ้าเป็นเพื่อนกัน อาจค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ไปจากตรงจุดนั้นได้
อากัสซี่ โทรหาเพอร์รี่ ผู้จัดการส่วนตัวแล้วถามว่า เมื่อไหร่ข่าวของเขากับบรู๊คจะไปถึงสื่อมวลชนซะที ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะปกติอันเดรจะเกลียดเวลาสื่อลงข่าวซุบซิบเรื่องส่วนตัวของเขาที่ไม่เกี่ยวกับการแข่งขัน แต่คราวนี้ เขาอยากให้โลกรู้เร็วที่สุด ว่าเขาหย่ากับบรู๊คแล้ว เขาเป็นโสดแล้ว และขอโอกาสที่จะเข้าไปอยู่ในโลกของสเตฟฟี่ กราฟซะที
2
และในที่สุดเดือนเมษายน 1999 ข่าวก็ถูกเปิดเผยว่า อากัสซี่หย่ากับภรรยาแล้ว ในตอนนี้เขาเป็นโสดอย่างออฟฟิเชียลแล้ว ซึ่งข่าวครึกโครมขนาดนี้ อากัสซี่ก็หวังว่าสเตฟฟี่ จะได้เห็นข่าวนี้บ้างนะ
หลังจบการแข่งไมอามี่ โอเพ่น ที่ฟลอริด้า อากัสซี่ก็ไม่เจอกับกราฟอีกเลย จนมาถึงเฟรนช์ โอเพ่น ที่ฝรั่งเศส แกรนด์แสลมที่สองของปี ซึ่งก่อนการแข่ง อากัสซี่มีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ซึ่งสภาพร่างกายนั้น 70-30 โดยตอนแรก อากัสซี่ จะขอถอนตัวจากการแข่งขัน เพราะฟิตแค่ 70% แล้วลงแข่งทั้งทัวร์นาเมนต์ มันไม่ใช่เรื่องดีเลย เขาเองก็ไม่อยากเสี่ยงเจ็บหนักด้วย
โดยอากัสซี่อธิบายว่า เขาไม่เคยสมหวังที่เฟรนช์โอเพ่น ใครๆก็รู้ มันเป็นกำแพงที่เขาไม่เคยข้ามไปได้ เข้าชิงกี่รอบก็แพ้ตลอด ดังนั้นจะฝืนเล่นทำไม สู้ถอนตัว แล้วไปพักฟื้นร่างกายจะดีกว่าอีก
อย่างไรก็ตามแบรด กิลเบิร์ต ยืนยันว่า อากัสซี่ควรจะสู้ ร่างกายเขาไม่ได้แย่ขนาดนั้น สามารถเล่นได้ และที่สำคัญอย่าไปกลัวว่าจะลงแข่งแล้วแพ้ ถ้าไม่กล้าข้ามกำแพง ก็คงได้แต่ฝันอยู่อย่างนั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ขั้นแรกสุดต้องกล้าที่จะทำก่อน
อากัสซี่เชื่อโค้ช และลงแข่งขันในเฟรนช์ โอเพ่น ในฐานะมือวาง 13 ของรายการ
อากัสซี่ ชนะคู่แข่งแบบทุลักทุเลมาตลอดทาง รอบแรกเจอ ฟรังโก้ สคิลลารี่ มือโนเนมจากอาร์เจนติน่า ก็ชนะได้ 3-1 เซ็ต ตามด้วยรอบสองเจออาร์โนลต์ เคลม็องต์ จากฝรั่งเศส ซึ่งควรจะชนะได้ง่ายๆ ก็เฉือนไปแบบระทึก 3-2 เซ็ต
อันเดร เอาชนะด้วยความยากลำบากมาก แต่เขาชนะมาได้เรื่อยๆ และที่น่าสนใจคือ มือต้นๆของรายการ เบอร์ 1 2 3 เยฟกินี่ คาเฟลนิคอฟ, พีท แซมพราส และ แพทริก ราฟเตอร์ ไม่มีใครเลยที่ผ่านรอบ 3 มาได้
รู้ตัวอีกที อากัสซี่ก็หมดเสี้ยนหนามและทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ พบกับ อันเดรีย เมดเวเดฟ จากยูเครน
ในรอบชิงชนะเลิศ เมดเวเดฟ นำไปก่อน 2-0 เซ็ต เกมควรจะโอเวอร์ไปแล้ว แต่อากัสซี่กลับฮึดเฮือกสุดท้าย เขาสวมหัวใจสิงห์ เอาชนะได้ในอีก 3 เซ็ตต่อมา กลายเป็นอากัสซี่เอาชนะในรอบชิงด้วยสกอร์ 3-2 เซ็ต
1
ชัยชนะในเฟรนช์โอเพ่น เป็นการสร้างประวัติศาสตร์นักเทนนิสชายคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้แกรนด์แสลมครบทั้ง 4 รายการ บวกกับเหรียญทองโอลิมปิก แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นในปีปฏิทินเดียว แต่มันคือความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินของอากัสซี่
และที่สำคัญกว่านั้น มันคือการปลดล็อก ที่ค้างคาในใจเขามายาวนาน กับเฟรนช์โอเพ่น กำแพงที่เขาไม่เคยข้ามไปได้ ก่อนหน้านี้เข้าชิงสองครั้งก็แพ้เรียบ จนคิดว่าตัวเองไม่มีวันจะชนะรายการนี้ได้แล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้
กำแพงที่ไม่มีวันข้ามถึง แต่เขาก็ยังข้ามมาได้แล้ว
และกำแพงสูงอีกหนึ่งอย่างที่ชื่อ สเตฟฟี่ กราฟ ทำไมเขาเองจะข้ามกำแพงนี้ไปไม่ได้ล่ะ
หลังจบเฟรนช์ โอเพ่น นักเทนนิสจะบินไปอังกฤษเพื่อเตรียมตัวแข่งขันวิมเบิลดัน แกรนด์แสลมที่ 3 ของปี
16 มิถุนายน 1999 ก่อนแข่งขันวิมเบิลดัน 1 สัปดาห์ ตอนนี้นักกีฬาทุกคนจะเริ่มซ้อมกันแล้ว ที่โอรันกี้พาร์ก ซึ่งอันเดรรู้ว่าตามกำหนดการในวันนี้ สเตฟฟี่ กราฟ ต้องมาซ้อม ซึ่งเขาก็ดักรอเพราะมีเรื่องอยากจะบอกเธอ
สำหรับอันเดร เขามีความมั่นใจมากขึ้นที่จะคุยกับกราฟ เพราะตอนนี้ตัวกราฟคงได้รู้แล้วว่า เขาเลิกกับภรรยาแล้ว ดังนั้น อย่างน้อยที่สุด ขอแค่สถานะเพื่อนก่อนก็ยังดี เขาเพียงแค่อยากรู้จักเธอให้มากขึ้นเท่านั้น
ในที่สุด อันเดรก็เจอกราฟ นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบ 4 เดือน นับตั้งแต่ซ้อมกัน 70 นาที บนคอร์ตที่ไมอามี่
สเตฟฟี่ กราฟ มัดผมสีทองของเธอเป็นหางม้า เธอใส่กางเกงซ้อมสีน้ำเงิน แน่นอน เรียวขาของเธอยังสะท้านใจเหมือนเดิม และสิ่งที่เหมือนเดิมอีกหนึ่งอย่างคือ เธอเหมือนมีออร่า แผ่ออกจากรอบบริเวณ
เมื่อกราฟเห็นอันเดร ทั้งคู่ทักทายด้วยยูโรเปี้ยนคิส แก้มชนแก้มเหมือนเดิม
"ยินดีด้วยกับแชมป์เฟรนช์โอเพ่น ฉันดีใจกับคุณด้วยจริงๆ บอกตามตรงว่าวันนั้นฉันน้ำตาไหลไปด้วยเลย" กราฟกล่าวพร้อมกับยิ้มให้อันเดร
ในชัยชนะที่อากัสซี่คว้าแชมป์ที่โรลังด์ การ์รอส พอเขาชนะเมดเวเดฟมาได้ อากัสซี่ก็ร้องไห้ดีใจอย่างบ้าคลั่ง เพราะมันเหมือนเป็นการปลดล็อกชีวิตของเขา ซึ่งภาพนั้น ใครที่เห็นก็คงตื้นตันตามไปด้วย
"ยินดีกับคุณด้วยเช่นกันนะ พอเห็นคุณชนะ แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน" อันเดรกล่าว
ในเฟรนช์โอเพ่นปี 1999 สเตฟฟี่ กราฟ คว้าแชมป์เฟรนช์โอเพ่นได้สำเร็จ และนี่เป็นแกรนด์แสลมสุดท้ายในอาชีพของเธอด้วย
เงียบ บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ซึ่งอันเดรไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย แต่คราวนี้เขาไม่ยอมปล่อยให้เกิดอาการเดดแอร์
"สเตฟฟี่ ผมมีของขวัญมาให้คุณ" อันเดรพูดจากนั้นหยิบของที่เขาเตรียมเอาไว้ "ผมรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณ ดังนั้นผมจึงเขียนการ์ดมาให้ สุขสันต์วันเกิดนะ"
นี่ไม่ใช่ของขวัญดอกกุหลาบช่อยักษ์แบบที่อากัสซี่ส่งให้ที่ไมอามี่ แต่คราวนี้เป็นอะไรที่เรียบง่ายกว่านั้น เป็นการ์ดที่เขาเขียนจากความรู้สึกของตัวเองจริงๆ เขาอยากให้เธอมีความสุขมากๆในวันเกิดปีนี้
1
สเตฟฟี่ กราฟ หยิบการ์ดออกมา แล้วหยุดดูอย่างตั้งใจหลายวินาที ก่อนเปิดอ่าน บรรยากาศของทั้งสองคนเงียบอีกครั้ง เมื่ออ่านจบสเตฟฟี่ เงยหน้าขึ้นมา ด้วยสีหน้าที่อากัสซี่เพิ่งเคยเห็นกับตาเป็นครั้งแรก
1
สีหน้าของความสุข
"คุณรู้วันเกิดฉันได้ยังไงหรอ"
อากัสซี่อยากตอบว่า เรื่องของคุณผมรู้หมดทุกอย่างนั่นล่ะ แต่สุดท้ายเขาก็ตอบกลับไปเพียงแค่ว่า "ผมก็แค่รู้น่ะ"
"ขอบคุณนะ ฉันหมายถึง ขอบคุณมากจริงๆ"
ทั้งสองคนเงียบอีกครั้ง แต่การเงียบคราวนี้ไม่ได้มีความอึดอัดอย่างที่เคยเป็น มันเป็นบรรยากาศที่แตกต่างจากเดิม
"อันเดร ถ้าฉันอยากจะติดต่อคุณต้องทำอย่างไรหรอ?" กราฟถาม
"เดี๋ยวผมฝากเบอร์เอาไว้ที่โค้ชของคุณนะ"
"โอเค"
จากนั้นสเตฟฟี่ กราฟ เดินจากไป แต่คราวนี้อากัสซี่เองก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังก่อร่างในใจของกราฟขึ้นมา
แต่สเตฟฟี่ กราฟ ไม่ได้โทรมา
"เดี๋ยวเธอก็โทรมา" แบรดพูด
"เร็วๆนี้แหละ ชัวร์เลย" เพอร์รี่ย้ำอีกคนให้อากัสซี่มั่นใจ
1 วันผ่านไป 2 วันผ่านไป 3 วันผ่านไป กราฟไม่ได้ติดต่อมาเลย อากัสซี่คิดว่า มีบางอย่างในใจของกราฟอาจจะอยากเปิดใจให้เขาแล้ว แต่เขาคิดผิด ในวันจันทร์วิมเบิลดันจะเริ่มแข่งแล้ว และเธอก็ยังไม่โทรมา
ซึ่งแน่นอน เมื่อเข้าทัวร์นาเมนต์แล้ว นักกีฬาก็ต้องโฟกัสกับการแข่งเต็มที่ เธอคงไม่มีทางโทรมาคุยกับเขาอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลย
แล้วจะให้เขาเสนอหน้าโทรไปงั้นหรอ เขาไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้นหรอก โทรไปหาแล้วถามว่าทำไมไม่โทรมาหรือไงล่ะ ตลกสิ้นดี
1
"ถ้าเธอไม่โทรมา ฉันว่านายตกรอบแรกแน่ สมาธินายไม่อยู่กับตัวแล้วนะ" แบรดพูด ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ อากัสซี่วุ่นวายใจเกินไป สเตฟฟี่ กราฟ ทำให้เขาคิดมากเหลือเกิน
1
คืนวันเสาร์ ก่อนการแข่งขัน 2 วัน อากัสซี่กินข้าวเสร็จ แยกตัวขึ้นไปอยู่ในห้องนอนคนเดียว เขากำลังจะหลับ นี่เป็นอีกวันที่กราฟไม่ติดต่อมา
1
แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในที่สุด
"สวัสดี" อันเดรรับสาย
"สวัสดี นี่สเตฟานี่นะ"
"สเตฟานี่? หรือว่า สเตฟานี่ .. กราฟ" อันเดรไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ชื่อจริงของกราฟ คือสเตฟานี่
1
"ใช่ คือแม่ของฉันชอบเรียกว่าสเตฟฟี่ ตอนสื่อมวลชนได้ยินครั้งแรก ก็คิดว่าเป็นชื่อที่ไม่มีใครเหมือน ก็เลยเรียกว่าสเตฟฟี่มาตลอด แต่จริงๆแล้ว ฉันชอบให้คนเรียกว่า สเตฟานี่มากกว่านะ"
นี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุด ที่กราฟคุยกับอันเดร และมันเป็นความลับที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนด้วย
สำหรับอันเดรนั้น มันเหมือนกำแพงที่แข็งแกร่งที่เขารู้สึกสิ้นหวังมาตลอด เอาจริงๆเมื่อสังเกตดีๆ มันมีขั้นบันไดที่เขาสามารถใช้ปีนข้ามมันไปได้
ผู้หญิงในฝันของเขา ที่จินตนาการถึงมาตลอด 10 ปี กำลังอยู่ในสายและคุยกับเขาดีๆในตอนนี้
"สวัสดีสเตฟานี่ ... ยินดีที่ได้รู้จัก"
[ จบ Part 4 ]
โฆษณา