24 พ.ค. 2020 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #ศรัทธาสุดท้าย ? ]
แนวทางการบริหารทีมของเมืองทอง ยูไนเต็ดคือเน้นภาพลักษณ์นำร่องเหนืออื่นใด
การเป็นสโมสรที่อยู่ในเมืองหลวง (แม้ที่ตั้งจะอยู่นนทบุรี) และเป็นจุดศูนย์รวมของแข้งซูเปอร์สตาร์ทีมชาติไทยคือความชัดเจนที่เราต่างก็เห็นได้
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ , ธีราธร บุญมาทัน , ทริสตอง โด , พีรพัฒน์ โน้ตชัยยา , ธนบูรณ์ เกษารัตน์ , อดิศร พรหมรักษ์ , สารัช อยู่เย็น , ชนาธิป สรงกระสินธิ์ , ธีรศิลป์ แดงดา หรือ อดิศักดิ์ ไกรษร นักเตะเหล่านี้ล้วนเคยอยู่ในทัพกิเลนยุคเดียวกัน ผงาดครองแชมป์ไทยลีกเมื่อปี 2016
ไม่นับแข้งต่างชาติระดับคุณภาพอย่าง คลีตัน ซิลวา , มาริโอ อบรานเต้ และ นาโออากิ อาโอยามะ ที่ช่วยผนึกให้แข็งแกร่งขึ้นอีก
นี่คือดรีมทีมที่สร้างความปลาบปลื้มให้กับกองเชียร์อย่างมาก ฐานแฟนบอลจึงขยายออกมากขึ้น ไม่ใช่แค่จำกัดในกรุงเทพและนนทบุรีเท่านั้น ยังลามไปยังทุกภาคของประเทศ
สโมสรที่เต็มไปด้วยดาวดังทีมชาติไทย ลงเล่นพร้อมกันทีไรย่อมเรียกเสียงกรี๊ดได้เสมอ
แต่ไม่นานนักการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น เริ่มจากการปล่อยนักเตะหลักไปค้าแข้งยังญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ธีรศิลป์ , ธีราทร หรือ ชนาธิป ในรูปแบบยืมตัว ก่อนจะขายขาดในเวลาต่อมา ว่ากันว่า 3 คนนี้ค่าตัวรวมกันกว่า 120 ล้านบาท
ก่อนหน้านั้น ธนบูรณ์ ไปอยู่เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งดีลน่าจะมีมูลค่า 50 ล้านบาท ในยุคที่พ่อเลี้ยงเมืองเหนือเงินทุนล้นกระเป๋า ได้เสี่ยใหญ่อาบอบนวดและลูกชาย ซึ่งหวังอนาคตทางการเมืองมาช่วยเปย์เต็มที่
นอกจากนี้ กวินทร์ ยังถูกขายให้กับโอเอช ลูเวินทีมในลีกรองของเบลเยียม ซึ่งอยู่ภายใต้อาณาจักรของคิง เพาเวอร์ส
เช่นเดียวกับปล่อย ทริสตอง โด กับ พีรพัฒน์ สู่แบงค็อก ยูไนเต็ด โดยสามคนนี้มูลค่ารวมกันน่าจะเหยียบ 70 ล้านบาท
ตามด้วยการเสีย แฮร์แบร์ตี้ เฟร์นานเดซ ให้กับการท่าเรือ แม้จะเป็นแบบยืมตัวแต่ก็เข้าใจได้ว่าเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพราะค่าจ้างตัวรุกบราซิเลี่ยนแพงหูฉี่ เกือบ 2 ล้านต่อเดือน
แล้วยังขาย อดิศักษ์ ให้การท่าเรืออีกเช่นเดียวกันคาดว่าราคาค่างวดน่าจะตกที่ 12 ล้านบาท
หมายความว่าผู้เล่นไทยในยุคดรีมทีมอันเกรียงเหลือเพียงแค่ สารัช กับ อดิศร เท่านั้น
กระทั่งล่าสุดสื่อแทบทุกสำนักต่างระบุตรงกันว่าสองคนนี้เตรียมพร้อมแพ็กกระเป๋าตามคนอื่นไปด้วย
นี่คือสองมรดกชิ้นสุดท้ายที่ช่วยย้ำเตือนความยิ่งใหญ่และเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมในสาวกกิเลนผยอง
เกิดปัญหาอะไรขึ้นในมุ้งของเมืองทองกันแน่?
ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ทรุดหนักลงเรื่อยๆ เงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์หลักลดลง รวมทั้งจำนวนแฟนบอลที่เข้ามาเชียร์เริ่มหายไป สอดคล้องกับผลงานที่ถดถอย
ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของเมืองทองมากขึ้นกว่าเดิม เพราะธุรหลักกิจหลักสื่อสิ่งพิมพ์ของบอสใหญ่ ระวิ โหลทอง ก็ขาดทุนหนักด้วยเช่นกัน
ดังนั้นบอร์ดบริหารจำต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สโมสรสามารถเดินหน้าต่อได้และการดันเด็กๆจากทีมเยาวชนขึ้นมา น่าจะเป็นทางออกที่ดีสุด พร้อมกับปรับแคมเปญใหม่ในปีนี้มาเป็น REDVOLUTION สื่อถึงการปฏิวัติใหม่
ผลงาน 4 นัดในการออกสตาร์ตของกิเลนผยองดูกระท่อนกระแท่นบ้าง แต่ยังเอาตัวรอดได้ ก่อนลีกต้องเบรกลงชั่วคราวถอยให้กับไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม
ในขณะที่แฟนบอลรอคอยลีกรีสตาร์ตอีกครั้ง คลื่นลมสถานการณ์ดูเงียบสงบ แต่จู่ๆกลับมีมรสุมโหมกระหน่ำเข้ามา
จู่ๆเมื่อวันศุกร์ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงที่เอสซีจี สเตเดี้ยม เมื่อสื่อยักษ์ใหญ่อย่างสยามสปอร์ตเปิดเผยว่า เมืองทองขาย อดิศร ให้กับการท่าเรือเรียบร้อย
หากเป็นสำนักอื่นยังเชื่อถือไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์นัก แต่นี่สื่อในเครือข่ายยืนยันเองการันตีความจริงได้เลย
จากนั้นไม่นานกระแสข่าวก็หนักหน่วงขึ้นอีกว่า สารัช ก็กำลังจะถูกปล่อยตัวตามไปด้วย อาจเป็นบีจี ปทุมคว้าชิ้นปลามันได้สำเร็จ
แม้สองดีลดังกล่าวยังไม่บรรลุ เพราะตัว อดิศร เองไม่ต้องการย้ายไปท่าเรือเท่าไรนัก รวมทั้งบีจีก็พอใจขุมกำลังในแดนกลาง จึงไม่จำเป็นต้องซื้อ สารัช ที่มูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาท
แต่ร้อยเปอร์เซนต์ว่า 2 แข้งมรดกสุดท้ายจะย้ายอย่างแน่นอน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้
กระนั้นปมที่ทำให้ต้องปล่อยตัวไปนั้น ไม่ใช่เรื่องของเงินหรือเมืองทองถังแตกอับจนหนทางตามที่ลือกัน
ต้นตอปัญหามาจากแรงกระเพื่อมภายในทีมเอง บรรยากาศที่ไม่ชื่นมื่นนัก โดยเฉพาะนักเตะยังคงมาซ้อม แต่ถูกหักเงินค่าจ้างถึงครึ่งหนึ่ง
ทั้งที่ตอนแรกบอร์ดของทีมประกาศว่าจะไม่ลดเงินผู้เล่นในช่วงที่ลีกต้องหยุดลงชั่วคราว สุดท้ายไม่ทำตามที่สัญญาไว้
เงินที่หายไปถึง 50 เปอร์เซนต์ นับว่าส่งผลกระทบอย่างมาก ไล่ตั้งแต่แข้งแกนนำยันถึงดาวรุ่งที่มีรายได้แค่ไม่กี่หมื่น
ในฐานะกัปตันทีม สารัช พยายามเข้ามาเคลียร์กับทางผู้บริหาร อย่างน้อยที่สุดส่วนที่หักไปก่อนแล้ว ควรคืนให้ภายหลังเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ปกติ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการตอบสนอง
กระแสคลื่นใต้น้ำจึงเชี่ยวกรากมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะ สารัช กับ อดิศร พร้อมรับบทเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันปกป้องสิทธิ์ของตนและพวกน้องๆในทีม
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นยังสร้างความเอือมระอาให้ อเล็กซานเดร กาม่า กุนซือบราซิเลี่ยน กระทั่งมีการกระพืออีกว่าจะยกทีมสต๊าฟฟ์ลาเมืองทองด้วยเลย
อย่างไรก็ตามบอร์ดจำเป็นต้องตัดสินใจขั้นเด็ดขาด หั่นสองแข้งกบฏจากทีมทันทีแบบไม่รีรอ เหมือนเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
สองคนนี้ไม่ได้ดิ้นรนอยากย้ายเอง แต่เมื่อทำตัวเป็นปฎิปักษ์กับทีม งัดข้อบอร์ดบริหาร ฉะนั้นก็จำต้องแยกกันทางใครทางมัน
นี่คือสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสรอีกแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มักมีข่าวว่านักเตะบางคนที่ย้ายออกไป ได้รับอภิสิทธิ์จนเคยตัว เพียงแค่เดินเข้าหาบิ๊กบอสเพื่อต่อรอง
1
อาจทำร้ายความรู้สึกกองเชียร์ เพราะแทบไม่หลงเหลือนักเตะไทยในยุคไร้เทียมทานเลย แต่เมื่อต้องเดินหน้ากันต่อตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้
แหล่งข่าววงในสโมสรยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินเลย แต่ต้องปรับตามนโยบาย พร้อมทั้งรั้ง กาม่า ให้กุมบังเหียนอย่างเดิม ซึ่งเชื่อว่าไม่มีปัญหา
นอกจากนี้การเสียสองผู้เล่นไป จะถูกทดแทนด้วยแข้งใหม่ซึ่งชื่อชั้นสมน้ำสมเนื้อกันแน่นอน
กระนั้นการหักดิบเช่นนี้ เมืองทองควรออกมาชี้แจงแถลงให้ชัดเจนด้วย ว่าแท้จริงแล้วการถีบหัวส่งสองผู้เล่น โดยเฉพาะ สารัช ที่เติบโตมจากที่นี่แบบไม่ดูดำดีดู ทั้งที่พ่อเคยเป็นพนักงานวางบิลของสยามสปอร์ต มันเกิดอะไรกันแน่
ยิ่งประเด็นสโมสรผิดสัญญา ไม่ยอมทำตามที่พูดไว้ จะต้องเคลียร์ให้แฟนบอลได้เข้าใจด้วย
ถ้าปล่อยให้คาราคาซัง จะเหมือนนับถอยหลังสู่ความล้มเหลวดีๆนี่เอง
ศรัทธาที่มีให้จะเสื่อมลงและไม่เหลืออะไรให้น่าจดจำอีกเลย
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา