24 พ.ค. 2020 เวลา 15:45 • ท่องเที่ยว
เชียงใหม่ Alone EP.1 : นั่ง City bus เกือบสุด จุดจบคือ "หลงทาง" 😅
สวัสดีค่าาทุกคน วันนี้เรามาขึ้นเหนือกันดีกว่าค่ะ ไปเป็นสาวเชียงใหม่แป๊บ
ภาพโดย : ยาจก
เอาจริงๆจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่ยาจกเลือกที่จะไปเที่ยวแทบทุกปีที่มีโอกาส และไปติดต่อกันมาแล้ว 3 ปี โดยไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยซ้ำกันเลยค่ะทุกค๊น 😆
ต้องยอมรับว่าเชียงใหม่มีที่เที่ยวเยอะมาก หลากหลายแนว จะภูเขา จะน้ำตก แม่น้ำ ดอกไม้ สวนสัตว์ แหล่งชุมชน หรือแสงสีในเมือง โอ๊ยยย ที่นี่มีครบค่ะ เที่ยวยังไงก็ไม่เบื่อ
สำหรับเรามันเป็นความรู้สึกแบบว่า "ไปเมื่อไหร่ก็ยังรู้สึกว่าดีต่อใจเสมอ" จริงๆ
แต่ปัญหาใหญ่ของยาจกคือเป็นคนขี้หนาวมากกก ไม่ชอบอากาศหนาวเย็นทุกชนิด ดังนั้นการไปเที่ยวเชียงใหม่ของยาจกจึงพยายามหลีกเลี่ยงฤดูหนาวมาตลอด ใครจะบอกว่าสวยยังไงก็ช่าง! เชิญเลยค่ะเชิญเลย แต่นี่ขอบายจริงๆค่ะ 555
จึงกลายเป็นว่าทุกครั้งที่ไปก็จะเป็นช่วงกรกฏาคมหรือสิงหาคมเป็นหลัก (ตารางงานอำนวยด้วย) มันเป็นช่วงที่มีฝนปรอยปรอย หญ้ากำลังเขียวพอดี ซึ่งมันเป็นบรรยากาศที่เราก็ยังมองว่ามันสวยมากๆ อากาศกำลังพอดี ฟินนน
ส่วนการไปเที่ยวครั้งที่จะหยิบมาเล่านี้ เป็นการไปเที่ยวเชียงใหม่ครั้งที่ 2 ของยาจกนะคะ แต่เป็นการไปแบบ alone ครั้งแรกค๊าาทุกค๊นน ไปดูกันค่ะว่าไปผจญอะไรมาบ้าง
เที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้ไปทั้งหมด 5 วันค่ะ และยังคง concept เดิมไม่มีหลุดคือ "ไม่ได้หาข้อมูลที่เที่ยวใดๆไปเลยจ่ะ" (ยังไม่เข็ด 🤣) แค่จองตั๋วเครื่องบินและที่พักไว้ ที่เหลือแล้วแต่บุญแต่บาป 55 (รายละเอียดการเดินทาง ที่พัก ดูได้ที่ "เพิ่มเติมท้ายโพสต์" นะคะ)
แต่การมาครั้งนี้ เราเห็นเลยว่าระบบขนส่งสาธาณะของเชียงใหม่เปลี่ยนไปค่ะ จากที่มาครั้งแรกเมื่อปี 2017 จะไปไหนก็ต้องอาศัยรถแดง มีรถแดงวิ่งเต็มไปหม๊ดดทั่วเมืองเชียงใหม่เลยค่ะ สะดวกนะคะ แต่ราคาก็แอบตามใจคนขับเบาๆ
มารอบนี้ (ปี 2018)....เขามี "City bus" เว้ยเฮ้ยยยยยย....
