19 พ.ค. 2020 เวลา 13:15 • ปรัชญา
# ภัยร้ายของคนเป็นพ่อ
อย่าเอามาตรฐานของคุณไปตัดสินใคร และอย่าเอามาตรฐานของใครมาตัดสินคุณ อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
เหตุฉุกเฉิน
แพทย์ท่านหนึ่ง เขากำลังขับรถเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน เนื่องจากว่าเขาถูกเรียกตัว ให้เข้ามาทำการผ่าตัดคนไข้โดยด่วน
ซึ่งทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลเขาก็รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเร่งฝีเท้าเดินไปที่ห้องผ่าตัด ซึ่งก่อนจะเข้าไปด้านในนั้น
ประจวบเหมาะ
เขาก็ได้เหลือบไปเห็นพ่อของเด็กชาย ที่เขากำลังจะทำการผ่าตัดให้ เดินไปเดินมา อยู่บริเวณโถงทางเดินด้านหน้าห้องผ่าตัด ด้วยสีหน้าท่าทางที่ร้อนใจ และเป็นกังวลอย่างมาก
ทันทีที่เขากำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องผ่าตัดอยู่นั่น เอง จู่ ๆ ชายคนดังกล่าวก็ตะโกนเรียกเขาให้หยุด ต่อจากนั้นชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“ ทำไมคุณถึงมาเอาป่านนี้ คุณไม่รู้เลยหรอว่า ชีวิตของลูกชายผม กำลังตกอยู่ในอันตราย คุณไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยหรือไง”
ชายคนดังกล่าว ก่นด่า นายแพทย์ด้วยท่าทางที่โมโห และไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด
กัดกลุ้มใจ
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น นายแพทย์ จึงได้แต่ยิ้ม แล้วพูดตอบกลับไปว่า “ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ เมื่อสักครู่นี้ผมไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล
แต่ทันทีที่ได้ทราบข่าว ผมก็รีบมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้แล้วครับ ผมหวังว่าคุณคงจะใจเย็นลงสักหน่อย แล้วปล่อยให้ผมเข้าไปทำงานอย่างเต็มที่ ได้แล้วใช่ไหมครับ” ทันทีที่ ได้ทราบเช่นนั้น ชายคนนั้น ก็พูดสวนกลับขึ้นมาว่า
“ใจเย็นอย่างนั้นหรอ เฮอะ….คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ถ้าหากลูกชายของคุณอยู่ในห้องผ่าตัด เหมือนอย่างลูกของผมตอนนี้บ้าง คุณจะใจเย็นได้อีกอย่างงั้นหรอ ถ้าลูกคุณกำลังจะตาย คุณก็ไม่คิดจะทำอะไรเลยอย่างนั้นหรอ”
โมโหร้าย
เขาพูดด้วยความโมโหอย่างถึงที่สุด
นายแพทย์ที่ยืนฟังด้วยความตั้งใจ เขาจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า “แม้ว่าผมจะเป็น นายแพทย์ที่ต้องทำหน้าที่รักษาผู้คน
แต่หากว่าฟ้ากำหนดมาให้เขาต้องตาย ผมก็คงไม่สามารถยืดอายุของคน ๆ นั้นได้หรอกนะครับ ถึงอย่างนั้น ผมก็จะพยายามทำการรักษาลูกชายของคุณให้อย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้นะครับ”
คำตอบที่ไม่อยากฟัง
“ ก็ใช่สิ คุณไม่ได้มาอยู่ในสถานะการณ์เดียวกันกับผมนิ ก็พูดง่าย” ชายคนนั้นบ่นแล้วก็เมินหน้าหนีไป
หลังจากทำการผ่าตัดไปได้หลายชั่วโมง นายแพทย์ก็เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วก็พูดกับชายที่รอคอยอยู่ด้านหน้าห้องผ่าตัดไปว่า “ลูกชายของคุณ พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ”
อีกทั้ง นายแพทย์ยังคงพูดต่อไปอีกโดยไม่รอฟังคำตอบใด ๆ จากชายคนนั้นเลย ว่า “หากมีข้อสงสัยอะไร คุณสามารถถามกับพยาบาลได้เลยนะครับ” เมื่อพูดจบ นายแพทย์ก็รีบวิ่งออกไปเปลี่ยนชุด แล้วก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลไปในทันที
การจากลา
เมื่อได้เห็นเช่นนั้น ชายคนดังกล่าวก็ได้แต่คิดในใจว่า “ทำไมนายแพทย์คนนี้ ถึงได้หยิ่งยโส ได้ขนาดนี้กันนะ ไม่คิดจะรอแม้แต่ให้ฉันได้ถามถึงอาการของลูกชาย เลยสักคำเดียว”
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว พยาบาลสาวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลอาบเต็มใบหน้าของเธอ
เมื่อได้เห็นเช่นนั้น ชายคนดังกล่าวก็รีบเดินเข้าไปถามพยาบาลด้วยความร้อนใจว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกของฉันหรอหรอ”
กังวลใจ
เขาถามด้วยสีหน้าที่ตกใจและเป็นกังวล อีกทั้งยังแอบกลัวว่า หมอคนที่วิ่งออกไปเมื่อสักครู่นี้ จะหลอกให้เขาดีใจ ก่อนที่จะได้รับข่าวร้าย
พยาบาลสาว จึงตอบ พร้อมทั้งเช็ดน้ำตาไปด้วยว่า “คือว่า ลูกชายของคุณหมอคนเมื่อกี้ค่ะ ลูกของเขาได้เสียชีวิตหลังจากประสบอุบัติเหตุบนทางเท้าเมื่อวานนี้ ซึ่งก่อนที่เขาจะมาทำการรักษาให้ลูกชายของคุณ
เขาก็กำลังทำพิธีฝังศพให้กับลูกชายของเขา อยู่ที่สุสานในเมืองข้าง ๆ เมื่อทำการรักษาลูกของคุณเสร็จแล้ว เขาจึงรีบเดินทางกลับไปทำพิธีฝังศพลูกชายของเขาต่อให้เสร็จ น่าสงสารคุณหมอมาก ๆ เลยนะคะ ไม่น่ามาเจอเรื่องแบบนี้เลย”
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า “อย่าตัดสินใคร จากจุดที่เรายืนอยู่เพราะแต่ละคนผ่านอะไรมาไม่เท่ากัน”
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา