17 พ.ค. 2020 เวลา 21:39 • ปรัชญา
“ทุกข์ย่อมไม่มีกับผู้ไม่เกิด”
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓
พวกเราทุกคนที่เกิดมานี้เกิดมาเพื่อหาความสุขกัน เกิดมาเพื่อกำจัดความทุกข์ เพราะความทุกข์มันเป็นเหมือนไฟทำให้ใจเราร้อน ทำให้ใจเราไม่สบาย ส่วนความสุขเป็นเหมือนความเย็นทำให้ใจเราเย็น ทำให้ใจเราสบาย แต่การหาความสุขของพวกเราและการกำจัดความทุกข์ของพวกเราเป็นการกระทำที่ได้ผลชั่วคราว คือความสุขต่างๆที่เราหากันหาได้มามากมาน้อย เดี๋ยวมันก็จางหายไปหมดเหมือนควันไฟ ความทุกข์ต่างๆที่เรากำจัดกันมันก็ไม่หมดเสียที กำจัดความทุกข์วันนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีความทุกข์อันใหม่โผล่มาอยู่เรื่อยๆ ทำไมเราไม่สามารถที่จะหาความสุขที่จีรังถาวรและกำจัดความทุกข์ที่ถาวรได้ ก็เพราะวิธีการหาความสุขของพวกเราการกำจัดความทุกข์ของพวกเราไม่ได้เป็นวิธีที่ถูกต้องนั่นเอง
วิธีที่พวกเราหาความสุขกันก็คือมาเกิดกัน มาเกิดเพื่อที่เราจะได้หาสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในโลกนี้ พอเราเกิดมาแล้ว เราก็มาหาลาภยศสรรเสริญหาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ แต่ความสุขที่เราหาเหล่านี้มันเป็นความสุขชั่วคราว เป็นความสุขที่ไม่จีรังถาวร ได้มาแล้วเดี๋ยวมันก็หมดไป พอหมดไปมันก็ปล่อยให้เรามีความรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว มีความรู้สึกไม่สบาย เราก็ต้องไปหาใหม่ ความสุขที่เราได้จากเมื่อวานนี้มันหายไปหมดแล้ว วันนี้เราก็ต้องไปหามันใหม่ เพราะถ้าเราไม่มีความสุขมาให้เรามาให้กับใจของเรา ใจของเราก็จะรู้สึกทุกข์ขึ้นมา เราก็เลยต้องคอยไปหาลาภยศสรรเสริญ หารูปเสียงกลิ่นรสต่างๆมาให้ความสุขกับเราอยู่เรื่อยๆ แล้วเราก็ต้องมาเจอกับความทุกข์ที่เกิดจากการสูญเสีย เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งที่เราหามาได้กัน เพราะสิ่งต่างๆที่เราหามาได้นั้นมันเป็นของไม่เที่ยง มันอาจจะอยู่กับเรานาน บางทีก็ไม่นาน ได้มาแล้วเดี๋ยวมันก็หมดไป ได้ลาภแล้วเดี๋ยวก็ต้องเสื่อมลาภ ได้ยศแล้วเดี๋ยวก็ต้องเสื่อมยศ ได้สรรเสริญเดี๋ยวก็ได้นินทา ได้สุขแล้วเดี๋ยวก็ต้องได้ทุกข์ตามมา เวลาที่สูญเสียความสุขไปความทุกข์ก็เข้ามาแทนที่ ไม่มีใครรู้วิธีที่จะหาความสุขแบบถาวร และไม่มีใครรู้วิธีที่จะกำจัดความทุกข์แบบถาวรได้ มีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงค้นพบวิธีที่จะทำให้ความทุกข์ต่างๆหายไปหมด และทำให้ความสุขปรากฏขึ้นมาแบบถาวร ความสุขที่เกิดขึ้นในใจที่จะอยู่กับใจไปอย่างถาวร
พระพุทธเจ้าทรงค้นพบว่าความทุกข์นี้จะไม่เกิดกับผู้ที่ไม่มาเกิด ทุกข์ย่อมไม่มีกับผู้เกิด ตราบใดมีการเกิด ตราบนั้นย่อมมีความทุกข์ เพราะเมื่อเกิดแล้วก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตายต้องพลัดพรากจากความสุขต่างๆที่หามาได้ คือต้องพลัดพรากจากลาภยศสรรเสริญ พลัดพรากจากรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ พลัดพรากทั้งในขณะที่มีชีวิตอยู่และพลัดพรากทั้งในขณะที่ตายไป และการเกิดมาแล้วก็ต้องเจอกับความแก่เจอกับความเจ็บเจอกับความตาย ไม่ว่าจะเกิดมาสูงขนาดไหนรวยขนาดไหน ก็หนีไม่พ้นความแก่ความเจ็บความตาย หนีไม่พ้นการพลัดพรากจากสิ่งต่างๆบุคคลต่างๆไป วิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ไม่เกิดทุกข์ก็คือการไม่เกิด ถ้าไม่เกิดแล้วก็จะไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย จะไม่มีการพลัดพรากจากสิ่งต่างๆจากบุคคลต่างๆ แล้วเมื่อไม่มีทุกข์จิตก็จะมีแต่ความสุข เพราะโดยธรรมชาติความทุกข์กับความสุขนี้เป็นเหมือนความมืดกับความสว่าง เป็นสิ่งที่อยู่กันคนละวาระ ไม่ได้เป็นสิ่งที่อยู่ในที่เดียวกันได้ ถ้าสว่างความมืดก็ไม่มี ถ้ามืดความสว่างก็ไม่มี ฉันใดถ้าไม่มีความทุกข์ในใจก็จะมีความสุขในใจ ถ้ามีความทุกข์ในใจความสุขในใจก็ไม่มี ฉะนั้นวิธีหาความสุขที่แท้จริงที่ถาวรและการกำจัดความทุกข์ที่แท้จริงที่ถาวรต้องทำด้วยการไม่มาเกิดเท่านั้น ทุกข์ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เกิด นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ความจริงที่เกี่ยวกับจิตใจของพวกเราทุกคน จิตใจของพวกเราเวลาสุขมันก็ไม่ทุกข์ ใช่ไหม เวลาทุกข์มันก็ไม่สุข ฉะนั้นเราต้องทำให้มันไม่ทุกข์ เราไม่ต้องไปหาความสุขให้เสียเวลา เพราะความสุขมันอยู่ที่การไม่มีความทุกข์นี้เอง และการที่จะไม่มีความทุกข์ได้ก็ต้องไม่เกิดเท่านั้น ทุกข์ย่อมไม่มีกับผู้ที่ไม่เกิด
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
โฆษณา