15 พ.ค. 2020 เวลา 01:25 • การศึกษา
การแปรงฟันแบบไม่ใช่น้ำช่วยลดอาการฟันผุลงได้ดีกว่าแบบใช้น้ำ และช่วยโลกได้ ?
4
Spit don't rinse แปรงแห้ง กู้ฟัน กู้โลก
1
Spit don't rinse หากจะแปลเป็นภาษาไทยง่าย ๆ คือการ "ถุย" และ " ไม่ต้องบ้วนน้ำ" หรือการ "แปรงแห้ง" (แปรงฟันโดยไม่ใช้น้ำ)
ทุกครั้งที่เราเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันหลายคน คงต้องบ้วนปากก่อนแปรงฟันอย่างน้อย 1 ครั้ง หรือทำให้แปรงเปียกก่อนจะแปรงฟัน เพราะเมื่อเราบีบยาสีฟันลงไป มันจะผสมรวมกับน้ำเกิดฟองฟูทั่วปากให้ความรู้สึกสะใจ เสมือนปากเราสะอาด
แต่จากนั้นไม่นานฟองก็จะไหลย้อยไปตามคาง ตามแขน หรือไหลลงมาถึงข้อศอก และอาจเปื้อนเสื้อ จึงเกิดพฤติกรรมย่อตัวแล้วถางขา เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนฟองเหล่านั้น ซึ่งดูเป็นภาพที่น่าอาย
ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ได้ ด้วยการ "แปรงแห้ง"
การแปรงแห้ง คือ การบีบยาสีฟันใส่แปรง แล้วเอาเข้าปากทั้งแบบเเห้ง ๆ อย่างนั้น จะทำให้ฟองเกาะตัวอยู่ที่ฟันได้ดีกว่าและไม่ไหลย้อยอีกต่อไป
การแปรงแห้งสามารถช่วยป้องกันฟันผุได้ดีกว่าแปรงเปียก
เพราะฟลูออไรด์ถูกเจือจางน้อยกว่า เนื่องจากไม่มีน้ำ
และอย่างที่เรารู้กันดีว่าฟลูออไรด์สามารถช่วยป้องกันฟันผุ การที่ฟลูออไรด์อยู่ในปากเรานานและมากขึ้นจึงช่วยลดฟันผุได้ดียิ่งขึ้น
การแปรงด้วยวิธีนี้จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฟลูออไรด์ได้ดียิ่งขึ้น
มีงานวิจัยเรื่องการบ้วนน้ำหลังแปรงฟัน กับการแปรงแบบแห้ง
ผลสรุปออกมาว่า "บ้วนน้ำเยอะฟันผุเยอะ" บ้วนน้ำน้อยฟันผุน้อย ไม่บ้วนเลยฟันผุน้อยที่สุด
ประชากรไทยและประชากรทั่วโลกมักมีปัญหาฟันผุโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
และโดยเฉลี่ยแต่ละคนจะมีฟันผุคนละ 6 ซี่ ถ้าเราเอาคน 70 ล้านคนคูณ เท่ากับคนไทยมีฟันผุ 420 ล้านซี่ ซึ่งปริมาณหมอฟันคงไม่เพียงพอต่อการรักษา และถึงจะรักษาแล้วไม่นานก็กลับมาเป็นฟันผุเหมือนเดิม ทำให้ต้องรื้อใหม่อุดใหม่ รูใหญ่ขึ้นยากขึ้น เสียเงินมากขึ้น นานเข้าก็ต้องรักษารากฟัน ลงท้ายก็จบด้วยฟันปลอมดังนั้น การแปรงแห้งจึงเป็นวิธีที่ดีกว่าแปรงน้ำเป็นอย่างมาก
แต่หลายคนอาจกังวลว่าถ้าไม่บ้วนน้ำเลยฟองจะยังค้างอยู่ในปาก แล้วอาจกลืนฟองหรือยาสีฟันลงไปได้ซึ่งอาจทำให้เป็นอันตราย
สารที่ทุกคนกลัวว่าจะเป็นอันตรายในทีนี้มันคือ สารที่มีชื่อว่า sodium lauryl sulfate ( SLS ) ซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิว ทำให้เกิดฟอง ซึ่งในความเป็นจริงในกระบวนการผลิตยาสีฟันต้องถูกตรวจสอบและควบคุมปริมาณสาร SLS อย่างเหมาะสมไม่ให้มากเกินไปอยู่แล้ว จึงไม่เป็นอันตราย
และฟองจะไม่ตกค้างอยู่ในปากของเรา เพราะน้ำลายจะทำหน้าที่แทนน้ำเอง และทุกครั้งที่เราถุย ฟองก็จะรวมกับน้ำลายออกมา
อีกทั้งการแปรงแห้งยังสามารถลดการใช้น้ำลงได้อีกด้วย
ปกติคนเราจะใช้น้ำในการแปรงฟันอยู่ที่ 0.5 - 1 ลิตร ต่อการแปรง 1 ครั้ง และหากคุณเปิดก๊อกน้ำไปด้วยระหว่างแปรงฟันจะใช้น้ำถึง 20 - 30 ลิตรต่อ
ครั้ง
สมมุติวันหนึ่งเราแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้ง เท่ากับเราใช้น้ำไป 2 ลิตร หรือ 60 ลิตร จากการแปรงฟันแบบไม่ปิดก๊อกน้ำ ประชากรไทยมีทั้งสิ้น 70 ล้านคน เท่ากับวันหนึ่งเราใช้น้ำไปประมาณ 4.2 พันล้านลิตร (กรณีเปิดก๊อก)
นี้คือปริมาณน้ำที่เราสูญเสียไปกับการแปรงฟัน หรือเทียบเท่าสระน้ำมาตรฐานประมาณ 8 แสนสระ
การแปรงแบบใช้น้ำจะชะล้าง ”ฟลูออไรด์” ที่เคลือบฟันไปจนหมดเสมือนไม่เกิดการแปรง แต่การแปรงแห้งฟลูออไรด์จะยังคงค้างอยู่ในปากเราเยอะกว่า ช่วยเคลือบผิวฟัน ป้องกันการเกิดฟันผุและเป็นการประหยัดน้ำอีกด้วย
แต่ก็มีข้อแม้อยู่ 1 ข้อ คือหลังจากการแปรงแห้งแล้ว ไม่ควรรับประทานอาหารในทันที ควรรออย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ฟลูออไรด์เคลือบฟันดีเสียก่อน หากรับประทานอาหารในทันทีฟลูออไรด์ก็จะหายไปไม่ต่างจากการใช้น้ำเช่นกัน
เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น ลองฟังคลิปจาก หมอแลปแพนด้า กันครับ
เรียบเรียงโดย : เรื่องเล่าคนเข้าป่า
โฆษณา