23 พ.ค. 2020 เวลา 06:08 • ประวัติศาสตร์
สวัสดีครับ
ยังคงอยู่ที่หนังสือเรื่อง Sapiens ในSection 1 ไปอีกสักพักนะ
Sapiens
Section 1 :การปฎิวัติการรับรู้ (The cognitive Revolution)
Chapter 2 : ราคาของความคิด(Cost of thinking)
หลับตาแล้วนึภาพเมื่อประมาณ 3,800 ล้านปีที่แล้ว คือจุดเล็กของการกำเนิดชีววิทยาบนโลกใบนี้ขึ้น ถ้ามองในมุมของพระพุทธศาสนาเราพวกเราคงเป็นดวงจิตหลายๆดวงที่รอคอยการถือกำเนิด
2.5ล้านปีที่ผ่านมาเริ่มมีการวิวัฒนาการของกลุ่มโฮโมในทวีปแอฟริกา 5แสนปีถัดมานั้นจึงเกิดการแพร่กระจายไปยังที่ต่างๆ
ประเด็นของ Chapter นี้อยู่ที่ว่าการวิวัฒนาการของมนุษย์แต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน แต่จุดที่เหมือนกันคือ "สมอง"
ขนาดสมองมนุษย์มีประมาณ600 ลูกบาศก์เซนติเมตร(ซีซี)
เมื่อประมาณ 2ล้านกว่าปีที่แล้ว
ในขณะที่สมองมนุษย์ที่ขึ้นชื่อว่าวิวัฒนาการ(Homo Sapiens)แล้วนี้ขนาดสมองจะอยู่ที่1,200-1,400 ซีซี
ประเด็นอยู่ที่ว่า ยิ่งสมองใหญ่ก็ยิ่งทำให้มีสติปัญญามากขึ้นดูทรงพลังมีสติปัญญาอันเฉลียวฉลาด
Left and Right brain
จนความคิดที่ว่าพลังจากสมองมากเท่าใดก็จะยิ่งฉลาดดีขึ้นไปเท่านั้น "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราคงเห็นสัตว์ในวงตระกูลลูกแมวสามารถคำนวณแคลคูลัสได้ และกบก็สามารถสร้าง ISS ได้แล้ว"
ดูเหมือนว่าNoah(คนเขียนหนังสือเล่มนี้)กำลังจะบอกเราว่า ขนาดของสมอง คงไม่อาจเป็นข้อเท็จจริงที่สุด ที่ทำให้เรามีรถยนต์หรือหลอดไฟที่ส่องสว่างในทุกวันนี้ แต่เป็นปริมาณของพลังงานที่สมองต่างหาก
ที่ต้องการพลังงานมากถึง 25 เปอเซนต์ ถ้าลองเทียบกับลิงชิมแปนซีสมองต้องการพลังงานเพียง 8 เปอเซนต์ (ผมจำคำพูดที่คุณครูสอนผมตอนอยู่ ม.3 ได้ว่า "อยากสมองใหญ่ ก็ต้องฝึกคิดเยอะ")
ข้อสนับสนุนอีกอย่างหนึ่ง ความสามารถในการเข้าสังคมของมนุษย์ ความผูกผันทางสังคม รวมทั้งการศึกษา ที่ทำให้สมองต้องการพลังงานมากขนาดนั้น
คงจะเป็นเรื่องที่น่าหดหู่สำหรับคนในยุค 2 ล้านปีก่อนสกุล Homo เพราะ ระดับห่วงโซ่อาหารที่พวกเค้านั้น อยู่ตรงช่วงกลางของพีระมิด (ลองนึกภาพว่าพวกเรากำลังวิ่งหนี หรือพยายามว่ายน้ำหนีนักล่าทั้งหลายที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในช่วงเวลานั้น)
แต่ทว่า 1.6 ล้านปีถัดมา เผ่าพันธุ์เราได้เริ่มมีการออกล่าสัตว์ใหญ่บ้าง และถัดจากนั้นมาอีก3 แสนปี (1แสนปีที่แล้ว) มนุษย์ก็ได้ขึ้นไปอยู่บนชั้นสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
let's get eat!!!
ถ้าลองเปรียบเทียบช่วง TImeline จะเห็นว่าวิวัฒนาการที่กล่าวกระโดดเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากสำหรับคนรุ่นหลังอย่างเรามาก
"แต่ว่าการขึ้นจุดสูงสุดที่รวดเร็วนี้ ทำให้เกิดความล้มเหลวในการปรับตัว ทำให้เรากังวลเกี่ยวกับ*สถานะ* และนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่จำนวนมากในประวัติศาสตร์ "
ถ้าเหตุการณ์ใหญ่ๆ ก็คงจะเป็นสงครามโลกที่เกิดจาก มนุษย์ และ มนุษย์ ถ้าเป็นล้านกว่าปีอาจจะเป็นสงคราม มนุษย์ กับ สิงโต
แต่2,500กว่าปีที่แล้วก็ได้เกิดคำพูดที่ว่า
"เหตุของความทุกข์เกิดจากการยึดติดและไม่ปล่อยวาง"
แปลได้ในอีกทางหนึ่งคือ อย่ายึดติดกับสถานะของตนจนเกิดไป
นี่แหละครับเป็นราคาของความคิดมนุษย์
รอติดตามอ่าน chapter ต่อไปใน section1 ของหนังสือกันต่อนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับผม
#อ่านหนังกันไหม
โฆษณา