15 พ.ค. 2020 เวลา 07:29 • กีฬา
นี่คือบทสรุปของความสัมพันธ์ ระหว่างอันเดร อากัสซี่ กับ สเตฟฟี่ กราฟ ติดตามได้จากตอนจบของซีรีส์ วิเคราะห์บอลจริงจังเขียนให้คุณอ่านใน Part Finale
สเตฟฟี่ กราฟ กับ อันเดร อากัสซี่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าคบกัน ในช่วงปลายเดือนกันยายน 1999 นี่เป็นคู่รักที่เซอร์ไพรส์คนทั้งโลก เพราะไม่เคยมีข่าวมาก่อนเลยว่าทั้งสองคนไปจีบกันตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็เป็นแฟนกันแล้ว
1
สำหรับอากัสซี่ตอนนี้อายุ 29 ปี ยังพร้อมแข่งขันเทนนิสอาชีพได้อีกนาน ขณะที่กราฟ อายุ 30 ปี จริงๆเธอก็เล่นได้อีกหลายปี แต่เธอประกาศรีไทร์จากวงการเรียบร้อย ท่ามกลางความตกตะลึงของสื่อมวลชน โดยกราฟให้เหตุผลว่า เธอพอใจแล้วกับความสำเร็จในการเล่นเทนนิส
1
กราฟได้แชมป์แกรนด์แสลม ประเภทเดี่ยว 22 รายการ แชมป์แกรนด์แสลมประเภทคู่ 1 รายการ แชมป์ฮอฟแมนคัพ , แชมป์เฟดคัพ และ เหรียญทองโอลิมปิก เธอทำเงินมหาศาลจนใช้ทั้งชีวิตก็ยังไม่หมด ดังนั้นกราฟจึงคิดว่า เธอพอแล้ว จากนี้ไปเธอจะใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากทำบ้าง ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ที่ตัวเองต้องการโดยไม่ต้องพะวงเรื่องเทนนิสตลอดเวลา
1
ต้นเดือนตุลาคม 1999 อากัสซี่ต้องไปแข่งเทนนิสรายการ สตุ๊ตการ์ต โอเพ่น ที่เยอรมัน ซึ่งจริงๆกราฟจะอยู่อเมริกาก็ได้ แต่เธอบอกว่า ทริปนี้ขอไปด้วยละกัน เพราะสนามสตุ๊ตการ์ต เป็นสถานที่ที่เธอลงเล่นอาชีพเป็นรายการแรก ดังนั้นกราฟก็อยากไปรื้อฟื้นความหลังเหมือนกัน
ในการบินจากลาสเวกัส ไปเยอรมัน ทั้งสองคนไม่คุยกันเรื่องเทนนิส หลายคนอาจเข้าใจว่า นักกีฬาระดับโลกในประเภทชนิดกีฬาเดียวกัน เมื่ออยู่ด้วยกัน ก็น่าจะคุยแต่เรื่องเทนนิสตลอดเวลา แต่เปล่าเลย ทั้งสองคนคิดเหมือนกันว่า ตัวเองเกลียดเทนนิส เพียงแต่ลงเล่นอาชีพ เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ดีแค่นั้น
บทสนทนาบนเครื่องบิน จึงเป็นเรื่องเด็กๆ ลูกๆของเพื่อน ซึ่งดูกราฟจะมีแววตาเป็นประกายขึ้นมา เธอเองในวัย 30 ก็อยากมีครอบครัวเหมือนกัน
1
"สเตฟฟี่ ผมอยากมีลูกนะ" อากัสซี่พูดอย่างหนักแน่น "กับคุณ"
อากัสซี่รู้ดีว่ามันบ้ามาก กับคนที่เพิ่งคบกันไม่กี่วัน แต่เขาไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้จริงๆ เขารู้สึกแบบนั้น เขาคิดว่าเธอคือคนที่ใช่ และอยากจะสร้างอนาคตร่วมกันไปกับเธอเหลือเกิน
1
กราฟไม่พูดอะไร แต่เธอน้ำตาไหล ก่อนที่จะกุมมือของอากัสซี่ไว้ แล้วทอดสายตาออกไปมองที่หน้าต่างของเครื่องบิน
หลังจากทั้งคู่คบกันได้ราวครึ่งปี ทั้งสองคนเริ่มลึกซึ้งกันมากขึ้น และได้เวลาแล้วที่พ่อแม่ของทั้งคู่ จะมีโอกาสได้เจอกัน
1
เป็นธรรมดาที่พ่อแม่ก็ย่อมอยากรู้ว่า คนที่ลูกเราคบเป็นคนยังไง มีพื้นฐานครอบครัวแบบไหน ดังนั้นเมื่อพวกเขาคบหากันขนาดนี้ ถึงขั้นมีแนวโน้มจะแต่งงานกัน การเจอพ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่ายจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
1
ปีเตอร์ กับ ไฮดี้ กราฟ คุณพ่อและคุณแม่ของสเตฟฟี่ เดินทางมาที่ลาสเวกัส โดยคุณพ่อจะแยกไปทำกิจกรรมกับคุณพ่อด้วยกัน โดยอันเดรจะเป็นคนดูแล ส่วนคุณแม่ทั้ง 2 คน ก็จะทำกิจกรรมกันที่บ้าน โดยมีสเตฟฟี่เป็นคนดูแล
อันเดรรับงานที่ยากมาก นั่นคือต้องพาคุณพ่อของสเตฟฟี่ ปีเตอร์ กราฟไปเที่ยว ตัวอันเดรนั้นรู้กิตติศัพท์ของปีเตอร์ กราฟ เป็นอย่างดี เพราะลักษณะนิสัยของปีเตอร์ นิยามได้ง่ายๆว่า นี่คือคุณพ่อของเขาในร่างคนเยอรมัน
2
ปีเตอร์ กราฟ
อากัสซี่ไม่อยากเชื่อว่า คนเราจะเหมือนอะไรกันได้ขนาดนี้ ปีเตอร์ กราฟ กับ ไมค์ อากัสซี่ ในอดีตเป็นนักกีฬาเหมือนกัน และไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน ดังนั้นจึงเอาความผิดหวังของตัวเอง มาเคี่ยวเข็ญลูกๆอย่างหนัก
ให้ตายเถอะ มีพ่อคนเดียวที่บ้าเทนนิส และอีโก้จัด อากัสซี่ก็ปวดหัวพออยู่แล้ว แค่ลองคิดว่ามีคนแบบพ่อสองคนอยู่ด้วยกัน เขาไม่อยากจะนึก
5
อันเดร ไปรับปีเตอร์มาขึ้นรถ แล้วถามว่า ปีเตอร์ อยากไปเที่ยวไหนที่ลาสเวกัส โดยปกติคนที่มาลาสเวกัสครั้งแรก ก็อยากไปเที่ยวเขื่อนฮูเวอร์ หรือไม่ก็อยากไปเดินเดอะ สตริป แต่สิ่งที่ปีเตอร์ กราฟ อยากจะเห็น คือ เครื่องยิงลูกเทนนิสของไมค์ อากัสซี่
6
ตอนอันเดรอายุ 7 ขวบ คุณพ่อไมค์ ผลิตเครื่องยิงลูกเทนนิสเพื่อฝึกลูกชาย คือแทนที่ตัวเขาจะโยนเสิร์ฟให้ ก็สั่งให้อันเดรซ้อมกับเครื่องจักร ซึ่งนี่เป็นอุปกรณ์ที่อากัสซี่เกลียดมาก เพราะต้องใช้เวลาไปกับมันเยอะมาก และเมื่ออันเดรตีติดเน็ต ก็จะโดนพ่อด่าเละ ราวกับเป็นคนไม่มีค่าไปเลย
แต่ในมุมของไมค์ อากัสซี่ เขาภูมิใจมากที่ผลิตเครื่องจักรนี้ขึ้นมาได้ และอวดอ้างเสมอว่ามันเป็นเครื่องมือที่ปั้นลูกชายให้เป็นนักเทนนิสระดับโลก
อันเดร ไม่ได้เซอร์ไพรส์นัก เพราะรู้ว่าปีเตอร์ เป็นคนบ้าเทนนิสอยู่แล้ว เขาจึงขับรถมายังที่บ้านของคุณพ่อ
ปีเตอร์ กราฟ พูดเยอรมันครึ่งอังกฤษครึ่ง ทำให้ไมค์ อากัสซี่ ปวดหัวมาก เพราะฟังไม่ค่อยเข้าใจ อย่างไรก็ตามคุณพ่อทั้งสองคนก็คุยกันได้พอรู้เรื่องอยู่ ด้วยความที่เป็นคนบ้าเทนนิสเหมือนกัน บทสนทนาจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทนนิสล้วนๆ
1
ไมค์ อากัสซี่
ปีเตอร์ กราฟ บอกไมค์ว่า มาถึงลาสเวกัส เพื่ออยากดูเครื่องยิงลูกเทนนิสที่ไมค์ผลิต ซึ่งไมค์ดีใจมาก รีบเดินมาโชว์เครื่องจักรที่เขาสร้างเอง ทั้งสองคนคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ภาษากีฬามันเข้าใจง่าย คุยกันไม่ออก ก็ใช้ภาษามือเอา
และจากนั้นไมค์ ก็สั่งอันเดร "แกไปยืนอีกด้านของคอร์ตซิ" แล้วโยนแร็กเก็ตให้อันเดร "สาธิตให้เขาดูหน่อย"
ซึ่งตามปกติเวลาว่างเขาจะเกลียดการเล่นเทนนิสมาก แต่เมื่อพ่อสั่งแบบนั้น เขาจะไปทำอะไรได้ล่ะ อันเดร ก็เลยเดินอ้อมฝั่งไป เพื่อเตรียมตีโต้กับเครื่องยิงลูกเทนนิส ในใจเขาอยากจะให้วันนี้มันจบไวไวเสียที จะได้กลับไปเจอสเตฟานี่ แล้วดื่มเตกีล่าสักช็อต
1
แม่งเอ๊ย นี่เขาอายุ 30 ปีแล้ว ได้แชมป์แกรนด์แสลมมาครบทุกรายการแล้ว ยังต้องมาตีโต้กับไอ้เครื่องบ้านี่ เหมือนอายุ 7 ขวบอีกเรอะ
5
ด้วยความจำยอม อากัสซี่ ตีโต้เครื่องยิงไปเรื่อยๆ ด้วยสโตรกของนักกีฬาระดับโลก ปีเตอร์ กราฟเห็น ก็พูดเป็นภาษาเยอรมันว่า "ดี" "ดี" "ดี" ตามจังหวะของการตี
จากนั้นไมค์ อากัสซี่ ก็เพิ่มความเร็วให้เครื่องจักรขึ้นอีกหนึ่งสเต็ป ซึ่งอากัสซี่จับจังหวะบอลหนึ่งลูกไม่ทัน และตีแบ็คแฮนด์พลาด ซึ่งเมื่อพลาดปั๊บ ปีเตอร์ กราฟ ก็ถามว่า ทำไมพลาดได้กับลูกแค่นี้ ซึ่งพอโดนตำหนิ อันเดรรู้เลยทันทีว่าสเตฟฟี่โดนกดดันมาแบบไหนตอนวัยเด็ก
1
ปีเตอร์ เดินไปคว้าแรกเก็ตจากมือของอันเดร แล้วทำท่าตีบอลให้ดู แล้วพูดว่า "นายต้องตีแบบนี้สิ นี่ตั้งแต่ดูนายเล่นเทนนิสมาไม่ค่อยเห็นเล่นช็อตแบบนี้เลย" โดยปีเตอร์ทำท่าแบ็คแฮนด์สไลซ์ ซึ่งเป็นไม้เด็ดของสเตฟฟี่ในสนามแข่ง ซึ่งปกติอากัสซี่ไม่เคยใช้ท่าแบ็คแฮนด์สไลซ์เลยในการแข่งขันจริง
3
เมื่อปีเตอร์สอนอันเดร ทำให้ไมค์ อากัสซี่โกรธมาก เพราะการวิจารณ์ว่าอันเดรมีจุดผิดพลาด ก็เหมือนว่าไปตำหนิการสอนเทนนิสของเขา
ไมค์ เดินมาหาปีเตอร์ แล้วตะโกนว่า "ลูกสไลซ์นั่นห่วยจะตาย ถ้าสเตฟานี่ใช้แบ็คแฮนด์แบบนี้ เธอควรเลิกใช้มันทันทีเลย ถ้าจะใช้แบ็คแฮนด์โจมตีคู่ต่อสู้ ต้องใช้แบ็คแฮนด์สองมือแบบนี้ โจมตีคู่แข่งหนักๆต่างหาก!" จากนั้นไมค์ก็โชว์การตีแบ็กแฮนด์สองมือที่เขาสอนอากัสซี่ให้ดู พร้อมกล่าวตบท้ายว่า "ถ้าสเตฟานี่ ตีแบ็คแฮนด์แบบนี้ ป่านนี้เธอได้แชมป์แกรนด์แสลมไป 32 ครั้งแล้ว!"
3
ปีเตอร์ กราฟ กับ ไมค์ อากัสซี่ คุยกันไม่รู้เรื่องก็จริง แต่ก็เริ่มตอบโต้กันอย่างดุเดือด อากัสซี่ขี้เกียจฟังการโต้เถียงของคนบ้าเทนนิสสองคน เขาเดินผละออกมา แล้วตีโต้กับเครื่องจักรต่อดีกว่า แต่อากัสซี่ก็เงี่ยหูฟังการโต้เถียงของทั้งสองคน เขาได้ยินปีเตอร์ กราฟ พูดถึงพีท แซมพราส และแพทริก ราฟเตอร์ ซึ่งเป็นคู่ปรับของอากัสซี่ พอเดาได้ว่า ปีเตอร์คงวิจารณ์แหลกว่าทำไมอันเดร แพ้ 2 คนนี้ประจำ
แต่จากนั้น ไมค์ อากัสซี่ก็เอาคืน โดยบอกว่าสเตฟฟี่ก็ไม่ได้เจ๋งอะไรหรอก ก็ยังแพ้โมนิก้า เซเลส กับ ลินด์เซย์ ดาเวนพอร์ทอยู่เลย
เถียงกันไปเถียงกันมา พ่อของอันเดร เย้ยหยันพ่อของสเตฟฟี่ว่า ที่สอนๆมานี่เคยมีประสบการณ์เล่นกีฬาหรือเปล่า ตัวเขาเคยเป็นนักมวยมาก่อนที่อิหร่าน ดังนั้นจึงรู้เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นอย่างดี แต่ปีเตอร์ กราฟก็สวนกลับไปว่า ฉันก็เคยเป็นนักมวยมาก่อนเหมือนกันล่ะวะ และสมัยเป็นนักมวย ฉันสามารถน็อกแกลงไปกองได้ง่ายๆเลย
2
จากนั้นพ่อของกราฟ วัย 63 ปี ถอดเสื้อออก แล้วบอกว่า "นี่ไง ดูซะ นี่คือร่างกายของคนที่ฟิตร่างกายอย่างดี ฉันสูงกว่าแก และฉันจะทำให้แกเข้าใกล้ไม่ได้ด้วยหมัดแย้บของฉัน"
2
"คุณจะโต้เถียงกับพ่อของผมเรื่องอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องมวย" อันเดรกล่าว "ผมรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา"
1
ไมค์ อากัสซี่วัย 69 ฉุนขาด "หรอ แกคิดงั้นหรอ งั้นมาเลย แกกับฉันมาใส่เดี่ยวกันเลย"
1
ปีเตอร์ กราฟ คือพวก Trash-talking ในเวอร์ชั่นเยอรมัน คือชอบพูดจากวนประสาทชาวบ้านไปเรื่อย แต่ไมค์ อากัสซี่ก็เป็นพวก Trash-talking ในสไตล์อเมริกันเชื้อสายอิหร่านเหมือนกัน มันเป็นการเจอกันของผู้ชายสองคนที่บ้าเหมือนกัน
2
ทั้งสองคนเริ่มตั้งการ์ดและเตรียมจะชกใส่กัน แต่อันเดร เดินมาขวางทั้งคู่ แล้วห้ามเอาไว้ "ขอร้องเถอะนะ ทั้งสองคนเลย"
ปีเตอร์ กับ ไมค์ เดินแยกจากกัน แต่ยังไม่หยุดตะโกนด่าอีกฝ่าย แต่ละคนยอมไม่ได้ ที่อีกฝ่ายจะบอกว่าสอนเทนนิสเก่งกว่า
อากัสซี่ปวดหัวอย่างที่สุด ตอนเริ่มเหมือนจะดี แล้วมาเป็นแบบนี้ได้ไงก็ไม่รู้ สุดท้ายเขาพาปีเตอร์ กราฟกลับไปที่โรงแรม แล้วตรงดิ่งกลับบ้านตัวเองทันที
ในขณะที่การเจอกันของฝั่งคุณพ่อทั้งสองคนเป็นไปอย่างดุเดือดมาก แต่การเจอกันของคุณแม่ กลับสงบสุขและเรียบร้อยกว่ากันมาก
สเตฟฟี่ กราฟ กับคุณแม่เบตตี้ อากัสซี่ สนิทกันง่าย นั่นเพราะเบตตี้เป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว เธอเป็นช้างเท้าหลังของบ้านมาตลอด เป็นผู้หญิงขี้อายที่ไม่กล้าโต้เถียงสามี ส่วน สเตฟฟี่ เธอก็เป็นพวกเก็บตัว ไม่ค่อยพูดกับใครเท่าไหร่ ดังนั้นสเตฟฟี่กับเบตตี้ เหมือนมีธาตุเดียวกัน และสนิทกันอย่างรวดเร็ว
ขณะที่คุณแม่ของสเตฟฟี่ คือไฮดี้ กราฟ ซึ่งก็เป็นคนง่ายๆ สบายๆ แถมหน้าตาถอดแบบจากสเตฟฟี่เลย เธอไม่มีปัญหาอะไรกับใคร เป็นการเจอกันที่ดีของฝ่ายสาวๆ
เมื่อจบภารกิจการเจอกันของพ่อๆ และแม่ๆ อันเดรกลับบ้าน มาเจอสเตฟฟี่ กราฟ เธอถามขึ้นมาว่า "เป็นยังไงบ้างคะวันนี้"
อากัสซี่ ตอบว่าเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังนะ จากนั้นรีบปรี่เข้าไปหาขวดเหล้า เทเตกีล่าหนึ่งช็อตแล้วดื่มทันที
พระเจ้า จบสิ้นหนึ่งวันอันยาวนานเสียที
กุมภาพันธ์ 2001 อันเดร กับ สเตฟฟี่ ไปร่วมงานการกุศลที่จัดโดยเวย์น เกร็ตซ์สกี้ นักฮอกกี้น้ำแข็งชื่อดัง ซึ่งภายในงาน ทั้งคู่ได้เล่นกับลูกๆของเกร็ตซ์สกี้ อากัสซี่เองรู้สึกชอบการอยู่กับเด็กๆ คือถ้าเขามีลูก จะพยายามไม่กดดันลูก เหมือนที่เขาได้รับมาจากพ่อตัวเองแน่นอน
4
เมื่องานการกุศลเลิก ทั้งคู่ขับรถกลับมาบ้านที่ลอสแองเจลิส สเตฟฟี่หันไปมองกระจกด้านขวา ก่อนจะหันมามองอันเดร แล้วพูดขึ้นมาว่า "อันเดร มันยังไม่มาเลย"
2
"อะไรยังไม่มา" อันเดรถาม เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเธอหมายถึงอะไร
สเตฟฟี่เงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นสมองอันเดรก็ประมวลความคิด .
... ยังไม่มา "หรือว่า คุณหมายถึง โอ้วว!"
1
อันเดร ขับรถไปหยุดจอดที่ร้านขายยา เข้าไปซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์ทุกชนิดเท่าที่จะซื้อได้ และยังไม่ต้องกลับถึงบ้าน ทั้งสองคนเปิดห้องที่โรงแรมเบลแอร์ เพื่อทำการทดสอบทันที
1
สเตฟฟี่ เดินเข้าไปที่ห้องน้ำ และกลับออกมาด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบาย ก่อนที่จะยื่นที่ตรวจตั้งครรภ์ให้อันเดรดู ปรากฏว่า มันขึ้นขีดสีฟ้าสองขีด
"สีฟ้าสองขีด มันแปลว่าอะไรหรอ" อันเดรถาม
1
"ฉันคิดว่า มันหมายความว่า ... คุณต้องรู้สิ" กราฟตอบ
"มันหมายถึงผมจะได้ลูกผู้ชายหรอ"
1
"ไม่ใช่ อันเดร เราไม่รู้เพศ แต่มันแค่หมายความว่าฉันตั้งท้องน่ะ"
สเตฟฟี่ ใช้ที่ตรวจทุกประเภทที่ซื้อมาและผลลัพธ์คือ ขึ้นสองขีดทุกครั้ง ด้วยความดีใจ ทั้งสองคนจึงตัดสินใจไปฉลองกันที่ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุด
อันเดร กับ สเตฟฟี่ ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น มัตสึชิตะ ทั้งสองคนนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ และกุมมือกันแนบแน่น ต่างคนต่างให้ความมั่นใจกับอีกฝ่ายว่า มันจะออกมาดีแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะ
นั่นคือหนึ่งในค่ำคืนที่มีความสุขมากที่สุดของอันเดร เขากำลังจะมีลูกกับคนที่ตัวเองรัก และไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่านี้แล้ว
1
ในวินาทีนั้น อันเดรก็นึกขึ้นได้ว่า ร้านมัตสึชิตะแห่งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1999 สองปีก่อน ณ ที่นั่งตรงนี้ เขาถูกบรู๊ค ชิลด์บอกเลิก มันเป็นหนึ่งในวันที่เศร้าเสียใจที่สุด เพราะเขาไม่สามารถรักษาการแต่งงานเอาไว้ได้ แต่แค่สองปีต่อมา มันกลับกลายเป็นสถานที่ ที่ทำให้เขาอบอุ่นหัวใจมากที่สุด
เขารู้สึกว่า เหตุการณ์นี้ก็เหมือนเทนนิส บางครั้งในคอร์ตเดิมคุณอาจเคยแพ้คู่แข่งแบบเละเทะ จนอับอาย แต่เวลาผ่านไปอีก 1-2 ปี คุณกลับมาที่คอร์ตเดิมอีกครั้ง คราวนี้อาจจะคว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่เลยก็ได้ เหตุการณ์แย่สุดและดีสุด บางครั้งก็เกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน
1
ชีวิตก็แบบนี้ เคยทุกข์ ไม่ได้แปลว่าต้องทุกข์ตลอดไป ในอนาคตเมื่อได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง ความทุกข์เหล่านั้น อาจเปลี่ยนไป เป็นความสุขก็ได้ เราไม่มีทางได้รู้เลย สิ่งที่เราต้องทำ ก็แค่ใช้ชีวิตต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้แค่นั้น
1
หลังจากมีความรัก และกำลังจะมีลูก อันเดร ค้นพบสัจธรรมในชีวิตหลายข้อ และหนึ่งในข้อสำคัญที่สุดคือ จะไปยึดติดอะไรมาก ความโมโห ความเกลียดชังผู้อื่น มันเสียเวลาชีวิตที่จะต้องเอาความรู้สึกของตัวเอง ไปโฟกัสกับความหงุดหงิดตรงนั้น
ในการแข่งขันที่อินเดียนเวลส์ อากัสซี่ พบกับพีท แซมพราส คู่ปรับตลอดกาล ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งอันเดรเอาชนะไปได้ในคราวนี้ ปกติทั้งสองคนก็อาจจะทักทายตามมารยาทด้วยความที่เป็นคู่แข่งกัน แต่คราวนี้ อากัสซี่ก็ค้นพบว่า เออ ความเป็นคู่ปรับมันเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนสร้างขึ้น แล้วทำไมเขาต้องเฮโลไปทำตามด้วยล่ะ
1
เขาก็แค่มาเล่นเทนนิส แซมพราสก็เหมือนกัน ต่างคนต่างมาทำหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นพอแข่งจบแล้วก็ควรจบ ใครได้แชมป์มากกว่ากัน ก็ให้เป็นเรื่องในสนาม ส่วนนอกสนาม มันก็คงจะดี ถ้าพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันได้
ในห้องแต่งตัว หลังแข่งจบอากัสซี่จึงคุยกับพีท แซมพราส เรื่องชีวิตส่วนตัว ซึ่งก็ไม่บ่อยนักที่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น อากัสซี่รู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับ บริดเจตต์ วิลสัน นักแสดงสาวที่คบกันมาได้สักระยะแล้ว
1
"ฉันต้องยอมแพ้ให้พวกนักแสดงจริงๆ" อากัสซี่กล่าว ครั้งหนึ่งเขาก็เคยคบดาราเป็นแฟน บรู๊ค ชิลด์ไง
อากัสซี่ อวยพรให้คนที่แซมพราสเลือก เป็นคนที่ใช่ที่สุด ซึ่งก็เหมือนกับเขาที่ตอนนี้คิดว่าเจอคนที่ใช่ที่สุดแล้ว
1
จากนั้นทั้งคู่โคจรมาเจอกันอีกครั้งที่รายการยูเอส โอเพ่น รอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งอากัสซี่สามารถเอาชนะในเซ็ตแรกไปได้ก่อน โดยสถิติของอากัสซี่ในยูเอสโอเพ่น ถ้าเก็บเซ็ตแรกได้ไปก่อน จะมีเปอร์เซ็นต์ชนะ 98%
อย่างไรก็ตามในแมตช์นี้ กลายเป็นแซมพราส ที่คัมแบ็กได้ ไล่กดอากัสซี่ 3 เซ็ตรวด ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้อากัสซี่อย่างน่าเจ็บใจ
หลายคนคิดว่า อากัสซี่คงระเบิดอารมณ์เหมือนที่เคยๆเป็นมา แต่สิ่งที่เขาทำ คือ เอามือไปวางบนไหล่ของแซมพราส แล้วบอกว่าขอให้โชคดีในรอบต่อไป
"ผมไม่รู้สึกแย่เลยนะ ผมพยายามจะรู้สึกแย่แล้ว แต่ผมทำไม่ได้"
มาจนถึงจุดนี้ พออายุ 30 ปี อากัสซี่เปลี่ยนแปลงทัศนคติจากเดิมมาก เมื่อก่อนเขาเกลียดทุกสิ่ง หงุดหงิดทุกอย่าง อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ ก็จะโมโห และถ้าแพ้การแข่งก็จะอารมณ์เสียนานจนไม่คุยกับใคร แต่เดี๋ยวนี้ เขารู้สึกว่า เออ จะ ทำให้ตัวเองไม่สบายใจทำไม ชีวิตก็แค่นี้ เอ็นจอยกับชีวิต และดีกับผู้คนเข้าไว้ดีกว่า ถ้าไม่พอใจอะไรก็เอาตัวออกมา แล้วไปหาสิ่งที่เป็นความสุขดีกว่า
23 ตุลาคม ก่อนถึงกำหนดคลอดของสเตฟฟี่ กราฟ 3 วัน อันเดร กับ สเตฟฟี่ ตัดสินใจว่า อยากจดทะเบียนสมรสกันก่อนที่ลูกจะกำเนิดออกมา
สิ่งที่ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันคือ ต้องการความเรียบง่ายที่สุด จะไม่มีพิธีแต่งงานใหญ่โต แต่จะเป็นงานจดทะเบียนสมรสเล็กๆ จัดในสวนที่บ้าน มีแค่ครอบครัวเท่านั้น
2
ในงานนี้ ปีเตอร์ กราฟ ไม่ได้มา แต่ให้คุณแม่ไฮดี้ กราฟ มาเป็นสักขีพยานแทน เช่นเดียวกับ ไมค์ อากัสซี่ก็ไม่ได้มา แต่เป็นคุณแม่เบตตี้ อากัสซี่ ที่มาร่วมในพิธี
3
สาเหตุที่ไมค์ อากัสซี่ไม่ได้มา สาเหตุเพราะเขาบอกว่าเกลียดงานแต่งงาน และบอกอันเดรว่า "อย่ามาเชิญ" โดยย้อนกลับไปตอนเขาแต่งงานกับบรู๊ค พ่อทนอยู่จบงานไม่ไหว แล้วเดินออกไปกลางงานแต่งเลยด้วยซ้ำ
"แกจะแต่งที่ไหนอย่างไร เมื่อไหร่ฉันไม่สน แค่ทำให้ถูกต้องก็พอ" ไมค์ อากัสซี่กล่าว
อากัสซี่ถามกลับว่า แล้วพ่อชอบสเตฟฟี่ไหม? คุณพ่อตอบมาว่า "เธอคือนักเทนนิสหญิงที่เก่งที่สุดตลอดกาลนี่ แล้วฉันจะไม่ชอบเธอได้อย่างไรกันล่ะ"
สำหรับ การจดทะเบียนสมรส เป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตองอะไรเลย มีแค่ อันเดร,สเตฟฟี่ และแม่ของทั้งสองฝ่าย กับผู้พิพากษาของรัฐเนวาด้า ทั้งหมดแค่ 5 คนเท่านั้น
อันเดร กับ สเตฟฟี่ แลกแหวนกัน และผู้พิพากษาประจำรัฐเนวาด้าได้ประกาศว่า นับจากนี้ สเตฟานี่ กราฟ จะเปลี่ยนนามสกุลเป็นสเตฟานี่ อากัสซี่
2
หลังจากแต่งงาน อากัสซี่ ลงเล่นอีก 6 ปี และสุดท้ายประกาศรีไทร์หลังจบยูเอสโอเพ่นในปี 2006 เขาคว้าแชมป์แกรนด์แสลมได้ทั้งหมด 8 สมัย ถือเป็นนักกีฬาที่มีผลงานยอดเยี่ยมมากที่สุดคนหนึ่งของยุค
ขณะที่สเตฟฟี่ แม้จะมีชื่อเสียงก้องโลก และมีเงินมหาศาลชนิดที่จะไปอยู่เมืองไหนก็ได้ในโลก แต่เธอตัดสินใจย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่ลาสเวกัส บ้านเกิดของอากัสซี่
1
ความจริงสองเมืองที่กราฟชอบมากที่สุด คือนิวยอร์ก กับ ซานฟรานซิสโก แต่เมื่ออันเดรมีความสุขกับการอยู่ที่ลาสเวกัส เธอก็จะอยู่ที่ลาสเวกัสด้วย ขอแค่มีกันและกันก็พอ เธอไม่มีปัญหาอะไรเลย
อากัสซี่ กับ สเตฟฟี่ มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตชื่อจาเดน เป็นลูกชาย และคนเล็กชื่อแจ๊ซซ์ เป็นลูกสาว ทั้ง 4 คน เป็นครอบครัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่อย่างมีความสุขในลาสเวกัส
หลังจากอากัสซี่รีไทร์จากเทนนิส เขาไม่กลับไปเล่นมันอีกเลย นั่นเพราะเขาพอแล้ว อากัสซี่บอกอยู่เสมอว่าเขาเกลียดเทนนิส ดังนั้นการเล่นมันมาเกือบ 20 ปี เพื่อหาเลี้ยงชีพ ถือว่านานเกินพอแล้ว
1
เช่นเดียวกับสเตฟฟี่ เธอเองพอรีไทร์ในปี 1999 ก็ไม่กลับไปเล่นอีกเลย ในใจของสเตฟฟี่ เธอเองก็เจ็บปวดกับเทนนิสมาเยอะ ชีวิตในวัยเด็กของเธอหายไป เพราะต้องให้เวลากับเทนนิสตลอดเวลา
ความรู้สึกของทั้งสองคนคือ อยากตัดเทนนิสออกไปจากชีวิต แต่คำถามที่อยู่ในใจของทั้งคู่คือ จริงๆแล้วพวกเขาเกลียดเทนนิสจริงๆหรอ?
ฤดูใบไม้ร่วงปี 2007 หนึ่งปีหลังจากอากัสซี่รีไทร์ สเตฟฟี่ กราฟ ตัดสินใจตอบรับลงแข่งขันเทนนิสการกุศลที่โตเกียว ใจจริงเธอไม่อยากจับแร็กเก็ตอีกแล้ว แต่นี่เป็นงานการกุศลที่หาเงินช่วยเหลือ โรงเรียนอนุบาลที่แอฟริกา ซึ่งสเตฟฟี่ทำมูลนิธิอยู่ ดังนั้นเธอจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องกลับมาตีเทนนิสอีกครั้งในรอบหลายปี
สเตฟฟี่ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร เธอไม่ได้เล่นมานานหลายปีแล้ว เธออายุ 38 ปีแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองยังเล่นเทนนิสได้อีกหรือเปล่า
ก่อนถึงกำหนดการที่โตเกียว 1 สัปดาห์ ในวันนี้ลาสเวกัสท้องฟ้าครึ้ม มีโอกาสจะฝนตกได้ สเตฟฟี่อยู่ที่บ้าน และเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง
สเตฟฟี่มองที่นาฬิกา เธอเหมือนกำลังตัดสินใจสิ่งที่สำคัญ และในที่สุดก็บอกกับอันเดรว่า "อันเดร เรายังมีเวลาอีกนิดนึงนะ ก่อนจะต้องไปรับจาเดนที่โรงเรียน"
มองตาก็รู้ใจ อันเดรเข้าใจทันทีว่า สเตฟฟี่ต้องการอะไร "เอาสิ ไปกันเลย"
กราฟไปค้นลิ้นชัก หากระโปรงเทนนิสตัวเก่าของเธอออกมา เช่นเดียวกับอากัสซี่ ที่ไปหากางเกงเทนนิสที่ใส่ไว้ตั้งแต่ปีก่อน จากนั้นทั้งคู่ขับรถไปยังคอร์ตเทนนิสให้เช่าที่อยู่กลางเมือง
เด็กผู้หญิงที่เคาน์เตอร์ กำลังอ่านนิตยสารก็อสซิปดาราอยู่ เธอเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมา แล้วเห็นว่าคนที่มาเช่าคอร์ต คืออากัสซี่ กับกราฟ หมากฝรั่งที่เธอเคี้ยวไว้แทบจะร่วงออกจากปาก
2
"สวัสดี" อากัสซี่ทักทาย "คอร์ตเปิดหรือเปล่าตอนนี้"
"เปิดค่ะ เปิด"
"เราอยากจะขอเช่าคอร์ตเทนนิสสักชั่วโมงนะ ราคาเท่าไหร่หรอ" อันเดรพูดต่อ
"สิบสี่ดอลลาร์"
อากัสซี่ยื่นเงินให้เด็กสาวที่เคาน์เตอร์
"คะ คุณ ไปใช้เซ็นเตอร์คอร์ตได้เลยนะ" เด็กสาวตอบ
1
สองสามีภรรยา เดินลงไปที่คอร์ต จากนั้นต่างคนต่างแยกไปนั่งคนละฝั่ง อันเดร หยิบแรกเก็ตออกมาจากกระเป๋า ใส่ริสต์แบนด์ ใส่เทปที่นิ้วมือ และเคี้ยวหมากฝรั่ง ตั้งแต่ยูเอสโอเพ่นเมื่อ 1 ปีก่อน อากัสซี่ก็ไม่ได้เล่นเทนนิสอีกเลย
ขณะที่สเตฟฟี่ตอนนี้พร้อมแล้ว เธอหยิบแรกเก็ตแล้วไปยืนอยู่ที่ท้ายคอร์ต
อันเดรเสิร์ฟ สเตฟฟี่ตีโต้โฟร์แฮนด์กลับมา อากัสซี่โฟร์แฮนด์กลับไป ทั้งสองคนออกสตาร์ตอย่างใจเย็น หลังจากตีโต้กันได้สักพัก จู่ๆ สเตฟฟี่ หวดแบ็กแฮนด์เปรี้ยง บอลของเธอพุ่งวาบลงมุม อากัสซี่คาดไม่ถึง แต่ก็ยังตีโต้กลับไปได้
เมื่อได้บอลโต้กลับมา คราวนี้ สเตฟฟี่ใช้แบ็กแฮนด์สไลซ์ไม้ตายของเธอตีฉีกไปอีกด้าน อากัสซี่คราวนี้รับไม่ได้แล้ว เป็นแต้มของสเตฟฟี่ กราฟ
"โอเค สเตฟานี่ จะเอากันแบบนี้ใช่ไหม"
สเตฟฟี่ยิ้ม อยู่ในคอร์ตอย่าเหม่อสิอันเดร
ทั้งคู่ตีโต้กันไปเรื่อยๆ แต้มต่อแต้ม จังหวะเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่การตีโต้กันขำๆอีกแล้ว แต่เป็นการสู้กันของสองนักเทนนิสระดับโลกของจริง ทั้งสองคนจริงจังชนิดต้องเอาแต้มให้ได้
1
สเตฟฟี่วิ่งใช้โฟร์แฮนด์อินไซต์เอาต์ จี้ไปที่แบ็กแฮนด์ของอันเดร อันเดรโต้กลับด้วยแบ็กแฮนด์สองมือครอสคอร์ต แต่บอลพุ่งไปติดเน็ต
ลูกแบ็กแฮนด์ครอสคอร์ต เป็นอาวุธที่อากัสซี่มั่นใจ ดังนั้นเขาเองก็ช็อกเหมือนกัน ที่ตัวเองตีไปติดเน็ตได้ยังไง สเตฟฟี่หัวเราะ และจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มสู้กันแต้มใหม่
ยิ่งเล่นแต่ละแต้ม สเตฟฟี่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เธอน่าจะเล่นได้โอเคแน่ๆ ในแมตช์การกุศลที่โตเกียว แต่ตอนนี้ที่โตเกียวไม่ใช่เรื่องที่เธอสนใจอีกแล้ว เธอสนแค่การตีเทนนิสตอนนี้ นาทีนี้ กับอันเดรเท่านั้น
ฝนเริ่มตกลงมาโปรยปราย แต่ทั้งสองคนยังเล่นต่อ ซึ่งในที่สุดก็มี คนอื่นๆสังเกตว่า คอร์ตนี้ มันอันเดร กับสเตฟฟี่นี่นา ทำให้มีคนมาดูมากขึ้นเรื่อยๆ สักหลายนาทีผ่านไป ก็มีคนเอากล้องมาถ่ายภาพที่คอร์ตเทนนิส แต่ทั้งสองคนไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย มีแต่การตีเทนนิสอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่อากัสซี่สังเกตเห็น คือสเตฟฟี่ ไม่เคยพลาดเลย เธอตีลงไปยังจุดที่ต้องการทุกลูก นี่คือเหตุผลที่ทำไม สเตฟฟี่ กราฟ คือนักเทนนิสหญิงที่เก่งที่สุดในโลก ขนาดไม่ได้จับแร็กเกตมาหลายปีขนาดนี้ ความเฉียบขาดไม่ได้ลดลงเลย
1
ถึงตรงนี้ ทั้งอันเดร และสเตฟฟี่ก็เข้าใจว่า ที่พวกเขาเกลียด คือความกดดันระหว่างการเล่นเทนนิส และความเครียดเมื่อโดนคาดหวังต่างหาก แต่กับตัวเทนนิสจริงๆ พวกเขาไม่ได้เกลียดเลย ไม่เลยสักนิด
ท่ามกลางสายฝน อันเดรเสิร์ฟ และสเตฟฟี่โต้กลับไปเป็นแต้มอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะยกมือเป็นสัญญาณ ซึ่งอากัสซี่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
"อันเดร ได้เวลาไปรับลูกที่โรงเรียนแล้วล่ะ"
"โอเค" อันเดรตอบกลับ "แต่ขอเล่นอีกแต้มได้ไหม"
สำหรับอันเดร อากัสซี่ เขาเกลียดเทนนิส เขาบอกตัวเองแบบนั้นมาตลอด แต่ไม่รู้ทำไม ในวันนี้ เขาอยากเล่นเทนนิสต่อไปอีกสักนาทีหนึ่งก็ยังดี
3
#Agassi
[ จบซีรีส์ ]
โฆษณา