20 พ.ค. 2020 เวลา 23:00
#จิตใจที่เป็นเปรต สัตว์เดรัจฉาน เทวดา ดูอย่างไร?
“..เคยคิดพิจารณาดูจิตใจตัวเองบ้างไหม อาตมาเคยดูตัวเองเคย พิจารณาดูตัวเองใน บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางครั้งก็เห็นว่าตัวเองเป็นเปรต บางครั้งก็เห็นตัวเองเป็นเทวดา บางครั้งก็เห็นตัวเองว่าเป็นมนุษย์
อันนี้ก็เพราะอาศัยหลักมาพิจารณา มาดูว่าขณะใดที่จิตเราของเราเกิดความโหดเหี้ยม เพราะอำนาจความโกรธความโลภความหลง จนทั้งได้ทำอะไรลงไปโดยไม่คิดถึงศีลธรรมและกฏหมายปกครองบ้านเมือง อยากจะทำอะไรก็นึกทำลงไป ถึงแม้ไม่ได้ทำแต่ใจมันก็ยังนึกอยากจะทำ สิ่งที่นึกอยากจะทำนั้นมันไม่มีศีลมีธรรมในขณะนั้น
ในขณะนั้นยังรู้สึก อ้อ เรานี่จิตใจของเรายังบางครั้งเป็นสัตว์เดรัจฉานอยู่นี่ อันนี้เป็นการพิจาณาตัวเอง เรื่องของ อาตมามาเองนะ ไม่ได้แกล้งว่าโยม และบางครั้งรู้สึกว่ามีหิริความละอายบาป มีโอตตัปปะความสะดุ้งกลัวต่อบาป แม้แต่ความคิดจะทำบาปในที่ลับในที่แจ้ง มันก็ไม่คิด มันมีคุณธรรมอันนี้อยู่ในใจ ในขณะนั้นก็รู้สึกว่า หิริโอตตัปปะเป็นคุณธรรม ที่ทำให้คนเป็นเทวดา ก็รู้สึกว่าอ้อ เราเป็น เทวดา
บางทีมันเกิดขี้เกียจขี้คร้านขึ้นมาไหว้พระสวดมนต์มันก็ไม่อยากทำ นั่งสมาธิมันก็ไม่อยากทำมันไม่เอาไหน มันไม่คำนึงอันประโยชน์ตน อันประโยชน์ท่านไม่เหลียวแล ทอดอาลัยตายอยากในชีวิต ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าตัวเรากำลังเป็นเปรต เพราะเปรตแปลว่าผู้ละไปแล้ว
บางทีจิตใจมันก็รู้สึกว่า เออมีความเมตตามีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความรักความสงสารในเพื่อนมนุษย์ และสัตว์ เดรัจฉานด้วยกัน ไม่คิดที่จะทำอะไร ในขณะนั้นก็รู้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์
อันนี้คือ พื้นฐานที่เป็นหลักให้เราพิจารณาตัวเองว่าเรา เป็นอะไร เราจะได้รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง เราจะได้รื้อข้อบกพร่องของตัวเอง เราจะได้เพิ่มเติมให้อยู่ในระดับพอดิบพอดี ส่วนไหนขาดก็จะได้เพิ่มขึ้น ส่วนไหนเกินก็จะได้ตัดทอนลง ให้พอดีให้รู้ว่าจิตใจของเรานี่มันมีอะไรเป็นอะไรอยู่ เราก็รู้จักจุดสำหรับแก้ จิตใจของเรา
ถ้าเรามองไม่เห็นตัวของเราเอง เห็นใจของเราเอง เราก็ไม่มีทางแก้ “
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
โฆษณา