10 พ.ค. 2020 เวลา 08:33 • ธุรกิจ
ทำความรู้จักหุ้นอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจ โดยทีมงานหุ้นพอร์ทระเบิด
ในสภาวะวิกฤติเช่นนี้ ถ้าหากให้นึกถึงธุรกิจที่ "ไม่ได้รับผลกระทบเลย" ก็คงแทบจะไม่มี หรือหากมีก็คงน้อยมากๆดังนั้นเมื่อ 1 ไม่ได้ ตลาดก็ต้องไปมองหา 2 เพราะผมเชื่อว่ายังมีนักลงทุนอีกมากมายที่เห็นว่าการพักเงินในหุ้นที่ดีนั้นสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าฝากเงินในธนาคาร แต่ย้ำเลยนะครับว่าต้องเป็นหุ้นที่ดีเท่านั้น
1
ทีนี้ถ้าธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบเลยมันหายากนัก เราก็ย่อมที่จะต้องมองตัวเลือกที่รองลงมาและแน่นอนว่าคำตอบของคนส่วนใหญ่ก็คือหุ้นที่จะ "เจ็บน้อยที่สุด" ในวิกฤติครั้งนี้
และหนึ่งในธุรกิจที่เรียกได้ว่าเป็นปัจจัย 4 ของพื้นฐานชีวิตคนเรานั่นก็คือกลุ่ม "อาหารและเครื่องดื่ม" เพราะถ้าไม่กินไม่ดื่มคนเราก็คงจะมีชีวิตกันต่อไปไม่ได้ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ใครหลายๆคนเริ่มมีความสนใจในหุ้นกลุ่มนี้กันมากขึ้นในช่วงวิกฤติ
วันนี้พวกเรา ทีมงานหุ้นพอร์ทระเบิด ก็ได้มีหุ้นหลากหลายตัวที่น่าสนใจจากธุรกิจกลุ่มนี้มาแนะนำให้เพื่อนๆสมาชิกได้อ่านกัน เผื่อใครจะได้ไอเดียเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในสภาวะที่เกิดโรคระบาดและในขณะที่ผู้คนต้องกักตัวและกักตุนอาหารกันแบบนี้
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยดีกว่า...
ติดตามบทความดีๆของพวกเราได้ทาง WEBSITE
หรือ BLOCKDIT
- - - -
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดพอร์ท หุ้น TFEX SBL BLOCKTRADE กับโบรคเกอร์ KTBST
1
ค่าธรรมเนียมเรทพิเศษ
พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย
- ทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการ
- โปรแกรม EFIN//ASPEN
- โปรแกรม SUPPORT อื่นๆเช่น MT4//MODEL TRADE//KTBST SMART และอื่นอีกมากมาย
กรอกรายละเอียดได้เลย 👇
1. PM (บมจ. พรีเมียร์)
หุ้นในตัวแรกที่เราจะมาแนะนำก็คือ PM หรือหุ้นของบมจ. พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งถ้าเราไม่บอกว่าสินค้าของทางบริษัทคืออะไรเพื่อนๆก็อาจจะยังไม่รู้จักกับหุ้นตัวนี้ แต่ถ้าพูดชื่อแบรนด์ขนมปลาเส้น “ทาโร่” ขึ้นมาแล้วล่ะก็เชื่อว่าน่าจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ใช่แล้วครับ PM ก็คือตัวแทนจำหน่ายสินค้าหลากหลายแบรนด์ผ่านร้านค้าที่มีอยู่กว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ PM ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคแบรนด์อื่นๆอย่างคาลบี้, เมก้าเชฟ, โอเล่, โบตันและสบู่ Imperial Leather อีกด้วย ซึ่งสินค้าอุปโภคและบริโภคนี่แหละที่ทำรายได้หลักให้กับพวกเขากว่า 80%
งบการเงินและราคาหุ้นย้อนหลังของ PM
ปี 60 รายได้ 4,339 ล้านบาท
กำไร 507 ล้านบาท
ราคาหุ้น 12.30 บาท
ปี 61 รายได้ 4,499 ล้านบาท
กำไร 367 ล้านบาท
ราคาหุ้น 8.60 บาท
ปี 62 รายได้ 4,128 ล้านบาท
กำไร 276 ล้านบาท
ราคาหุ้น 7.80 บาท
ราคาปัจจุบัน 6.30 บาท
2. OISHI (บมจ.โออิชิ กรุ๊ป)
น่าจะติดหูและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับหุ้นที่เป็นผู้ทำธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “Oishi”, Nikuya และ Kakashi เป็นต้น ปัจจุบันทางบริษัทมีร้านอาหารอยู่ทั่วประเทศทั้งหมด 266 สาขา
OISHI มีสัดส่วนรายได้หลัก 52% มาจากธุรกิจอาหาร ส่วนรายได้อีก 48% นั้นจะมาจากธุรกิจเครื่องดื่มที่ทางบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดชาเขียวประเทศไทยอยู่ที่ 44.6% หรือเรียกได้ว่าเป็นเบอร์หนึ่งในตอนนี้
ปี 60 รายได้ 13,677 ล้านบาท
กำไร 1,451 ล้านบาท
ราคาหุ้น 132 บาท
ปี 61 รายได้ 13,580 ล้านบาท
กำไร 1,015 ล้านบาท
ราคาหุ้น 75.50 บาท
ปี 62 รายได้ 13,756 ล้านบาท
กำไร 1,234 ล้านบาท
ราคาหุ้น 101 บาท
ปัจจุบันราคา 40.75 บาท
3. ICHI (บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป)
มาถึงหุ้นของ "คุณตัน" ตัน ภาสกรนที ที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มต่างๆหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นชาเขียวพร้อมดื่มอิชิตัน, ชาสมุนไพรเย็นเย็น และน้ำผลไม้ไบเล่ เป็นต้น บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ 2553 และในปัจจุบันมี Market Cap อยู่ที่ 6,955 ล้านบาท
แน่นอนว่าสัดส่วนรายได้หลักของ ICHI นั้นก็จะมาจากสินค้าประเภทชาเขียวและชาสมุนไพรกว่า 96% ของรายได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ชาเขียวในไทยเริ่มมีความนิยมลดลงทางบริษัทจึงได้มีแผนที่จะดันยอดการส่งออกจากเดิมที่มีอยู่ที่ 27% ให้เพิ่มขึ้นโดยเร็วที่สุด
ปี 60 รายได้ 5,719 ล้านบาท
กำไร 315 ล้านบาท
ราคาหุ้น 9.10 บาท
ปี 61 รายได้ 5,216 ล้านบาท
กำไร 43 ล้านบาท
ราคาหุ้น 2.98 บาท
ปี 62 รายได้ 5,347 ล้านบาท
กำไร 407 ล้านบาท
ราคาหุ้น 5.05 บาท
ปัจจุบันราคา 5.55 บาท
4. HTC (บมจ.หาดทิพย์)
หุ้นตัวนี้เป็นผู้ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำอัดลมสุดอมตะอย่างแบรนด์ “โคคาโคล่า” ภายใต้ลิขสิทธิ์จากต้นสังกัดอย่าง Coca-Cola Company ในสหรัฐอเมริกาและแฟนต้า สไปร์ท นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำดื่ม “น้ำทิพย์” อีกด้วย
ขอบเขตการจัดจำหน่ายหรือพื้นที่ของ HTC ก็คือบริเวณ 14 จังหวัดในภาคใต้ ซึ่งรายได้หลักๆของบริษัทก็มาจากสินค้าในกลุ่มน้ำอัดลม
ปี 60 รายได้ 5,690 ล้านบาท
กำไร 283 ล้านบาท
ราคาหุ้น 20.20 บาท
ปี 61 รายได้ 5,722 ล้านบาท
กำไร 249 ล้านบาท
ราคาหุ้น 13.90 บาท
ปี 62 รายได้ 6,792ล้านบาท
กำไร 440 ล้านบาท
ราคาหุ้น 22.70 บาท
ปัจจุบันราคา 17.80 บาท
5. ZEN (บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป)
ตัวนี้เป็นหุ้นเจ้าของเครือร้านอาหาร “ZEN” ที่มีแบรนด์ย่อยอยู่ในบริษัทมากมายอย่างเช่น AKA,ตำมั่ว, ลาวญวนและ On the Table ซึ่งลักษณะการทำธุรกิจของ ZEN ก็จะเป็นการไปลงทุนในบริษัทย่อยอีกทีนึงนั่นเองครับ
ZEN ถูกถือหุ้นใหญ่โดยนายสรรคนนท์และนางสาวจอมขวัญ จิราธิวัฒน์อยู่คนละ 7.18% ซึ่งหุ้นตัวนี้ก็ถือว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดหุ้นก็ว่าได้ครับเพราะเพิ่งจะเข้า IPO กันไปเมื่อเดือนกุมพาพันธ์ 2562 หรือปีที่แล้ว
ปี 60 รายได้ 2,515 ล้านบาท
กำไร 81 ล้านบาท
ราคาหุ้น - บาท
ปี 61 รายได้ 2,964 ล้านบาท
กำไร 140 ล้านบาท
ราคาหุ้น - บาท
ปี 62 รายได้ 3,144 ล้านบาท
กำไร 106 ล้านบาท
ราคาหุ้น 14.60 บาท
ปัจจุบันราคา 8.60 บาท
6. CPF (บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร)
หลายๆคนอาจจะรู้จักเจ้าสัวธนินท์และเซเว่นอีเลฟเว่น และ CPF นี่ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจครอบครัวของเขา ซึ่งปัจจุบัน CPF เป็นผู้ทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร เรียกได้ว่าเริ่มตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ จนมาถึงการแปรรูปเพื่อจำหน่ายหรือเพื่อทำอาหารสำเร็จรูป
CPF มีฐานการผลิตอยู่ทั้งหมดถึง 17 ประเทศทั้งในเอเชียที่เป็นฐานหลักและในยุโรป, อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจของ CPF จะมาจากกิจการต่างประเทศที่ 67% กิจการในประเทศไทย 27% และในส่วนของการส่งออกอีก 6%
ปี 60 รายได้ 523,179 ล้านบาท
กำไร 15,259 ล้านบาท
ราคาหุ้น 24.00 บาท
ปี 61 รายได้ 567,820 ล้านบาท
กำไร 15,531 ล้านบาท
ราคาหุ้น 24.60 บาท
ปี 62 รายได้ 553,768 ล้านบาท
กำไร 18,455 ล้านบาท
ราคาหุ้น 27.50 บาท
ปัจจุบันราคา 27.25 บาท
7. RBF (อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย)
หุ้นตัวสุดท้ายในวันนี้เป็นหุ้นที่ไม่ค่อยจะถูกพูดถึงกันเท่าไหร่ เพราะ RBF นั้นเป็นผู้ทำธุรกิจวัตถุปรุงแต่งและส่วนผสมในอาหารอย่างวัตถุแต่งกลิ่นรสและสีผสมอาหาร, ส่วนผสมในน้ำหอมและเครื่องสำอาง นอกจากนี้ยังมีขนมขบเคี้ยวและยังได้ไปลงทุนในโรงแรมไว้อีกด้วย
ปัจจุบัน RBF มีโรงงานอยู่ทั้งหมด 10 แห่ง คิดเป็น 8 แห่งในประเทศและอีก 2 แห่งที่เวียดนามและอินโดเนเชีย สินค้าที่ทำรายได้ให้กับทางบริษัทมากที่สุดก็คือวัตถุแต่งกลิ่นรสและสีผสมอาหารในสัดส่วน 36.05% รองลงมาเป็นกลุ่มแป้งและซอสที่ 35.59%
1
ปี 60 รายได้ 2,919 ล้านบาท
กำไร 313 ล้านบาท
ราคาหุ้น - บาท
ปี 61 รายได้ 2,749 ล้านบาท
กำไร 324 ล้านบาท
ราคาหุ้น - บาท
1
ปี 62 รายได้ 2,881 ล้านบาท
กำไร 353 ล้านบาท
ราคาหุ้น 4.40 บาท
ปัจจุบันราคา 4.88 บาท
และนี่ก็เป็นหุ้น 7 ตัวที่มีความน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับอาหารการกินรวมไปถึงเครื่องดื่มในบ้านเรา คิดว่าเพื่อนๆแต่ละคนก็อาจจะได้เจอกับหุ้นใหม่ๆ หรือหุ้นที่ยังไม่เคยหาข้อมูลไว้ไปกันบ้างแล้ว แต่สำหรับใครที่รู้จักหมดทุกหุ้นแล้วนั้น หวังว่าบทความนี้ก็น่าจะสรุปข้อมูลเพื่อเป็นการทบทวนให้กับคุณได้เช่นกัน
เพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะลงทุนในหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม หนึ่งในหุ้น Defensive ที่น่าจะสามารถเอาตัวรอดไปได้ในช่วงวิกฤติแบบนี้ก็ควรจะไปศึกษาเพิ่มเติมและเก็บรายละเอียดกันให้ดี แต่โดยส่วนตัวคิดว่ายังไงคนเราก็ต้องกินต้องใช้อยู่ดีไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่จะกินมากกินน้อยนั้นก็เป็นอีกเรื่อง หุ้นกลุ่มนี้จึงน่าจะพอเป็นตัวเลือกให้กับคุณได้
สำหรับในวันนี้พวกเราก็คงจะมีสาระดีๆมาฝากกันไว้แค่เพียงเท่านี้ แล้วมาพบกันใหม่กับบทความหน้า
สวัสดีครับ...
โฆษณา