16 พ.ค. 2020 เวลา 05:59 • ความคิดเห็น
เวลาพูดเรื่องการเมือง เคทจะพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึง ความดี -ความชั่ว เพราะความดี-ชั่ว เป็นนิยามที่สร้างปัญหาให้กับคนเรามากที่สุด ดังนั้นเคทจะมักโฟกัสไปที่เรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก โดยใช้เศรษฐศาสตร์ มาเป็นตัวช่วยในการคิดวิเคราะห์
ปัญหาหลักๆของบ้านเราคือ ความเข้าใจในเศรษฐศาสตร์การเมืองน้อยมาก ส่วนใหญ่ยังวนเวียนกับเรื่อง คุณงามความดี เลวชั่ว สร้างคู่ขัดแย้งขึ้นมา เพื่ออธิบายให้เห็นภาพชัดตามวัฒนธรรมที่เรายึดถือ
พอเรายึดติดมองมันเป็นแบบนี้ มันเลยหลงทิศหลงทางอยู่บ่อยๆ
เศรษฐศาสตร์การเมือง คืออะไร ?
อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆคือ การจัดสรรผลประโยชน์ให้คุ้มค่ามากที่สุด(ทรัพยากร)และสร้างผลกระทบน้อยที่สุด
อย่างการสร้างสะพานลอย คุณก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนว่า บริเวณนั้นมีประชากรที่จะใช้บริการสะพานนี้เท่าไหร่ ถ้าคุณไปสร้างในที่ๆไม่ค่อยมีคนสัญจร สะพานลอยเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า(เสียงบประมาณ) คุณแค่สร้างทางม้าลายก็พอ หรือต่อให้อาณาเขตบริเวณนั้นเป็นชุมชน คุณก็ต้องคิดคำนวณให้ดีว่า สะพานลอยที่จะสร้าง มันไปทำลายมูลค่าของอาคารที่อยู่อาศัย(บดบังทัศนียภาพ)ระดับไหน แล้วอาคารไหนสมควรโดนบัง แล้วมีการจ่ายค่าชดเชยมูลค่าตรงนี้หรือไม่ ถ้าคุณเป็นนักรัฐศาสตร์ หรือนักการเมืองคุณอาจจะมองว่า ประชาชนควรเสียสละเพื่อส่วนรวม
แต่...ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้านตรงนั้น แล้วคุณจ่ายเงินไปไม่น้อย คุณคงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่อยู่ๆสะพานลอยมาบังหน้าบ้านคุณ คุณทำการค้าก็ไม่ได้ มูลค่าก็หายไป ทั้งๆที่คุณลงทุนกับมันมากกว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน
ดังนั้นใครคือคนกำหนด ให้ใครต้องเสียสละ ต้องคิดเรื่องนี้ให้แตกฉาน
เมื่อการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกี่ยวข้องกับ "ทุน" ดังนั้นเศรษฐศาสตร์ จึงเข้ามาซัพพอตเรื่องนี้ ว่าแบบไหนคือเหมาะ อดัม มาซ์ก เคน ต่างก็ออกแบบหลักการที่สอดคล้องกับการปกครองในแต่ละรูปแบบ สำหรับประชาธิไตย แน่นอนว่า ทุนนิยมคือตัวขับเคลื่อน ดังนั้นการจะตีแตกปัญหาการเมืองให้ออก ต้องมอง "ทุนนิยม" ให้ออกด้วย
ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจถึงแรงขับเคลื่อนทางทุนนิยม สักเท่าไหร่ หรือ คุณยังสงสัยคลุมเครือ ว่ามันคืออะไร อย่างไร กันแน่ มันมีผลเชิงการเมืองอย่างไร
การเสียประโยชน์คืออะไร ผลประโยชน์และความดีควรแยกกันอย่างไร
อย่างวันนี้ ถ้าคุณขาดรายได้ ถ้ามีใครสักคนเสนอให้คุณมีรายได้ขึ้นมา คุณจะมองเรื่องความดีงามน้อยลง แต่จะมองเรื่องผลประโยชน์เรื่องปากท้องเป็นสำคัญ นี่แหละคือแรงขับเคลื่อน (Motivation) คุณจะมองว่าคุณสมควรได้มัน แต่แน่นอนว่า เมื่อคุณต้องการสิ่งหนึ่ง ย่อมมีคนอีกกลุ่มนึงที่กำลังรับผลกระทบ มันก็เกิดการขัดแย้งกันโดยปริยาย
ถ้าวันนี้ คุณมีเงินที่คุณหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงหลายสิบปี คุณกำลังดำเนินธุรกิจไปด้วยดี แล้วสักพักอยู่ๆก็จะมีการประท้วงกันขึ้นหรือมีการยึดอำนาจ ซึ่งจะส่งผลกระทบทางธุรกิจคุณให้เสียหาย เงินที่คุณสะสมมาอาจจะหายไปครึ่งชีวิต ถึงตอนนั้นคุณจะรู้สึกว่า การเลือกความสงบคือ ทางที่ดีที่สุด คุณจะไม่สนับสนุนการประท้วงใดๆ คุณจะสนับสนุนใดๆเหล่านั้นก็ต่อเมื่อ คุณได้ประโยชน์
ดังนั้นการเลือกข้างทางการเมืองไม่ง่ายเลย เพราะทุกฝ่ายก็เป็นเรื่องผลประโยชน์ การรอมชอมการเจรจาการฑูต คือสิ่งที่ดีที่สุด และนี่คือสิ่งสำคัญที่เราต้องเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ เพื่อรู้ทันการเมือง
การเมืองไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ดี หรือ ชั่ว ดีชั่วมันคือสิ่งที่ตามมาทีหลังการกระทำของผลประโยชน์
ใครมีอะไรแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม แชร์ข้อมูลกันได้นะคะ
มิ้วๆ
โฆษณา