15 พ.ค. 2020 เวลา 05:17 • สุขภาพ
" 10 ขั้นตอนง่ายๆ ลดไขมันหน้าท้อง "
ภาพจาก : https://pin.it/6VyYpm6
ก่อนที่จะลดไขมันหน้าท้องลง ฟางว่าเรามาทำความรู้จักกับไขมันส่วนนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ
3
หากใครที่มีรูปร่างอ้วนเหมือนลูกแอปเปิ้ล คือป่องตรงส่วนท้องมากกว่าส่วนอื่นๆ อาจเป็นไขมันที่สะสมมานาน และอยู่ในอวัยวะภายในมากกว่าที่จะเป็นไขมันนุ่มๆ สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง
ดังนั้นการจะลดไขมันที่อยู่ข้างในร่างกายได้ขนาดนี้ การออกกำลังกายอย่างเดียวไม่พอ ต้องควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารด้วยนะคะ วันนี้ฟางจะมาบอกวิธีลดไขมันหน้าท้องกันค่ะ มาดูกันเลย !!
1
1. ทานไฟเบอร์ที่ละลายน้ำ
1
ภาพจาก : https://pin.it/5kla63M
งง กันนิดๆ ใช่ไหมคะว่า ไฟเบอร์ละลายน้ำคืออะไร ? ส่วนใหญ่คนเราจะรู้เพียงแค่ว่าต้องทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงเวลาที่ท้องผูกกันใช่ไหมคะ ? งั้นเรามาทำความเข้าใจกับมันกันก่อนเลยค่ะ !!
5
ไฟเบอร์ คือ กากใยอาหารที่ได้จากพืชผักผลไม้และธัญพืช เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เอื้อต่อการทำงานของร่างกายและมีบทบาทในการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี
1
หลายคนอาจไม่รู้ว่าไฟเบอร์ในผักผลไม้นั้นมี 2 ชนิดนะคะ คือไฟเบอร์ละลายน้ำ (soluble fiber) ที่สามารถละลายในน้ำและก่อให้เกิดลักษณะเป็นเจลลื่นๆ กับไฟเบอร์ไม่ละลายน้ำ (insoluble fiber) คือ เมื่อทานเข้าไปจะย่อยสลายไม่หมด พืชผักผลไม้และธัญพืชส่วนใหญ่ประกอบด้วยไฟเบอร์ทั้งสองชนิด แต่สัดส่วนอาจจะมากน้อยต่างกันไปค่ะ
3
และยังเป็นอาหารช่วยควบคุมน้ำหนัก ป้องกันความดันสูง สร้างสมดุลระดับคลอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันภาวะท้องผูกและริดสีดวงทวาร ลดความเสี่ยงหลายโรค อาทิ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และมะเร็งทรวงอก นอกจากการรับประทานผักผลไม้เป็นประจำ การเพิ่มไฟเบอร์ในมื้ออาหาร เช่น การเปลี่ยนมาทานข้าวกล้องและธัญพืชไม่ขัดสี แค่วันละ 2 ครั้ง จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้มากถึง 21% เลยทีเดียวค่ะ
4
ทีนี้เรามารู้จักไฟเบอร์ละลายน้ำกันคะ จริงๆแล้วมันเป็นไฟเบอร์ที่ได้จากพืชที่มีเปคตินสูง เมื่อรับประทานเข้าไป เปคตินจะแปรสภาพเป็นเจลลื่น ๆ ที่ช่วยเคลือบระบบทางเดินอาหารและลดการดูดซึมไขมันเข้าสู่กระแสเลือดและยังป้องกันโรคต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้น และเนื่องจากเส้นใยที่ละลายน้ำนั้นเป็นสารระงับความอยากอาหารตามธรรมชาติมันสามารถช่วยลดน้ำหนักได้โดยทำให้คุณรู้สึกอิ่มค่ะ
4
นอกจากนี้ยังอาจลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปอีกด้วย และนี่เป็นอีกวิธีหนึ่งของไฟเบอร์ละลายน้ำที่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ด้วยการให้สารอาหารที่จำเป็นต่อการย่อยอาหาร
ผลของการย่อยและสลายเส้นใยที่ละลายน้ำได้ คือ การผลิตกรดไขมันสายสั้นซึ่งเป็นไขมันชนิดที่สามารถลดไขมันหน้าท้องได้ ส่วน อาหารที่มีไฟเบอร์ละลายน้ำสูงนั้น ก็จะประกอบไปด้วย ข้าวโอ้ต รำข้าวโอ้ต ถั่วเมล็ด และถั่วฝัก แอปเปิ้ล ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว แครอท ข้าวบาร์เลย์ ค่ะ
2. อยู่ให้ห่างจากอาหารที่มีไขมันทรานส์
ภาพจาก : https://pin.it/6zGxr8t
บางคนอาจจะยังไม่รู้ค่อยรู้จักไขมันทรานซ์นะคะ ฟางอธิบายย่อๆ แบบเข้าใจง่ายเลยคือ ไขมันทรานส์ (trans fat) เนี่ยเป็นหนึ่งในประเภทของไขมันทั้งหมดที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท คือ ไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว และไขมันทรานส์
ที่มีส่วนประกอบหลักคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีโครงสร้างชนิดทรานส์ พบได้เล็กน้อยจากไขมันในเนื้อสัตว์ และนม แต่ส่วนใหญ่ไขมันทรานส์จะเป็นไขมันที่ได้จากการสังเคราะห์ระหว่างกระบวนการผลิตอาหาร โดยการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันพืช เพื่อทำให้น้ำมันพืชแข็งตัวมากขึ้น และทำให้ไขมันที่ได้ดังกล่าวช่วยยืดอายุของอาหารได้มากขึ้นค่ะ และเพิ่มความคงตัวของรสชาติอาหารได้ค่ะ
3
นอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่าไขมันทั่วไป ดังนั้นวงการอุตสาหกรรม หรือผู้ประกอบการต่างๆ จึงนิยมใช้อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์มาประกอบอาหารกันค่ะ
1
ส่วนอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ที่ทุกคนควรหลีกเลี่ยงเลยนะคะ เช่น เนยขาว มาร์การีน ครีมเทียม ครีมเทียมข้นหวาน (ที่นิยมนำมาใช้ทำขนม ผสมเครื่องดื่มต่างๆ แทนเนยสด ครีมจริง หรือนมข้นหวานล้วน)
ดังนั้นเราถึงพบอาหารที่มีไขมันทรานส์สูงในอาหารตระกูลขนมหวานอย่าง คุกกี้ เค้ก โดนัท วิปครีม พาย ขนมกรุบกรอบต่างๆ อาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ เครื่องดื่มต่างๆ และอาหารที่มีส่วนประกอบที่กล่าวไว้ข้างต้นทั้งหมดเลยค่ะ แหม๋ๆ พอรู้อย่างนี้แล้วอันที่จริงมันคือของโปรดของใครหลายๆคนเลยใช่ไหมคะ ? 555+
3
3.ทานโปรตีนค่ะ
1
ภาพจาก : https://pin.it/3IOG0rZ
อย่างที่ฟางบอกตั้งแต่ต้นนะคะว่า เราไม่สามารถทำได้แค่การออกกำลังกายเพื่อลดหน้าท้องนะคะ เราต้องทานโปรตีนด้วย เพื่อสร้างกล้ามเนื้อค่ะ การที่จะสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงได้รูป หุ่นสวยเฟิร์มนั้น การฝึกออกกำลังกล้ามเนื้อ (เวทเทรนนิ่ง) ความมีวินัยอย่างสม่ำเสมอ การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ ยังถือว่าไม่เป๊ะสมบูรณ์ครบสูตรค่ะ
1
ยังมีสิ่งนึงที่สำคัญไม่แพ้กันนั้นคือ เรื่องโภชนาการ กล้ามเนื้อจะเติบโตได้จะต้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ ซึ่งสารอาหารที่มีส่วนช่วยโดยตรงในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อก็คือ " โปรตีน" โดยโปรตีนที่ได้รับนั้น จะต้องมีปริมาณที่เหมาะสมกับการใช้งานและ เหมาะสมกับปริมาณการฝึกกล้ามเนื้อด้วยนะคะ
2
จริงๆแล้วโปรตีน เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย ที่มีสัดส่วนมากเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากน้ำและส่วนที่เหลือเป็นไขมันค่ะ เมื่อร่างกายได้รับโปรตีนเข้าไป ร่างกายจะทำการย่อยสลายโปรตีนออกมา เป็น กรดอะมิโน (Amino acid) และ นำส่งไปใช้ประโยชน์ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายค่ะ
1
โปรตีนทานเท่าไหร่ดี ?
ตัวโปรตีนเองก็เป็นสารอาหารที่มีพลังงาน โดยโปรตีน 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 kcal สำหรับปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมนั้นสามารถแบ่งออกเป็นดังนี้ค่ะ
2
🌼 คนทั่วไปที่ไม่ได้ออกกำลังกายควรรับประทานโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
🌼 คนที่ออกกำลังกายระดับทั่วไปควรได้รับโปรตีนประมาณ 1.4 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
1
🌼 คนที่ออกกำลังกายเพื่อต้องการสร้างกล้ามเนื้อ ควรได้รับโปรตีนราวๆ 2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
1
สำหรับกลุ่มที่เป้าหมายในการสร้างกล้ามเนื้อควรแบ่งการทานโปรตีนออกเป็น 6-8 มื้อ ครั้งละราวๆ 30-50 กรัม โปรตีน (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว) โดยทานทุกๆ 2-3 ชม. เพื่อให้การดูดซึมโปรตีนนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งหากร่างกายดูดซึมโปรตีนได้ดี ก็จะเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้นค่ะ
5
ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานและไขมันได้ดีขึ้น ช่วยทำให้ปริมาณไขมันลดลง ทำให้น้ำหนักลดลง รูปร่างกระชับได้สัดส่วน มีหุ่นสวยเฟิร์ม และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บขณะทำกิจวัตรประจำวันได้ค่ะ
1
จริงๆแล้ว โปรตีนสามารถพบได้ในอาหารที่มาจากพืชและสัตว์ โดยแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย และร่างกายดูดซึมได้เร็ว คือ
1
⭐ เวย์โปรตีน ชนิด ไอโซเลท (isolate) และ เนื้อสัตว์ส่วนที่มีไขมันต่ำ
⭐ โยเกิร์ต ไข่ทั้งใบ นมและผลิตภัณฑ์จากนม
⭐ ถั่วเหลืองและเมล็ดพืช ค่ะ
4. อย่าหยุดเคลื่อนไหว
ภาพจาก : https://pin.it/5iwyKPM
อย่างที่ฟางบอกไว้เหมือนกันว่าการเปลี่ยนการทานอาหารต้องควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย กล้ามเนื้อของคุณจะลีบและอ่อนแอ หัวใจและปอดทำงานได้ไม่ดี ในขณะที่ข้อต่อก็จะฝืดและบาดเจ็บได้ง่ายด้วยนะคะ
ซึ่งวิธีการออกกำลังกายนั้นทำได้หลายวิธีแตกต่างกันเช่น การเดินเร็ว ๆ การวิ่งเยาะ ๆ การเต้นแกว่งแขน ยกขา อยู่กับที่ ในบ้าน ในสนามหน้าบ้าน หรือการทำโยคะ การเต้นแอโรบิคที่ถูกต้อง และที่สำคัญมาก ๆ คือ จะต้องดูตัวเราเองด้วยว่า อายุ สุขภาพ ของเราเหมาะกับการออกกำลังกายแบบไหนดีที่จะมีประโยชน์เหมาะกับร่างกายของเรา มากที่สุด ไม่ใช่ว่าจะออกกำลังกายตามคนอื่น ๆ นะคะ😅😅 ต้องเอาตัวเราเป็นหลักค่ะ
1
เวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกาย เนื่องจากการดำรงชีวิตของคนเราในสังคมยุคปัจจุบัน ทั้งในเมืองเล็กเมืองใหญ่ ในแต่ละวันจะต้องตื่นแต่เช้ารีบเร่งไปทำงาน ตอนเย็นเลิกงานแล้วต้องรีบกลับบ้าน การจราจรที่ติดขัด ดังนั้นการที่จะบอกว่า ออกกำลังกายเวลาไหนที่ดีที่สุดนั้นคงบอกชัดเจนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเวลา และความพร้อมของแต่ละคนนะคะ
3
ระยะเวลาในการออกกำลังกาย จะออกกำลังกายนาน กี่นาที กี่ชั่วโมง เรื่องนี้ก็เช่นกันค่ะ ทางด้านการแพทย์ก็ไม่ได้กล่าวไว้ตายตัวว่าออกกำลังกายนานแค่ไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ อายุ สุขภาพ ความแข็งแรงของร่างกาย มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง เช่นความดันโลหิต โรคหัวใจ ฯลฯแต่โดยทั่วไปทางการแพทย์แนะนำให้ ออกกำลังกายนานประมาณ 10 – 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 วัน หรือ วันเว้นวัน หรือ ออกกำลังกาย 10 นาที แล้วรู้สึกเหนื่อยก็ให้หยุดพักก่อน แล้วจึงออกกำลังกายต่ออีก จนครบเวลา 30 นาที ก็ได้ค่ะ
2
5. งดการกินน้ำตาล
2
ภาพจาก : https://pin.it/6HnTHcU
ข้อเสียของการกินหวานก็ยังมีผลโดยตรงต่อร่างกายนะคะ ดังนั้นก็ได้เวลาลด ละ เลิกอาหารรสชาติหวาน ๆ กันแล้วค่ะ เชื่อไหมว่าแค่เราลดน้ำตาลลง สุขภาพร่างกายของเราจะดีขึ้นอีกตั้งเยอะเลยค่ะ
แต่การงดทานน้ำตาลลงอาจทำให้รู้สึกโหยในช่วงแรกๆ จะด้วยความเคยชินของร่างกาย หรืออาจเป็นเพราะร่างกายกำลังปรับตัวกับปริมาณของน้ำตาลที่ลดลงค่ะ เมื่อเรางดน้ำตาลจะส่งผลให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ระดับคอเลสเตอรอลและไขมันแอลดีแอล จะลดลง รวมถึงความดันโลหิตก็อาจลดลงด้วยค่ะ
1
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณของเรากระจ่างใสมากขึ้นและลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคเบาหวาน น้ำหนักลดลง ความจำดีขึ้น และนอนหลับได้ดียิ่งขึ้นค่ะ เห็นไหมคะว่าการลดน้ำตาลลงมีแต่ผลดีต่อสุขภาพทั้งนั้น เพราะฉะนั้นงดทานน้ำตาลกันนะคะ
6. งดแอลกอฮอล์
2
ภาพจาก : https://pin.it/5ORlhAf
อันที่จริงแอลกอฮอล์ไม่ได้เป็นอันตรายทำลายสุขภาพอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่การดื่มที่ ‘มากเกินไป’ ต่างหากที่ทำลายสุขภาพ ดังนั้นหากคุณจะดื่มเหล้าก็ต้องมั่นใจว่าเลือกได้ดีและดื่มในปริมาณที่เหมาะสม หุ่นที่ฟิตมาทั้งปีจะได้ไม่พังแค่เพราะช่วงเทศกาล และสุขภาพจะได้ไม่เสียเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นะคะ 😊
เลือกเหล้าให้เป็น 😅
1
คุณจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าค็อกเทลหนึ่งแก้วมีพลังงานสูงถึง 700-800 แคลอรี เช่น ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที หรือแซงเกรีย และสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่เพราะปริมาณเหล้า หากแต่เป็นปริมาณน้ำตาลที่สูงกว่าน้ำอัดลมเสียอีก ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงค็อกเทลที่มีส่วนผสมเกิน 3 อย่างเพราะยิ่งเยอะ แคลอรียิ่งมากตามมาค่ะ 🍹
เลี่ยง ❌
ควรจะบอกลาค็อกเทลที่ใส่เหล้าผสมมิกเซอร์ที่มีน้ำตาลมากๆ อย่าง รัมแอนด์โค้ก วอดก้าแครนเบอรี่ วอดก้าผสมเครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงค็อกเทลไทยๆ ที่สมัยนี้นิยมใช้น้ำตาลสดหรือน้ำมะพร้าว เพราะน้ำผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้กล่อง หรือ คั้นสด ล้วนมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก เช่นเดียวกับค็อกเทลที่มาเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เช่น มาการิต้าปั่นในแก้วทรงสูง หรือพิน่าโคลาด้าที่อุดมด้วยน้ำตาล หรือจะกามิกาเซ่สีฟ้า เลี่ยงได้ควรสั่งอย่างอื่นแทนดีกว่านะคะ 🍸
4
เลือก 🍾
ยกตัวอย่างที่ดี เช่น แชมเปญซึ่งมีราวๆ 90 แคลอรี ไวน์แดงและไวน์ขาวเพราะมีเพียง 120 แคลอรีต่อแก้วมาตรฐาน มีคาร์โบไฮเดรต 5-6 กรัม และที่สำคัญยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ
1
🍺🍻 สำหรับการดื่มเบียร์อาจจะซับซ้อนหน่อยค่ะ เพราะเบียร์สูตรปกติ (150 แคลอรี) มันมีปริมาณแอลกอฮอล์และแคลอรีสูงกว่าสูตรไลต์ (105 แคลอรี)
แต่โอกาสที่คุณจะดื่มไลต์มากกว่าก็สูงมากเช่นกัน เพราะด้วยรสชาติอันเบาบางจากเดิมดื่มแค่ 3 กระป๋องมีตึง 🥴🥴
2
แต่สำหรับไลต์เบียร์ดื่มไป 5-6 กระป๋องยังไม่รู้สึกอะไร คำนวณแล้วปริมาณแคลอรีและคาร์โบไฮเดรตที่เข้าสู่ร่างกายเยอะกว่าสูตรปกติอีก แต่ไลต์เบียร์จะเวิร์กกว่าในกรณีที่คุณสามารถหยุดตัวเองได้เพียง 1-2 กระป๋องค่ะ แต่ปัญหาคือคุณจะหยุดได้ไหม ? 😂🤣🤣
2
โดยทั่วไปแล้วเมื่อคุณดื่มแอลกอฮอล์ตับจะเผาผลาญแอลกอฮอล์ แทนที่จะเป็นไขมัน ดังนั้นเพื่อให้ได้ขนาดเอวที่บางลงคุณจำเป็นต้องลดแอลกอฮอล์นะคะ แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องงดดื่มไปเลย หากจะดื่มควรดื่มไวน์หรือแอลกอฮอล์หนึ่งถึงสามแก้วต่อสัปดาห์ (“ แก้ว” คือไวน์ 5 ออนซ์แอลกอฮอล์กลั่น 1.5 ออนซ์หรือเบียร์ 12 ออนซ์) ค่ะ
ดังนั้น ไม่ใช่ว่าช่วงเทศกาลไหนก็ตาม จะเป็นข้ออ้างให้คุณไม่ออกกำลังกาย เพราะการรักษาความต่อเนื่องคือเคล็ดลับของการรักษาหุ่นได้อย่างเห็นผลนะคะ
1
ดังนั้นหากคุณไม่อยากน้ำหนักตัวขึ้นในสองสัปดาห์ อย่าหยุดออกกำลังกาย ฟางเข้าใจว่ามันโหด และอาจยากสำหรับบางคนกับการที่ต้องตื่นมาวิ่งหรือสควอตในสภาพซอมบี้ 55+ แต่ก็จงทำต่อไป เพราะวันหนึ่งคุณจะคิดได้เองว่าเป้าหมายของคุณคืออยากผอมและมีสุขภาพที่ดี เมื่อนั้นคุณจะดื่มลดลงเอง หรืออย่างน้อยก็ดื่มแค่พอเป็นกระษัยก็พอนะคะ อย่าดื่มในปริมาณมากๆเชียวล่ะ
2
8. ลดระดับความเครียดของคุณ
ภาพจาก : https://pin.it/2H4R9c8
ความเครียดเรื้อรังทำให้สมองของคุณหดและหน้าท้องของคุณจะเติบโต ความเครียดที่คุณได้รับจะกระตุ้นต่อมหมวกไตของคุณในการผลิตคอร์ติซอลหรือที่เรียกว่าฮอร์โมนความเครียด และคอร์ติซอลนั้นควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตไขมันและโปรตีนในเลือดเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านจิตใจค่ะ
1
ในช่วงเวลาที่มีความเครียดมากๆ คอร์ติซอลจะถูกปล่อยออกมาและทำให้เกิดน้ำตาลกลูโคสในเลือดของคุณ เป็นผลให้ระดับอินซูลินเพิ่มขึ้นและระดับน้ำตาลในเลือดของคุณลดลงนำคุณไปสู่ความอยากทานคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลค่ะ
1
ดังนั้นแทนที่จะเป็นสลัดที่คุณมีแนวโน้มที่จะกิน กลับต้องเปลี่ยนไปเป็น คุกกี้ หรือ อาหารฟาสฟู๊ดส์ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราเรียกว่า "อาหารที่สะดวกสบาย" ค่ะ
ดังนั้นระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื้อรังของฮอร์โมนความเครียด คอร์ติซอลสามารถทำให้น้ำตาลในเลือดและโคเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นภาวะซึมเศร้า ภาวะสมองเสื่อม และไขมันหน้าท้อง จะสะสมแน่นอนค่ะ
3
เพื่อช่วยลดไขมันหน้าท้อง คุณควรทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ หรือ โยคะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการปลดปล่อยความเครียดที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและลดน้ำหนักได้มากอีกหนึ่งวิธีเลยนะคะ
9. ทำโยคะ
1
ภาพจาก : https://pin.it/5lnCgbv
กุญแจดอกสำคัญในการลดไขมันหน้าท้องคือ การฝึกการออกกำลังกายที่เน้นการยืดและออกแรงกดบริเวณท้องของคุณ ซึ่งโยคะเป็นอีกหนึ่งวิธีในการกำจัดไขมันลดหน้าท้อง เพียงหยิบเสื่อโยคะ และชุดโยคะคู่ใจ แล้วเริ่มฝึกโยคะอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ วัน ก็เป็นการเริ่มต้นของการมีรูปร่างที่ดีค่ะ
คุณอาจพบว่าโยคะสำหรับการลดน้ำหนักมันอาจจะแปลกๆ สำหรับบางคน เพราะคนส่วนใหญ่ก็คิดว่ากิจกรรมที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจ เช่น แอโรบิก หรือ การวิ่ง นั้นเป็นเครื่องเผาผลาญไขมันที่ดีที่สุดใช่มั้ยคะ แต่จริงๆแล้วเวลาที่เราทำโยคะ ทำให้เราได้ สมาธิและมีสติ เวลาที่อยู่บนเสื่อช่วยให้คุณปรับตัวเข้ากับร่างกายได้มากขึ้นซึ่งนำไปสู่การลดระดับความเครียดได้ดีมากเลยค่ะ
1
โยคะ เป็นมากกว่าแค่ท่การทำท่านิ่ง ๆ ที่คุณทำในคลาส หรือที่บ้าน แต่โยคะสามารถช่วยลดรอบเอวของคุณและลดไขมันหน้าท้องได้ดีมากๆ เพราะท่าทั้งหมดของโยคะจะเน้นการเกร็งหน้าท้อง การบริหารเอวและหลัง ซึ่งหากคุณทำโยคะบ่อยๆไม่เพียงช่วยให้หน้าท้องแบนราบ แต่ยังช่วยดีท็อกลำไส้ได้อีกด้วยล่ะค่ะ
2
10. นอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมง
2
ภาพจาก : https://pin.it/5iwyKPM
สิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว มีอีกเหตุผลที่คุณมักมองข้าม นั่นก็คือ การนอนหลับพักผ่อนของเราในแต่ละคืนค่ะ และเชื่อหรือไม่คะ ว่าเพียงแค่คุณนอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน ก็มีโอกาสเสี่ยงทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากถึง 45 % ได้แล้วค่ะ
โดยทางด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า การนอนหลับนั้นจะส่งผลต่อความอ้วนโดยตรง ซึ่งการนอนหลับไม่เพียงพอสามารถส่งผลกระทบทำให้ฮอร์โมนในร่างกาย มีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด แถมยังทำให้ฮอร์โมนเกรลิน ที่เป็นฮอร์โมนแห่งความหิวเพิ่มสูงขึ้น และยังทำให้ฮอร์โมนเลปติน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความอิ่มลดลงจึงทำให้เราลดน้ำหนักได้ยากด้วยค่ะ
ดังนั้นการนอนดึกจึงทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น ทำให้เผลอกินอาหารมากจนเกินไปและรู้สึกอิ่มยากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนได้ค่อนข้างสูงนั่นเองค่ะ และการนอนหลับไม่เพียงพอสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนความเครียดซึ่งนำไปสู่การเพิ่มไขมันรอบเอวของคุณด้วยนะคะ
ในทางกลับกันการได้รับปริมาณการนอนหลับที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย คือ 7- 8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญของคุณได้ดีเลยค่ะ
3
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หากทุกคนทราบกันอย่างนี้แล้ว ใครที่ไม่อยากมีพุงลองทำตามดูนะคะ นอกจากจะช่วยลดพุงแล้วก็ยังช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงและสุขภาพดีอีกด้วย ฟางเข้าใจว่ามันอาจจะยากไปหน่อย แต่ถ้าหากอยากมีสุขภาพดี หุ่นสวยๆ ก็พยายามกันนิดนึงนะคะ ฟางขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
1
#เรื่องดีดี #10 วิธีลดไขมันหน้าท้อง 🤸♀️
แหล่งอ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา