14 พ.ค. 2020 เวลา 05:00 • กีฬา
หลังจากรอคอยมานานหลายปี ในที่สุด อากัสซี่ก็ได้รับโทรศัพท์จากสเตฟฟี่ กราฟ นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงในฝันกดโทรหาเขา เรื่องราวความรักของอากัสซี่กับกราฟจะเป็นอย่างไรต่อ ติดตามได้ใน Part 5 ของเรา
รูปแบบของความรัก สำหรับคน 2 คน แบ่งได้กว้างๆ เป็น 3 ประเภท คือ คู่แท้ คู่มิตร และ คู่กรรม
- คู่แท้ คือ คู่ที่เกิดมาเพื่อกัน คิดตรงกันในเรื่องสำคัญ ศีลเสมอกัน สองคนนี้ รักกันนานเท่าไหร่ ความรักยังคงเต็มในหัวใจเช่นเดิม ชีวิตนี้ ขอแค่เธอคนเดียวก็โอเค ไม่ต้องการใครอีกแล้ว
- คู่มิตร คือ คู่ที่ไม่ได้มีความรักหวือหวา ไม่ได้ทำให้ใจเต้นตลอดเวลา แต่เป็นคู่ที่สามารถอยู่กันได้เรื่อยๆไปตลอด เพราะนอกจากสเตตัสคนรักแล้ว ทั้งสองยังมีความเป็นเพื่อนรวมอยู่ในความสัมพันธ์ด้วย
6
- คู่กรรม คือ คู่ที่คิดขัดแย้งกันเสมอ ดูไม่มีอะไรเข้ากันได้ คบไปทะเลาะไป ทุกข์มากกว่าสุข แต่กลับคบกันมาได้เรื่อยๆ ไม่เลิกกันเสียที เหมือนกับว่ากรรมของสองคนมาผูกกันเอาไว้ ให้ต้องอยู่ร่วมกันในชาตินี้
สำหรับอันเดร อากัสซี่ นักเทนนิสระดับโลก เขาเคยผ่านความรักแบบคู่มิตรมาแล้ว นั่นคือแฟนคนแรกเวนดี้ สจ๊วร์ต ที่เป็นเพื่อนกันสมัยเด็ก
จากนั้นก็ผ่านความรักแบบคู่กรรม กับบรู๊ค ชิลด์ สองคนที่ไม่มีอะไรเข้ากันเลย แต่สุดท้ายไปไกลถึงขั้นแต่งงานกัน ก่อนจะหย่าร้างกันไป ทั้งๆที่ยังแต่งได้ไม่ถึง 2 ปี
1
เมื่อผิดหวังในรักมา 2 ครั้ง อากัสซี่จึงอยากสมหวังในรักที่ 3 และก็คาดหวังว่าชีวิตจะได้เจอคู่แท้กับเขาเสียที
การ์ดวันเกิด ที่อากัสซี่เขียนให้สเตฟฟี่ กราฟ มีเนื้อความว่า
1
"ถึงสเตฟฟี่ ผมอยากจะถือโอกาสนี้แฮปปี้เบิร์ธเดย์คุณ ยินดีด้วยที่คว้าแชมป์เฟรนช์โอเพ่นได้ และ แม้จะไม่สามารถเข้าถึงความรู้สึกของคุณได้ทั้งหมด แต่ผมมีความสุขจริงๆที่คุณชนะ"
หลังจากได้เบอร์โทรศัพท์จากอากัสซี่มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยติดต่อไปเลยแม้แต่หนเดียว คราวนี้กราฟคิดว่า เธอควรจะโทรหาเขาเสียที อย่างน้อยก็เป็นการขอบคุณกับการ์ดวันเกิด
"สวัสดี นี่สเตฟานี่นะ" กราฟโทรเข้ามือถือของอากัสซี่
ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ของกราฟ อากัสซี่ วิ่งไปทั่วห้องอย่างบ้าคลั่ง เขาไถลตัวไปกับพื้น เหมือนนักฟุตบอลตอนยิงประตูได้ ก่อนที่จะสงบสติอารมณ์แล้วไปนั่งคุยอยู่ที่ระเบียงในห้องพักที่โรงแรม
ทั้งคู่ทักทายกัน และคุยเรื่องจิปาถะเล็กน้อย ก่อนที่อากัสซี่จะเริ่มเข้าประเด็น เพราะเขามีสิ่งที่อยากบอกกราฟมานานแล้ว
"ย้อนกลับไปที่คีย์บิสเคน ตอนเราโทรคุยกัน คุณบอกว่าไม่อยากให้ผมต้องเข้าใจผิด ใช่ไหม" อากัสซี่ย้อนความหลังไปเมื่อ 4 เดือนก่อนที่ไมอามี่ เพราะเขาโทรหากราฟ แต่กราฟไม่คุยด้วย โดยยืนยันว่าเธอมีแฟนแล้ว
"ผมก็อยากจะเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดๆเหมือนกัน"
"ผมคิดว่าคุณช่างงดงาม ผมศรัทธาในตัวคุณ ชื่นชมคุณ และผมจะยินดีอย่างยิ่งถ้าคุณให้โอกาสผมรู้จักคุณมากกว่านี้ นั่นคือเป้าหมายของผม"
"บอกผมหน่อยได้ไหม ว่าผมมีสิทธิ์จะรู้จักคุณมากกว่านี้ได้ เป็นไปได้ไหม ถ้าเราจะไปดินเนอร์กันสักครั้ง"
กราฟตอบกลับอย่างเรียบง่ายด้วยคำเดียว "ไม่"
"ขอร้อง" อากัสซี่พยายามอ้อนวอน
"มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะฉันมีแฟนแล้ว"
ว้าว .. นี่เป็นไม้เด็ดที่ทำให้อากัสซี่กระอักเลือดในการคุยโทรศัพท์ครั้งก่อน แฟนของสเตฟฟี่ กราฟ คือ มิชาเอล บาร์เทลส์ นักแข่งรถชาวเยอรมัน ทั้งสองคนคบกันมา ปีที่ 6 ย่างปีที่ 7 แล้ว มันนานมากจริงๆ ถามจริงว่าเขาจะมีสิทธิ์หรอ กับคนที่คบกับแฟนนานขนาดนี้
อากัสซี่เงียบ กราฟเงียบ ถ้าอากัสซี่ไม่พูดอะไรสักอย่าง กราฟต้องขอวางสายแน่ และความสัมพันธ์ของเขาก็ต้องจบลงตรงนี้ ดังนั้นอากัสซี่จึงดิ้นรนเฮือกสุดท้าย แล้วพูดออกไปว่า
"6 ปี มันนานมากนะ"
กราฟได้ยินดังนั้นก็สะอึก เธอตอบสั้นๆว่า "ใช่ มันนานจริงๆ"
สิ่งที่อันเดรคิดคือ ตามปกติคนเราคบกัน 6-7 ปี ต้องคิดสร้างครอบครัวแล้ว กราฟควรแต่งงานกับบาร์เทลส์ไปนานแล้ว แต่ถึงวันนี้เธออายุ 30 ปีแล้ว เธอก็ยังไม่ได้แต่งเสียที อายุก็มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคิดจะมีลูกก็ยากขึ้นอีก เป็นไปได้ไหมที่ความสัมพันธ์ของเธอกับบาร์เทลส์อาจถึงทางตันแล้ว
ถ้าจะใช่ มันใช่ไปแล้ว ...
"สเตฟานี่ ผมเชื่ออย่างหนึ่งนะ" เขารุกต่อทันที "ชีวิตคนเราถ้าคุณไม่เดินไปข้างหน้า แปลว่าคุณกำลังถอยหลังอยู่"
กราฟไม่พูดอะไรเลย แต่การที่กราฟไม่พูดอะไร ทำให้อากัสซี่รู้ว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว
1
"ผมอาจจะไม่ใช่คนที่คุณตามหา แต่... " อากัสซี่กลั้นหายใจ รอว่ากราฟจะพูดเบรกเขาขึ้นมาหรือเปล่า แต่เธอยังฟังอยู่ "ผมไม่ได้อยากจะเข้าไปแทรกกลาง หรืออะไรทั้งสิ้น แต่ผมแค่ขอ ขอให้คุณรู้จักผมมากขึ้นได้ไหม ขอร้อง"
1
"ไม่" กราฟตอบ
"กาแฟล่ะ ไปกินกาแฟกันสักถ้วยก็ยังดีนะ"
"อันเดร ฉันไม่สามารถไปไหนมาไหนสองคนกับคุณในที่สาธารณะได้หรอกนะ มันไม่ถูกต้องเลย"
"โอเค งั้นจดหมายล่ะ ผมเขียนจดหมายคุยกับคุณเป็น Pen-Friend ได้ไหม" ถึงตรงนี้กราฟหัวเราะออกมา สมัยนี้ ใครเขาเป็น Pen-Friend กันอีก
2
"จดหมายก็ไม่ได้อันเดร ถ้าคุณเขียนอะไรที่ล่อแหลมมา แล้วมีคนเปิดอ่านล่ะ มันไม่ถูกต้องหรอก"
อันเดร เอากำปั้นทุบหัวตัวเอง คิดสิคิด อันเดร อากัสซี่ใช้สมองหน่อย จะมีหนทางไหนอีกบ้าง และเขาก็นึกไอเดียสุดท้ายออก
1
"งั้นเอาแบบนี้ได้ไหม คุณลงแข่งทัวร์นาเมนต์หน้า ที่ซานฟรานซิสโก ผมจะบินไปที่นั่นเพื่อฝึกซ้อมกับแบรด คุณบอกว่าคุณรักซานฟรานซิสโกใช่ไหม เจอกันที่นั่นแบบเงียบๆ ไม่เจอใคร กินข้าวด้วยกันแค่ 1 มื้อในฐานะเพื่อน"
1
อากัสซี่หว่านล้อมทุกอย่าง ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่อยู่ไกลจากคนรอบตัวของกราฟ และเขาอยากให้เธอรู้ ว่าเขาจำได้ดีที่เธอเคยบอกว่าชอบเมืองอะไรที่สุด
1
กราฟหยุดคิด แล้วตอบว่า "อันนี้ ... พอเป็นไปได้"
จริงดิ! เป็นไปได้หรือนี่ อากัสซี่กลัวเหมือนกันว่ากราฟจะเปลี่ยนใจแต่เธอไม่พูดอะไร เมื่อนั้นเขารีบพูดขึ้นมาทันที "งั้นให้ผมโทรหาคุณ หรือคุณจะโทรหาผมดี"
"คุณโทรมาหลังจบทัวร์นาเมนต์ละกัน จากนี้ไปเราสองคนมุ่งมั่นที่วิมเบิลดันกันก่อน" กราฟกล่าว ก่อนที่เธอจะให้เบอร์โทรศัพท์มือถือกับอันเดรเอาไว้ แล้ววางสายไป
อากัสซี่รีบเขียนเบอร์ของกราฟ ไว้ในแผ่นกระดาษเช็ดปากที่วางอยู่ใกล้มือที่สุด จากนั้นก็จูบกระดาษหนึ่งทีอย่างมีความสุข ก่อนจะเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าแร็กเกตแทนเครื่องรางนำโชค พระเจ้า นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของสเตฟฟี่ กราฟ เขาได้มันอยู่ในมือแล้ว
วิมเบิลดันแข่งขันยาว 2 สัปดาห์เต็ม อากัสซี่ เข้าชิงกับพีท แซมพราส ส่วน กราฟเข้าชิงกับลินเซย์ ดาเวนพอร์ท และปรากฏว่าทั้งอากัสซี่ และ กราฟ พร้อมใจกันแพ้รอบชิงทั้งสองคน
ทันทีที่แพ้ อากัสซี่ไม่ได้ฟูมฟายอะไร เพราะใจเขาคิดถึงเรื่องอื่นอยู่นั่นคือ โทรศัพท์!
พอตรวจสารกระตุ้น และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเรียบร้อย อากัสซี่รีบหยิบโทรศัพท์ กดเบอร์โทรหากราฟทันที ก็จบทัวร์นาเมนต์แล้วนี่ เขาอยากรีบโทรหาเธอ เพื่อจะได้บอกให้รู้ว่า ทันทีที่โทรได้ เขานึกถึงเสมอและรีบโทรมาทันที
แต่โทรศัพท์ของอากัสซี่ ไปเข้าวอยซ์เมลบ็อกซ์ของกราฟ นั่นทำให้อากัสซี่ทิ้งเสียงเอาไว้ว่า "สวัสดี นี่อันเดร ทัวร์นาเมนต์จบแล้วนะ ผมแพ้พีท และเสียใจกับคุณด้วยที่แพ้ลินด์เซย์ โทรกลับหาผมนะ"
1 วันผ่านไป โทรศัพท์เงียบ 2 วันผ่านไปยังเหมือนเดิม อากัสซี่พยายามจ้องโทรศัพท์แล้วส่งกระแสจิตบอกมันว่า "ดังขึ้นมาสิ!" แต่มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
อันเดรทนไม่ไหวโทรหาสเตฟฟี่อีกครั้ง คราวนี้ไม่มีคนรับสาย สักพักระบบก็เข้าสู่การฝากเสียงเข้าวอยซ์เมลบ็อกซ์
อากัสซี่บินกลับจากลอนดอนไปนิวยอร์ก เพื่อร่วมงานการกุศลตามโปรแกรม พอลงเครื่องเปิดมือถือ ไม่มีข้อความทิ้งไว้ ไม่มีคนโทรมา ไม่มีอะไรเลย
ไม่ว่าเขาจะทำอะไร อากัสซี่เช็กมือถือทุก 15 นาที แต่ไม่มีการติดต่อใดๆกลับมาจากกราฟ ยิ่งไปกว่านั้น กราฟยังแคนเซิลรายการที่ซานฟรานซิสโก เมืองที่ทั้งคู่นัดเจอกันอีกต่างหาก
มันตีความได้ง่ายมากเลย คือเธอไม่ได้อยากมาเจอเขา ก็เลยปิดเครื่องหนีไปเลย เขาโดนเทซึ่งหน้า ซึ่งอากัสซี่กำลังช็อกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนแรกเหมือนเขากับเธอจะมีโอกาสได้คุยกันแล้วแท้ๆ แต่มันกลายเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้ หรือเธอจะรู้สึกผิดกับแฟน หรืออะไร เขาไม่รู้อะไรเลย
อากัสซี่โทรหาเพื่อนสนิท เจพี ให้มาหาเขาทีที่นิวยอร์กเพื่อปรึกษาว่า เขาโดนเทแบบนี้ได้อย่างไร ต้องเดินเกมแบบไหนต่อ ซึ่งพอเจพีมาถึง ยังไม่ทันได้คุยอะไร ก็พาอากัสซี่ไปปาร์ตี้รอบเมือง เจพีนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังพาเขากินเหล้า ดูดซิการ์ สรุปอากัสซี่ก็งงว่าเจพี มาทำอะไรกันแน่ฟะ
2
เพื่อนสนิทของอากัสซี่อีกคนชื่อ โบ ดีเทิ้ล เป็นนักข่าวช่องฟ็อกซ์ โดยโบ จัดงานปาร์ตี้ที่บ้านหรู ย่านแฮมป์ตัน อากัสซี่ก็ไปร่วมงานด้วย แต่แน่นอน ใจของเขายังว้าวุ่นอยู่ถึงกราฟ เขาตัดสินใจยืมโทรศัพท์บ้านของโบ โทรเข้าเครื่องสเตฟฟี่ แต่ก็เหมือนเดิมคือไม่มีคนรับ แล้วตรงเข้าวอยซ์เมลบ็อกซ์ คือตอนแรกเขาคิดว่า เธอจะเลี่ยงไม่รับสายเขาหรือเปล่า แต่นี่ไม่ใช่ เบอร์ไหนเธอก็ไม่รับทั้งนั้น หรือเบอร์ที่เธอให้ เป็นเบอร์ปลอมหรือเปล่า
1
ในงานปาร์ตี้ อากัสซี่ หงุดหงิดใจ จนดื่มมาร์การิต้า 4 แก้ว ตอนนี้เขาเมาได้ที่ เออ ช่างแม่งแล้ว ไม่รับ ไม่ติดต่อกลับ ช่างสเตฟฟี่ กราฟสิ อันเดรควักกระเป๋าตังค์ กับมือถือวางไว้ที่นั่งริมสระ ก่อนจะกระโดดพุ่งลงน้ำตูม! ทั้งๆที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ ซึ่งทุกคนในงานปาร์ตี้ก็ทำตามกันหมด บรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้นมาก
1 ชั่วโมงต่อจากนั้น อากัสซี่เริ่มสร่าง แล้วขึ้นมาจากสระ หยิบมือถือมาดูและพบว่า มีวอยซ์เมลหนึ่งฉบับในเครื่อง อากัสซี่รีบเปิดฟังทันที
1
"สวัสดีอันเดร ฉันขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ติดต่อคุณกลับไป ฉันป่วยหนักมากๆ ร่างกายฉันหมดสภาพมากๆ หลังจบวิมเบิลดัน นั่นทำให้ต้องถอนตัวจากรายการที่ซานฟรานซิสโก รีบตรงดิ่งกลับมาพักฟื้นร่างกายที่เยอรมัน แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว ติดต่อกลับมาหาฉันทีนะ"
2
พระเจ้า ในที่สุด หลังรอคอยมาหลายวันเหลือเกิน สเตฟฟี่ กราฟ ก็ติดต่อเขา สรุปเธอแค่ไม่สบาย เขาจินตนาการไปไกลแบบไร้สาระมาก ในวอยซ์เมล กราฟไม่ได้ทิ้งเบอร์โทรไว้ ก็ใช่น่ะสิ เพราะเธอเคยบอกเบอร์กับอากัสซี่มาแล้วนี่
1
มือถือของอันเดร เป็นโทรศัพท์ยุคเก่าที่เซฟเบอร์ไม่ได้ และไม่มีประวัติการโทร ดังนั้นเวลาเขาโทรหากราฟ เขาจะกดเบอร์จากกระดาษที่จดเอาไว้เสมอ
แต่เดี๋ยว .. เบอร์อยู่ไหนนะ
อากัสซี่ใจหายวาบ เมื่อกี้เขาหยิบกระดาษขึ้นมาโทรหากราฟผ่านโทรศัพท์บ้านของโบ แล้วเขาไม่ได้เก็บมันไว้ในกระเป๋าตังค์ แต่ใส่ในกระเป๋ากางเกงเอาไว้ แล้วเขากระโดดเล่นน้ำไปทั้งอย่างนั้น อากัสซี่หยิบกระดาษเช็ดปาก ที่จดเบอร์ขึ้นมา แน่นอน กระดาษเละไปแล้ว เบอร์ไม่มีอีกต่อไป
สเตฟฟี่ กราฟ เป็นคนเก็บตัวมาก เธอไม่มีวันบอกเบอร์โทรศัพท์ใครง่ายๆ เขาไปสืบจากไหนก็ไม่มีทางรู้หรอก ให้ตายเถอะ อันเดร นายจะตายน้ำตื้นแบบนี้ไม่ได้นะ
2
และเขาก็นึกออก เมื่อกี้เขาโทรหากราฟ ผ่านโทรศัพท์บ้านของโบนี่นา ดังนั้นก็น่าจะมีบันทึกประวัติโทรศัพท์ ถ้าไปขอบริษัทโทรศัพท์ดูก็อาจจะได้
1
"โบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายต้องไปเอาเบอร์โทรมาให้ได้ นายจะให้ฉันไปเล่นงานหรือฆ่าใครบอกมาได้เลย แต่นายต้องเอาประวัติการโทรกลับมา ทำเลย!" อากัสซี่ขอร้องโบ ดีเทิ้ล ซึ่งสุดท้ายโบก็ยอมทำตามจริงๆ เขาใช้เส้นสายติดต่อกับเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ และได้เบอร์ของกราฟคืนมาในที่สุด
1
"คราวนี้ ผมเขียนใส่กระดาษไว้ 6 แผ่น และเขียนใส่มือตัวเองด้วย!" อากัสซี่กล่าว
เมื่อได้เบอร์ปั๊บ อากัสซี่โทรหากราฟทันที เธอรับหลังจากเสียงรอสายดังไป 3 กรี๊ง อากัสซี่รีบบอกกราฟทันทีว่าเขาต้องพยายามมหาศาลแค่ไหน เพื่อโทรหากลับเธอครั้งนี้ ซึ่งพอกราฟได้ฟัง เธอก็หัวเราะ
"สเตฟานี่ ในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้า เราสองคนจะมีโปรแกรมแข่งใกล้ๆกับลอสแองเจลิส เอาเป็นว่าเราไปเจอกันที่นั่น ... ได้หรือเปล่า?"
2
กราฟตอบกลับว่า "ได้สิ"
2
อากัสซี่ลงแข่งขันรายการที่ลอสแองเจลิส เข้าชิงไปเจอพีท แซมพราส ก่อนแพ้ไป 2 เซ็ตรวด แต่เขาไม่แคร์อีกแล้ว เขารีบวิ่งออกมาจากสนาม ตอนนี้เขาจะได้ไปดินเนอร์กับผู้หญิงในฝันแล้ว เขากำลังจะกลายเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก
คืนนี้เขามีนัดกับกราฟ ที่ซานดีเอโก้ ซึ่งอยู่ห่างจากแอลเอ 2 ชั่วโมง ซึ่งพอแข่งจบอันเดร อาบน้ำ โกนหนวด เปลี่ยนใส่ชุดที่เตรียมเอาไว้ เขาจะขับตรงจากสนามแข่ง ไปที่ซานดีเอโก้ทันที
อากัสซี่ เดินออกจากสนาม มาถึงลานจอดรถ แต่ก็ต้องเซอร์ไพรส์ เพราะมีคนที่ยืนรอเขาอยู่กลางทาง นั่นคือบรู๊ค ชิลด์ ภรรยาที่เพิ่งหย่าร้างกันไป
"ฉันได้ยินว่าคุณอยู่ในแอลเอ เลยแวะมาหาคุณหน่อย มาดูคุณแข่ง" บรู๊คพูด ก่อนจะมองอากัสซี่หัวจรดเท้า แล้วแซวว่า "ว้าว แต่งตัวซะเนี้ยบเชียว มีเดทครั้งสำคัญหรือไง กับใครหรอ"
อากัสซี่ถอนหายใจ เดี๋ยวบรู๊คก็ต้องรู้อยู่ดี "ผมจะออกไปดินเนอร์กับสเตฟฟี่ กราฟ"
แน่นอน ความทรงจำของทั้งคู่แว้บเข้ามา เพราะก่อนแต่งงาน บรู๊คเองนี่ล่ะ ที่ติดรูปกราฟไว้บนตู้เย็น เพื่อเป็น Body Goal ของเธอ แต่สิ่งที่เธอเพิ่งรู้คืออากัสซี่เอง ชอบสเตฟฟี่ กราฟมากยิ่งกว่าเธออีก
"คุณอย่าบอกใครนะ สเตฟฟี่เธอเป็นคนที่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ผมขอร้อง" อันเดรบอก
1
"โอเค ฉันไม่บอกใครหรอก" บรู๊คตอบ "แต่คุณดูดีนะวันนี้"
"จริงหรอ"
"อือ ฮึ"
"ขอบคุณนะ"
อากัสซี่เดินขึ้นรถคาดิลแลคสีขาว รถคันนี้เขากับบรู๊คมีความทรงจำร่วมกันไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน
"สวัสดี ลิลลี่" บรู๊คเอามือไปจับรถคาดิลแลคสีขาว โดยคันนี้อันเดรกับบรู๊คร่วมตั้งชื่อกันว่า ลิลลี่ ตามสีขาวสะอาดเหมือนดอกลิลลี่
"ขอให้คุณมีความสุขนะ" บรู๊คกล่าว และจูบแก้มอากัสซี่เป็นการร่ำลา
2
อากัสซี่ขับรถออกมาจากลานจอด เขามองกระจกหลัง เห็นบรู๊คยืนอยู่ ใช่ ทั้งคู่มีความทรงจำร่วมกันมากมาย แต่การเจอกันวันนี้ ทำให้เขาชัดเจนในใจมาก ว่าเขามูฟออนจากบรู๊คไปได้เรียบร้อยแล้ว
บรู๊ค ชิลด์
ระหว่างทางขับรถไปซานดีเอโก้ อากัสซี่โทรหาเจพี เพื่อขอกำลังใจ แต่สิ่งแรกที่เจพีถามคือ "นายไปรับสเตฟฟี่ด้วยรถคาดิลแลคเปิดประทุนใช่ไหม แล้วตอนไปรับสเตฟฟี่ จะเปิดหลังคา หรือปิดหลังคาล่ะ"
เออว่ะ เขาไม่ทันได้นึกถึงมาก่อนเลย ทั้งคู่คุยกันเรื่องเปิดหรือปิดหลังคาเป็นชั่วโมง
1
"ปิดหลังคาสิ ผู้หญิงเขากังวลเรื่องทรงผมทั้งนั้นแหละ ขับรถไปผมเผ้ายุ่งเหยิงก่อนไปถึงร้านอาหาร เธอจะแฮปปี้หรอ" เจพีแนะนำ
1
"เฮ้ย ใช่หรอ แต่รถเปิดประทุน ไม่ยอมเปิดหลังคา มันไม่ตลกหรอ มันไม่เท่นะ" อากัสซี่ตอบ
"คิดถึงทรงผมของเธอไว้สิ อันเดร ท่องไว้ ผมของเธอ ผมของเธอ" เจพีไม่ยอมแพ้
1
แต่สุดท้ายอากัสซี่เอาหลังคาลงอยู่ดี เขาขอเท่เอาไว้ก่อนให้เธอประทับใจดีกว่า
ก่อนที่จะวางสายกันไป อากัสซี่ถามเจพีว่า มีอะไรควรแนะนำไหม ซึ่งเจพีบอกว่า "อย่าพยายามเกินไป อย่าทำตัวเพอร์เฟ็กต์ เป็นตัวเองเข้าไว้"
"ถ้าในสนามแข่งฉันเข้าใจนะ แต่เวลาไปนัดกับสาว ฉันรู้สึกเหมือนหลงทิศหลงทางทุกทีเลย" อากัสซี่เองไม่ได้มีความมั่นใจ ยิ่งมาเจอกับสเตฟฟี่ กราฟคนที่เขารอคอยมาตลอดเขายิ่งไม่มั่นใจ
"อันเดร" เจพีแนะนำเป็นประโยคสุดท้าย "ในโลกนี้ มีคน 2 ประเภท คือผู้ตาม กับผู้นำ จะมีบางคนที่พร้อมเป็นผู้ตาม เดินตามเส้นทางที่คนอื่นกำหนดเสมอ แต่นายไม่ใช่อย่างนั้น นายคือผู้นำ สิ่งที่นายพูด คนอื่นจะรับฟังมัน ดังนั้นมั่นใจหน่อย คุมสถานการณ์ให้ได้"
1
อากัสซี่คุยกับเจพี แล้วทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น ในที่สุดเขาก็ขับรถไปถึงซานดีเอโก้ เพื่อเผชิญหน้ากับสเตฟฟี่ กราฟ
สเตฟฟี่ กราฟ เช่าห้องพักในรีสอร์ทที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง ซึ่งพออากัสซี่ขับไปถึง กราฟยืนรออยู่แล้ว เธอวิ่งขึ้นรถเขาทันที แล้วบอกว่า "ไปกินกันเลยไหม" อารมณ์ของกราฟ มองว่าการเจอกันครั้งนี้ คือการกินข้าวจริงๆ ไม่ใช่การเดท
"โว้วๆ เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งได้ไหม ผมมีของบางอย่าง อยากจะให้คุณ ขอผมไปที่ห้องคุณแป้บนึงได้ไหม แค่นาทีเดียว"
"นะ แค่นาทีเดียว"
ด้วยความเสียไม่ได้ กราฟเลยพาอากัสซี่ไปที่ห้อง เมื่อปิดประตูอากัสซี่ หยิบของขวัญขึ้นมา เป็นเทียนหลากสี ที่เขาซื้อมาจากลอสแองเจลิส มันอาจไม่ใช่อะไรใหญ่โต แต่เขาอยากมอบให้เธอ ซึ่งกราฟดูชอบอยู่เหมือนกัน
"โอเค ไปกันหรือยัง"
"เราจะมุ่งหน้าไปกินๆ แล้วก็แยกย้ายกันหรอ ผมคิดว่าก่อนเราจะไปร้านอาหาร เราเริ่มต้นด้วยการดื่มกันก่อนไหม" อากัสซี่ถาม
"ดื่ม ดื่มอะไร" กราฟถาม
"ผมไม่รู้สิ ไวน์สักแก้วมั้ง"
"ฉันไม่มีไวน์หรอกนะ"
"ผมว่าเราสั่งจากรูม เซอร์วิสได้นะ"
กราฟถอนหายใจ เธอเดินไปหยิบไวน์ลิสต์แล้วบอกให้อากัสซี่เลือกมาหนึ่งขวด นี่เป็นผู้ชายที่ดื้อด้านที่สุดที่เธอเคยเจอ โดยปกติแล้ว ตัวกราฟเป็นผู้หญิงที่เยือกเย็น พูดน้อย ดังนั้นไม่ว่าใครก็ต้องเกรงใจ แต่อันเดรไม่เป็นแบบนั้นเลย เขาไม่ได้เกรงใจเธอ เป็นคนประเภทที่อยากทำอะไรก็ทำ นี่ไปๆมาๆ เธอต้องสั่งไวน์มานั่งกินกับเขาอีก
ระหว่างที่กราฟกำลังคิด ปรากฎว่ารูมเซอร์วิสมาเคาะห้องแล้ว ตายล่ะ ถ้าเธอเปิดห้อง แล้วรูมเซอร์วิสเห็นว่า อากัสซี่อยู่ในห้องด้วย นี่จะเป็นข่าวหน้าหนึ่งทั้งโลกแน่นอน
"รีบไปหลบในครัวก่อนเร็ว" กราฟผลักอากัสซี่เข้าไปในครัว จากนั้นก็รีบมาเปิดประตูห้องเพื่อรับไวน์จากรูมเซอร์วิส ปรากฏว่า พอรับมาแล้ว เธอร้อนรนเกินไป จนเผลอทำขวดหล่นพื้น สุดท้าย ไวน์ชาโต้ เบย์เชเวลล์ ปี 1989 แตกกระจายเต็มห้อง
ไม่ได้ดื่มไวน์กันแล้วล่ะแบบนี้
อันเดร เดินออกมาจากครัว ช่วยกราฟเก็บเศษขวดที่แตกใส่ถังขยะ แล้วแซวสเตฟฟี่ว่า "ผมคิดว่าเราเริ่มต้นกันได้สุดยอดเลยเนอะ คุณว่าไหม"
อากัสซี่จองร้านอาหารจอร์จ ออน เดอะ โคฟ ซึ่งเห็นวิวมหาสมุทร เป็นโต๊ะที่เป็นส่วนตัว เขาเข้าใจความรู้สึกของกราฟดี ว่าแม้แต่กินข้าวในฐานะเพื่อน มันก็ไม่เหมาะสมนัก
แต่เขาอยากรู้จักเธอจริงๆนี่ ให้เขาทำไงล่ะ
ทั้งสองคนสั่งอกไก่ สลัด และมันฝรั่ง เหมือนกัน และเมื่ออาหารมาถึง กราฟก็กินอย่างตั้งใจ โดยอากัสซี่เห็นว่ากราฟไม่ใช่ผู้หญิงที่สนใจเรื่องการกินหรูหรามีระดับ เธอกินเพื่อให้พลังงานกับตัวเองจริงๆ แม้กราฟจะรวยมากๆ แต่เธอดูไม่ได้มีบุคลิกของคนติดหรูอะไรเลย
1
จากนั้นด้วยบรรยากาศที่เป็นใจ แสงไฟอ่อนๆของร้านอาหาร บวกกับวิวทะเล ทำให้ทั้งคู่เปิดใจคุยกันหลายๆเรื่อง และอันเดรกับกราฟพบว่า พวกเขามีอะไรคล้ายกันมากกว่าที่คิด
4
อันเดรเล่าให้ฟังเรื่องอะคาเดมี่เทนนิสที่ลาสเวกัส ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้โอกาสเยาวชนท้องถิ่นได้ฝึกเทนนิส ซึ่งกราฟประทับใจเรื่องนี้มาก เพราะเธอเองก็ตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กๆที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ที่แอฟริกาใต้ และโคโซโวเช่นกัน
จากนั้นเมื่อคุยเรื่องครอบครัว ทั้งสองคนก็มีอะไรคล้ายกัน คือทั้งคู่โดนพ่อกดดันมาตั้งแต่เด็กไม่ต่างกัน
พ่อของอากัสซี่ จับเขาเล่นเทนนิส ให้สู้กับผู้ใหญ่ตั้งแต่ยังเล็ก นั่นทำให้อากัสซี่เกิดความเครียด ครั้งหนึ่งตอนอายุ 13 อากัสซี่ได้รางวัลอันดับ 3 ในการแข่งขัน แทนที่พ่อจะภูมิใจ เขาเอาโทรฟี่อันดับ 3 โยนทิ้งในถังขยะ ถ้าไม่ได้ที่ 1 สำหรับพ่อก็ไม่มีความหมาย
สำหรับสเตฟฟี่ก็เช่นกัน ปีเตอร์ กราฟ คุณพ่อของเธอเคี่ยวเข็ญเรื่องเทนนิสตั้งแต่เด็ก โดยตอนกราฟยังตัวเล็กๆอยู่ ระหว่างการซ้อมเทนนิส คุณพ่อบอกว่า ถ้าเธอสามารถตีโต้กับพ่อได้ถึง 25 ครั้ง จะได้รางวัลเป็นไอศครีมสตรอว์เบอร์รี่
กราฟก็จะตีโต้อย่างตั้งใจเพื่อของรางวัลคือไอศครีม จนตีโต้มาได้ถึง 24 ครั้ง แต่พอครั้งที่ 25 พ่อเธอจะหวดเต็มแรงเพื่อให้เธอรับไม่ได้ และได้เรียนรู้กับความผิดหวัง
ในสายตาคนนอก ก็ล้วนชื่นชมปีเตอร์ กราฟ ที่เลี้ยงลูกได้อย่างยอดเยี่ยม จนโตขึ้นมาเป็นนักเทนนิสเบอร์หนึ่งของโลก แต่ในมุมของตัวลูกสาวเอง ที่โดนแรงกดดันซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน ไม่มีใครเข้าใจเธอเลย
แต่มาวันนี้ อากัสซี่เข้าใจ สิ่งที่เธอเคยเจอ เขาเองก็เคยเจอเช่นกัน
2
เรื่องแล้วเรื่องเล่าที่อากัสซี่กับกราฟนั่งคุยกันบนโต๊ะอาหาร เรื่องเทนนิส เรื่องโค้ช เรื่องแรงกดดันของนักกีฬามือ 1 ของโลก สิ่งเหล่านี้ไม่มีคนเข้าใจ แต่สำหรับทั้งคู่ มันดูง่ายไปหมด ความรู้สึกมันคลิกไปหมด
สำหรับอันเดร เขาแค่อยากรู้จักเธอ และอยากให้เธอรู้จักเขา
"ตอนที่คุณมีเวลาว่างชอบทำอะไรหรอ" อันเดรถาม
"ฉันชอบทะเล ชอบมหาสมุทร" กราฟตอบ
อันเดรรวมความกล้าแล้วถาม "สเตฟานี่ พรุ่งนี้เราสองคนไปชายหาดด้วยกันไหม"
"ฉันคิดว่าตอนเช้าคุณต้องบินไปแข่งที่แคนาดาไม่ใช่หรอ"
"ไม่ต้องห่วง ผมเลื่อนไปบินเที่ยวกลางคืนได้"
สเตฟฟี่ หยุดคิดแล้วตอบ "เอาสิ"
หลังจากดินเนอร์ อันเดรขับรถไปส่งสเตฟฟี่ที่โรงแรม ทั้งคู่ร่ำลากันด้วยยูโรเปี้ยนคิส แก้มชนแก้ม ตามมารยาทเหมือนเดิม ถึงตรงนี้ ยังไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวกันแม้แต่นิดเดียว
ความรู้สึกของอันเดรไปไกลแล้ว แต่สำหรับกราฟ เขาคิดว่าเธอก็รู้สึกดีนะ แต่เธอยังวางตัวแบบคาดเดาไม่ได้จริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น แดดอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ทอแสงที่ชายหาด มันเช้าเกินไปที่จะมีใครมาเล่นน้ำตอนนี้ คนที่ซานดิเอโก้ ไม่มีใครรู้เลยว่า นักเทนนิสระดับโลกสองคน ตอนนี้นั่งกันอยู่ที่ชายหาด
8
กราฟกางผ้าขนหนูลงบนพื้นทราย จากนั้นก็ถอดกางเกงยีนส์ขาสั้นของเธอออก เธอใส่ชุดว่ายน้ำแบบวันพีซสีขาว แสดงให้เห็นเรือนร่างที่สะกดผู้ชายได้ทุกคน ซึ่งแน่นอน ทุกคนที่ว่าย่อมรวมถึงอากัสซี่ด้วย
2
กราฟเดินลงทะเล แล้วหันมาหาอากัสซี่ ถามว่าจะลงมาเล่นด้วยกันไหม
"ปกติผมไม่ค่อยเล่นน้ำเลย กางเกงว่ายน้ำผมยังไม่มีเลย มาชายหาด ผมยังใส่กางเกงเทนนิสมาเลยด้วยซ้ำ ว่ากันตรงๆ ผมเกิดที่ลาสเวกัส มันเป็นเมืองแห่งทะเลทราย และคนที่อยู่ในทะเลทรายไม่ค่อยคุ้นชินกับการเล่นน้ำทะเลหรอก" อากัสซี่เล่า
"แต่ตอนนี้ เมื่อสเตฟฟี่อยู่ ต่อให้ต้องว่ายไปเมืองจีน ผมก็จะไป"
1
ทั้งคู่ลงไปเล่นทะเลกันอย่างสนุกสนาน จากนั้นเมื่อขึ้นมาที่ชายหาด อากัสซี่ตัดสินใจบอกความลับกับสเตฟฟี่ "คุณรู้ไหมว่าผม เกลียดเทนนิส"
นักกีฬามือ 1 ของโลก แต่เกลียดกีฬาที่ตัวเองเล่น ฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่สำหรับอากัสซี่เขาคิดแบบนั้นจริงๆ เทนนิสมันทำให้เขาทุกข์ทรมานตั้งแต่เด็ก แต่ปัญหาคือ มันดันเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ดี เขาจึงอยู่ร่วมกับเทนนิสด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด
1
กราฟไม่ได้พูดอะไร เธอหันมา และทำสีหน้าเข้าใจ เหมือนจะบอกว่า เธอเองก็รู้สึกไม่ได้ต่างกันเลย
สเตฟฟี่เล่าเรื่องของตัวเองบ้าง เธอถามว่าอันเดรรู้ไหมว่า เธอมีสถิติดีมากในการวิ่งระยะกลาง ครั้งหนึ่งเคยไปซ้อมกับทีมวิ่งโอลิมปิกของเยอรมันมาแล้ว
"คุณถนัดวิ่งระยะไหนมากที่สุดหรอ" อันเดรถาม
"800 เมตร" กราฟตอบ
"โว้ว จริงหรอ คุณวิ่งเร็วแค่ไหนกันล่ะ บอกได้ไหม"
กราฟไม่ได้ตอบแต่ยิ้มอย่างเขินอาย
"คุณไม่อยากบอกผมหรอ" อันเดรถามต่อ แต่กราฟยังเงียบอยู่
"น่า บอกหน่อยเถอะนะ ผมอยากรู้จริงๆว่าคุณวิ่งเร็วแค่ไหน"
ด้วยความดื้อของอันเดร กราฟจึงชี้นิ้วไปที่ลูกบอลชายหาดสีแดง ที่อยู่ไกลจากทั้งคู่ราวๆ 100 เมตร "อันเดร คุณเห็นบอลสีแดงลูกนั้นมั้ย"
"เห็นสิ ทำไมหรอ"
"คุณ ไม่มีวันวิ่งชนะฉันได้แน่นอน"
"มั่นใจเลยหรอ" อันเดรถาม
"แน่นอน" กราฟตอบอย่างมั่นใจ
ไม่ต้องรอให้อากัสซี่ตั้งตัว กราฟลุกขึ้นทันที แล้วสปรินท์ตัวไปที่ลูกบอลชายหาดสีแดง อากัสซี่ไหวตัวทัน รีบลุกแล้ววิ่งตามไปทันที
สำหรับอากัสซี่นั้น ตลอดสิบปี เขาไล่ตามเธอมาตลอด เพียงเพื่อแค่ให้เธอคุยกับเขาสักคำ และในตอนนี้ เขาก็กำลังไล่ตามเธอจริงๆ แต่ระยะห่างกันแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
กราฟวิ่งเร็วมากเหมือนที่เธอพูดจริงๆ แต่อากัสซี่ก็เอาจริง เขาวิ่งเต็มสปีดเพื่อไล่เธอให้ทัน แต่สุดท้ายกราฟวิ่งไปคว้าลูกบอลชายหาดสีแดงได้ก่อนอย่างฉิวเฉียด
กราฟรีบหมุนตัวหันมาหาอากัสซี่ทันทีแล้วหัวเราะเต็มเสียง บอกแล้วไง ไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอก
สำหรับอันเดร เขายืนนิ่งมองกราฟ ผู้หญิงที่คนทั่วไปมองว่าเป็นคนเย็นชาขนาดนั้น กลับหัวเราะให้เขาอย่างจริงใจ
วันนี้ จริงอยู่ว่าเขาวิ่งแพ้สเตฟฟี่ แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย คือรสชาติของความพ่ายแพ้ มันจะทำให้มีความสุขได้มากขนาดนี้
หลังจากวันที่ชายหาด อันเดรบินไปแข่งที่แคนาดา ส่วนกราฟบินไปที่นิวยอร์ก จากนั้นกราฟบินไปแข่งอีกรายการที่ลอสแองเจลิส ส่วนอันเดรกลับบ้านที่ลาสเวกัส แต่แม้จะอยู่ห่างกัน ทั้งคู่ยังคุยกันเสมอผ่านทางโทรศัพท์ และเพิ่มความสนิทมากขึ้นเรื่อยๆ
กราฟนั้นยังวางตัวได้ดีมาก เธอไม่แตะเนื้อต้องตัวอันเดรตอนอยู่ด้วยกัน ขณะที่ตอนคุยโทรศัพท์ก็ไม่มีการพูดจาเรื่องความรัก เธอพยายามวางเส้นแบ่งเอาไว้ให้ชัดเจนที่สุด แต่แน่นอน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งรู้จักกัน ตัวกราฟเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า ความรู้สึกที่เธอมีให้อันเดร มันไม่ใช่แค่เพื่อนแล้ว
ทั้งสองคนเข้าใจกันทุกอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ เธอเกิดที่เมืองบรูล เมืองมรดกโลกในเยอรมัน ขณะที่อากัสซี่เกิดที่ลาสเวกัสเมืองแห่งแสงสี ซึ่งจะว่าไปแล้วดูไม่น่าจะมีเคมีเข้ากันได้เลย
หนึ่งในบทสนทนาที่สำคัญที่สุดของทั้งสองคน เกิดขึ้นตอนที่กราฟถามอากัสซี่ว่า ชอบหนังเรื่องอะไรมากที่สุด
"บอกไปคุณอาจจะไม่เคยรู้จักเลยก็ได้" อากัสซี่ตอบ
"ลองบอกฉันหน่อยสิ" กราฟอยากรู้
"โอเค มันเป็นหนังเก่าหลายปีแล้วนะ ชื่อ Shadowlands เกี่ยวกับนักเขียนชื่อ ซีเอส ลูอิส" เรื่องนี้เป็นหนังดราม่าชีวประวัติ นำแสดงโดยแอนโธนี่ ฮอปกินส์ มันไม่ใช่หนังระดับบ็อกซ์ออฟฟิศอะไรเลย
อากัสซี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ร่วงลงพื้นจากปลายสาย จากนั้นเป็นเสียงกราฟ พูดขึ้นมาว่า "เป็นไปไม่ได้"
"นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่จริง นี่คือหนังที่ฉันชอบที่สุดเหมือนกัน"
ถึงจุดนี้ ทำให้บางอย่างในใจของสเตฟฟี่เปลี่ยนแปลงไป การเจอคนที่เข้าใจกันทุกอย่าง และคิดตรงกันขนาดนี้ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่เธอเจอแล้ว คำถามคือเธอควรทำอย่างไรกับหัวใจตัวเอง
กลางเดือนสิงหาคม กราฟตัดสินใจบินกลับไปเยอรมัน อากัสซี่ถามว่าเธอกลับไปทำอะไร ซึ่งกราฟตอบว่า "ฉันมีเรื่องบางอย่างที่ต้องเคลียร์น่ะ"
สเตฟฟี่ กราฟ ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้แล้วเช่นเดียวกัน แต่แน่นอน เธอต้องการทำให้ถูกต้อง
จะเริ่มต้นกับใคร ต้องจบกับคนเดิมก่อน
กราฟกลับเยอรมันไปเพื่อบอกเลิกมิชาเอล บาร์เทลส์ แฟนหนุ่มที่คบกันมา 7 ปี กับเหตุผลคือถ้ามันจะใช่ มันใช่ไปแล้ว ถ้ามันจะแต่งงาน คงแต่งไปนานแล้ว ไม่ต้องรอยืดเยื้อกันนานขนาดนี้
"เรามีช่วงเวลาที่ตึงเครียดต่อกันหลายครั้งตลอดช่วงเวลา 7 ปีที่คบกัน" กราฟอธิบายว่าทำไมเธอจึงจบความสัมพันธ์ "ฉันต้องบอกว่า มิชาเอลอยู่เป็นกำลังใจให้ฉันเสมอ แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันรู้สึกได้ว่า ระหว่างเราสองคน มันไม่เวิร์กอีกแล้ว"
โมเมนต์ที่มีกับอากัสซี่อาจจะสั้นกว่า แต่สำหรับกราฟ เธอคิดว่ามันใช่กว่า และเมื่อเธอตัดสินใจได้แบบนั้นแล้ว เธอก็จำเป็นต้องตรงไปตรงมากับบาร์เทลส์ เธอบอกเลิกเพื่อให้เขาได้ไปเจอคนที่รักเขามากกว่าเธอ
สเตฟฟี่บินกลับไปอเมริกา เธอไปหาอันเดรที่ลาสเวกัส ซึ่งอันเดรได้พาสเตฟฟี่ไปเที่ยวแบบชาวเวกัสขนานแท้ เข้าคาสิโน เดินที่สตริป และไปดูมวยไฟต์ระหว่างออสการ์ เดอ ลาโฮย่า กับเฟลิกซ์ ตรินิแดด ที่มันดาเลย์เบย์
คราวนี้ สเตฟฟี่ กราฟก็จับมือกับอันเดร อากัสซี่ในที่สุด
"มาถึงตรงนี้ไม่มีถอยหลังแล้วนะ" อากัสซี่บอกกับกราฟ
2
กราฟไม่พูดอะไรเธอมองหน้าอากัสซี่ แล้วยิ้ม
ใช่ เธอรู้
สเตฟฟี่ กราฟไม่ถอยหลังอีกแล้ว เพราะอันเดร อากัสซี่คือคนที่เธอเลือกแล้วเช่นกัน
คำตอบที่ถูกต้องเธอไม่รู้ว่าคือข้อไหน เพียงแต่เธอต้องการซื่อสัตย์กับหัวใจของตัวเองก็เท่านั้น
[จบ Part 5]
โฆษณา