เรามาถึงเชียงใหม่ประมาณ 10.30 น. พอเราเดินออกมาจากสนามบินปุ๊บ เราก็ยืนงงอยู่หน้าประตูปั๊บเลยค่ะ
ไม่ใช่เห็นอะไรนะคะ...แต่เรายังไม่ได้คิดค่ะว่าจะเข้าไปในเมืองยังไง 555
นี่เป็นครั้งแรกที่นั่งเครื่องบินมาเชียงใหม่ (ปี 2017 มารถทัวร์) ไม่รู้ว่ามีรถสาธารณะอะไรให้บริการบ้าง คิดแค่ว่าคงมีรถแดง แต่ที่มองเห็นกลับเป็นแท็กซี่เป็นสิบๆ 😅 ด้วยความงกก็เลยไม่อยากใช้บริการแท็กซี่
ยืนงงได้สักพัก ก็มีพี่การ์ดใจดี (ที่คงสังเกตเห็นหน้างงๆของเรา) เดินเข้ามาถามว่าจะเข้าเมืองหรือเปล่า เราเลยบอกว่าใช่ค่ะ เขาเลยแนะนำว่า "ตอนนี้มี City bus จากสนามบินเข้าไปในเมืองแล้วนะ คันสีน้ำเงิน จอดอยู่แถวๆรั้วสนามบิน"
ขอบคุณเสร็จ เรานี่แบบ...วิ่งแจ้นไปเลยจ๊าา 🤣
คือการมี City bus มันเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายจริงๆเด้อ บอกเลย
ภาพจากเพจ RTC Chiang Mai City Bus
พอเดินมาถึง ก็เห็นรถบัสสีน้ำเงินสาย R3 จอดอยู่จริงๆจ้า (ยังไม่ถึงเวลารถออก) เดินไปอ่านป้ายหน้ารถนิดหน่อย เสร็จแล้วก็ขึ้นไปบนรถ
ความรู้สึกคือ เหยยย มันดีมากเวอร์ รถมันกว้างขวาง สะดวกสบายมากค่ะทุกค๊นนน มีพื้นที่สำหรับผู้พิการ พื้นที่สำหรับวางกระเป๋าเดินทาง คิดว่ารูปแบบคล้ายรถเมล์สีฟ้าแบบใหม่ในกรุงเทพเลยค่ะ
ภาพจาก : https://www.thaiticketmajor.com/variety/travel/11399/
ที่สำคัญคือราคา 20 บาทตลอดสายไปเลยจ้าา จะทำยังไงล่ะ...ก็ต้องนั่งอ้อมสักรอบสิจ๊ะ รออะไร 555
ซึ่ง ณ ขณะนั้น ความจริงก็คือ...เรายังไม่รู้ว่าที่พักเราอยู่ส่วนไหนของเมืองเชียงใหม่ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องไปที่ไหน 🤣🤣 แต่ก็บอกตัวเองว่า "นั่งคันนี้ไปก่อนแหละวะ"
ทั้งๆที่ก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าอีสถานที่ทั้งหลายที่เขียนไว้หน้ารถ ว่าสายนี้ขับผ่านมันคือที่ไหน 😂 กะบ่แม่นคนเชียงใหม่เนาะ (รู้เลยว่ามาจากไหน 555) เอาเป็นว่าเข้าเมืองให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน
ส่วนการจ่ายตังค์ค่ารถบัส ตอนเราไปก็ใช้เงินสดเป็นหลักค่ะ แต่ตอนนี้ปี 2020 สามารถจ่ายเป็นเงินสดก็ได้ จ่ายด้วย Rabbit Card ก็ได้ และเขายังมี RTC Transit Rabbit Card แล้วด้วยน๊า (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ City bus ได้ในลิงค์ที่แปะไว้ที่ "เพิ่มเติมท้ายโพสต์" ได้เลยนะคะ)
พอทุกอย่างเข้าที่ ก็เอาล่ะ ก่อนอื่นเปิด map ดู location ที่พักของเราก่อนเลยค่ะ จะได้รู้ว่ารถสายนี้มันผ่านแถวที่พักเราไหม
พอรถออกก็นั่งชมวิวเมืองไป ดู map ไปเป็นระยะ จนรถวิ่งไปถึงแถวถนนนิมมานเหมินท์ เราก็ตื่นตาตื่นใจเล็กน้อย ตึกรามบ้านช่องแถวนี้ดูโมเดิร์น ร้านรวงเยอะเยะมากมาย น่ามาเดินกินเดินเที่ยวสุดๆ (นั่นคือความคิด 🤣)
สุดถนนนิมมานแล้วรถก็เลี้ยวขวา เราเปิดดู map อีกครั้ง ก็พบว่าเฮ้ยยย...มันผ่านที่พักเราค่าาทุกคน บังเอิญมากมาย (ที่พักเรา Me U2 & i-smile Hostel อยู่ถนนมณีนพรัตน์ แถวๆวัดโลกโมฬี)
เอาล่ะ พอรู้แล้วว่าที่พักอยู่ไหนก็สบายใจละ นั่งต่อไปเลยค่ะ ยังไม่ลง 55 ตั้งใจว่าจะนั่งให้สุดสายวนกลับสนามบินเลย
แต่ แต่...นั่งไปสักพัก ดันหิวขึ้นมาจ้าา 555 ซึ่งมันก็จวนเวลาอาหารกลางวันละแหละ
สุดท้ายทำไง...ก็ต้องหยุดการนั่งรถก่อนค่ะ 😅 เห็นป้ายตลาดวโรรสพอดิบพอดีจริงๆ (คนท้องที่เรียกตลาดวโรรสว่า "กาดหลวง หรือ "กาดวโรรส โดยคำว่า "กาด " เป็นภาษาเหนือ แปลว่า ตลาด) กะว่าจะไปหาอะไรกินแล้วค่อยนั่งรถบัสต่อ
พอลงจากรถ ก็เดินเข้าตลาดไปด้วยความหิว ย่างเท้าเข้าไปในตลาดปุ๊บ...ก็เห็นเลยค่ะ
ใช่ค่ะ ของวางขายเต็มเลยค่ะทุ๊กคนน...แต่ โถ๊โถโถ แม่จ๋า มันเป็น "ของฝาก" ที่แพ๊คใส่ถุงเรียบร้อย ไส้อั่วเอย แหนมเอย น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู ผลิตภัณฑ์ผัก ผลไม้แปรรูป วางเรียงรายเต็มไปหมดเลยค๊าาา
ภาพจาก : https://www.emagtravel.com/archive/waroros-market.html
เอิ่มมม "ตลาดวโรรส" ที่เราเข้าใจว่ามันคือตลาดสดที่มีร้านอาหารเล็กๆพร้อมโต๊ะนั่งกินข้าวอะไรอย่างนั้น แต่เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงค่ะ 555 ที่นี่คือ "แหล่งซื้อของฝาก" และมีพวกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า บลา บลา บลา แต่หามีร้านนั่งกินข้าวไม่ 🤣🤣 (หรือเราหาไม่เจอเอง?)
ว่ากันว่าตลาดวโรรสเป็นตลาดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ มีประวัติอันยาวนานมานับร้อยปีเลยค่ะ
เดิมทีเป็นที่ปลงพระศพและเป็นที่เก็บพระอัฐิของเจ้าเชียงใหม่หลายพระองค์ค่ะ หลังจากนั้นพระชายาเจ้าดารารัศมีใน ร.5 ได้มีพระราชดำริให้ย้ายพระอัฐิไปไว้ที่วัดสวนดอก และได้รวบรวมเงินส่วนพระองค์และเงินจากเจ้าอินทวโรรสฯ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในสมัยนั้นมาสร้างตลาดขึ้นในบริเวณนี้ และได้พระราชทานชื่อว่า "ตลาดวโรรส" ตามพระนามของเจ้าอินทวโรรส ชาวบ้านจึงเรียกกันต่อๆมาในชื่อ "กาดหลวง" นั่นเองค่ะ
อืมมม สุดท้ายอิฉันก็ต้องเดินต่อค่ะ 😅 เดินข้ามถนน ลัดเลาะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปเรื่อย สุดท้ายก็เจอร้านโจ๊กเล็กๆข้างทาง 😄 จัดเลยจ่ะ ชุดใหญ่ไฟกระพริบ
พออิ่มเรียบร้อยก็ อ่ะ เดินย้อนกลับทางเดิม เพื่อเข้าหาถนนหลักที่รถบัสผ่าน
แต่ทุกคนคะ...ทุกคนนึกออกไหมคะว่าตอนนั่งรถบัสมามันก็มียูเทิร์น เลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวาเป็นช่วงๆ ตัวเราเองตอนเดินออกจากตลาดมาก็ข้ามถนนแล้วเลี้ยวไปหลายเลี้ยวเช่นกัน การที่เราจะเดินกลับทางเดิม...มันเป็น mission impossible ไปเลย 555
ตอนแรกเรามั่นใจมากนะว่าเราเดินกลับมาถูกทาง แต่ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ มั่วมากจ่ะแม่จ๋า สุดท้ายเลยสรุปกับตัวเองว่า...หลงทางเรียบร้อยจ่ะ!
แล้วเราก็ลองเปิด map ดู ก็เห็นว่า เอิ่มม..ตูเดินมาไกลเหมือนกันนี่หว่า และที่เลือกเดินมาคือมันคนละทางกับตลาดเลยเว้ยเฮ้ยยย บ้าบอ
ทำไงล่ะทีนี้ ไม่เดินต่อละแน่ๆ ก็เลยยืนสังเกตการอยู่ข้างทางสักพักหนึ่ง เผื่อบังเอิญมีรถบัสผ่านมา แต่...รถที่ผ่านมาทุก 5 นาทีจริงๆก็คือรถแดงจ่ะ! 🤣 บางคันมีผู้โดยสาร บางคันไม่มี และบางคันก็จอดถามเราด้วยว่าจะไปไหน
พอสังเกตการมา 20 นาที คิดว่าคงไม่ใช่ทางรถบัสละ ก็เลยตัดสินใจว่าจะใช้บริการพี่รถแดงตรงกลับที่พักเลย
ภาพจาก : https://travel.thaiza.com/tips/334478/
ว่าแล้วก็โบกรถแดงผู้โชคดีที่ผ่านมาตอนความอดทนหมดลง แล้วถามว่าพี่ผ่านที่นี่ไหมคะ (บอกชื่อที่พักไป) เขาก็บอกว่าเหมาได้ 150 บาท
เอิ่มมมม 150 บาท? (แทบกลอกตามองบน) มันไม่ได้ไกลขนาด 150 บาทไหมจ๊ะพี่จ๋า เราไม่โอเคกับราคานี้ ก็เลยปฏิเสธไป พี่แกยังมีลดราคาให้เหลือ 120 บาทด้วยนะ 555 แต่เราก็ปฏิเสธไปอีก นางก็เลยไป
เรายืนลังเลอีกสักพักว่าจะเอาไงดี คิดว่ารถแดงราคาเหมาคงเท่าๆกันหมด แต่ก็ลองโบกอีกคัน และอย่างโชคเข้าข้าง รอบนี้ก็ได้เว้ยยย พี่เขาบอกรู้จักที่พักเรา และไปส่งได้ในราคา 40 บาท เรานี่แทบกราบ ขอบคุณที่ไม่เอาเปรียบกันมากเกินไป สังคมต้องการคนแบบพี่ค่ะ 555
นั่งกับพี่แกไป แกก็เม้าท์นั่นนี่นู่นให้ฟังไปเพลินๆจนถึงที่พัก สุดท้ายแกก็ให้นามบัตรไว้บอกว่าเรียกใช้บริการได้ หากอยากไปที่ท่องเที่ยวต่างๆใกล้เมืองเชียงใหม่ แกคิดไม่แพง 😆 อ้ายกะขายของไปอี๊กก 🤣🤣
แล้วเราก็ไปเช็คอินเข้าที่พัก มันเป็น hostel ที่ในห้องพักเป็นเตียง 2 ชั้น มีห้องละ 4 เตียง เราได้เตียงล่าง
เก็บกระเป๋า ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ได้เวลาตะลอนแล้วค๊าาา
ตลอดการมาเที่ยวครั้งนี้เราตั้งใจจะเช่ามอร์ไซด์ขี่ (ขับรถยนต์ไม่เป็นนะ 55) เพราะเราตั้งใจว่ากลางวันจะออกไปต่างอำเภอ กลางคืนค่อยเที่ยวในเมือง
ดังนั้นเราก็มาสอบถามกับพี่เจ้าของที่พัก (เขาประจำอยู่เคาน์เตอร์ตลอด) เขาก็จัดการเรื่องเช่ามอร์ไซด์ให้เรียบร้อยเลย รถมาส่งถึงที่ เราแค่รอจ่ายตังค์ 😃
ได้มอร์ไซด์ละ ต่อไปหาที่เที่ยวค่ะ เรามีเวลาช่วงบ่ายที่เหลือนี้จะไปไหนดี ก็อีกตามเคยค่ะถามพี่เจ้าของให้แนะนำให้หน่อย 55 นางก็ใจดีแนะนำที่นู่นที่นี่ พร้อมหยิบแผ่นพับท่องเที่ยวมาให้เลยจ่ะ ประมาณแบบ "อ่ะ จะไปไหน ก็เลือกเอา" 😆
สุดท้ายเราก็เลือกได้ว่าเวลาที่เหลือนี้เราจะขึ้น "เส้นดอยสุเทพ" ละกัน
ในขณะที่เรายังก้มหน้าก้มตาอ่านแผ่นพับอยู่ เราก็เลยพูดเป็นเชิงบอกพี่แกว่า "งั้นหนูไปเส้นดอยสุเทพค่ะพี่"
แล้วมันก็มีเสียงตอบมาค่ะ แต่ดันเป็นเสียงผู้หญิงที่ถามกลับมาว่า "ไปดอยสุเทพเหรอคะ ขอไปด้วยได้ไหม"
เราก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างไวด้วยความงง แล้วเราก็เจอสาวน้อยนางหนึ่ง ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์กับพี่เจ้าของ โดยที่เราไม่ทันสังเกตเห็นนางมาก่อน ไม่รู้ว่านางมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ส่วนเราก็ยังทำหน้างง ก็มันงงอ่ะ อารมณ์แบบนางพูดกับเราเหรอวะ รู้จักกันมาก่อนไหมเนี่ย? อยู่ดีๆมาขอไปด้วยเฉยเลย 🤣🤣
สาวน้อยนางนี้เป็นใคร มาจากไหน อะไร ยังไง จะได้ไปกับเราด้วยรึเปล่า เดี๋ยวมาเล่าต่อใน EP หน้านะคะ (เนื้อหามันยาวเกินไปละ 555)
ยาจก
เพิ่มเติมท้ายโพสต์
♡ การเดินทางและที่พัก
- การเดินทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ : AisAsia
จองตั๋วช่วงโปร 0 บาท (ตั๋วไป-กลับประมาณ 500 บาท)
- ที่พัก : Me U2 & i-smile Hostel
อยู่ในเมืองเชียงใหม่ 100 บาท/คืน (ราคาแล้วแต่ช่วงนะ) สะอาดสะอ้าน มีมุมให้นั่งเล่น มีของให้กิน และพี่เจ้าของน่ารักมาก ถามไถ่ทุกวัน ช่วยคิดโปรแกรมเที่ยวด้วย 555
- การเดินทางไปที่เที่ยว : เช่ามอร์ไซด์
ราคา 250 บาท/วัน เราให้ทาง hostel ติดต่อให้ มัดจำ 3,000 บาท แต่ร้านเช่ามอร์ไซด์มีทุกหัวระแหงเลยจ่ะ ถ้าใครสะดวกเดินตามหาก็ได้เช่นกัน และแนะนำให้พกตังค์ไว้ค่ามัดจำด้วยนะ
หรือถ้ามาโดยรถทัวร์ ก็สามารถเช่าที่ร้าน Bikky แถวๆขนส่งอาเขตได้นะ ที่นี่ไม่ต้องมัดจำ แต่ต้องให้บัตรประชาชนไว้
♡ เส้นทางและตารางเดินรถ City Bus เชียงใหม่ (ตอนนี้ราคาสำหรับบุคคลทั่วไปเป็น 30 บาทแล้วจ้า)
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา