24 พ.ค. 2020 เวลา 11:00 • ข่าว
เก็บทุกเม็ด! อเมริกาปล่อยหมัดเด็ดอะไรใส่จีนไปแล้วบ้าง พ่อบ้านลงทุนจะมาสรุปให้ฟังครับ
สำหรับอเมริกาตอนนี้ จีนคือคู่แข่งทางเศรษฐกิจอันดับ 1
Photographer: Susan Walsh/AP
ด้วยความสามารถและช่องว่างในการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงจำนวนประชากรที่เยอะมาก ทำให้มีการคาดการณ์ GDP ของจีนว่าจะโตแซงอเมริกาในปี 2030
ซึ่งแน่นอนว่าอเมริกาคงไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นครับ ทำให้เราเริ่มเห็นมาตรการหนักๆ ที่อเมริกาปล่อยออกมาตอบโต้จีนตั้งแต่สมัย ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งเป็นต้นมา
(1) สงครามการค้า Trade War
หลักๆ เลยเป็นการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งจะเป็นสินค้าจำพวกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ จำนวนกว่า 1,300 รายการ
เหตุเพราะนโยบาย Made in China 2025 ของจีนที่มุ่งพัฒนาพวก Software และ Hardware คุณภาพสูง มันมีประเด็นละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าของอเมริกาซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ ทรัมป์ ไม่พอใจเป็นอย่างมากครับ
หลังจากสงครามการค้ากินเวลายาวนานถึง 18 เดือน ในที่สุดก็มีการลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟส 1 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
Photographer: SAUL LOEB/AFP
โดยมีใจความสำคัญว่า อเมริกาจะยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้าจีน ในขณะที่จีนก็ต้องนำเข้าสินค้าของอเมริกามากขึ้นและพยายามกำจัดสินค้าผิดลิขสิทธิ์ภายในประเทศให้หมดไป
แต่ดีกันได้ไม่นานครับ หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตขู่เรื่องสงครามการค้ารอบ 2 ไปตอนต้นเดือนพฤษภาคม
วันที่ 10 พ.ค.63 ก็มีการประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนทันที โดยคราวนี้ขึ้นภาษีสินค้าจำนวน 5,745 รายการเลยทีเดียว
สงครามการค้าครั้งนี้ ยังไม่มีท่าทีของบทสรุปให้เห็นครับ ซึ่งหลังจากการระบาดของ Covid-19 สิ้นสุดลง เราอาจจะได้เห็นการตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่รุนแรงขึ้นอีกก็เป็นได้
(2) สงครามเทคโนโลยี Tech War
ทุกคนคงรู้จัก Huawei ในคราบของบริษัทสมาร์ทโฟนเจ้าใหญ่ และผู้ให้บริการ 5G ใช่ไหมครับ แต่นอกจากการทำโทรศัพท์แล้ว Huwei มีความเกี่ยงข้องทางการเมืองระหว่าง อเมริกาและจีนอยู่เหมือนกัน
อันดับแรกเลยคือ Huawei เป็นบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น แต่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่
ด้วยจุดนี้ทำให้อเมริกาขึ้นบัญชีดำ Huawei ส่งผลให้บริษัทในอเมริกาอย่าง Google (ระบบปฏิบัติการ Android) ใช้งานในสมาร์ทโฟนของ Huawei ไม่ได้
ซึ่งการแบนครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อป้องกันข้อมูลความมั่นคงที่อาจจะรั่วไหลจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศครับ
และแน่นอนว่าทาง Huawei เองก็ได้คิดค้นระบบปฏิบัติการของตัวเองขึ้นเพื่อป้องกันข้อมูลความมั่นคงประเทศตัวเองรั่วไหลเช่นกัน โดยใช้ชื่อว่า HongMeng OS
www.huaweicentral.com
ความซวยยังติดต่อมาถึงบริษัทผลิต Microchips อย่าง ARM Holdings (ผู้ผลิตชิพให้ Apple และเป็นคู่ค้าของ Huawei) จะไม่สามารถเป็นพาร์ทเนอร์และผลิตชิพให้กับทาง Huawei ได้อีกต่อไป
การแบนเทคโนโลยีอาจทำให้ในอนาคต แต่ละประเทศหันมาใช้เทคโนโลยีของตัวเองมากขึ้น ในกรณีจีนจริงๆ สามารถดึงทั้ง Oppo Xiaomi Vivo ให้เข้ามาใช้ OS ของตัวเอง ซึ่งอาจกลายเป็นอเมริกาที่สูญเสียยอดขายไปก็ได้
(3) สงครามน้ำลาย Text War
กล่าวได้ว่าการทวิตข้อความของ โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ละคราวมีอิทธิพลถึงขั้นทำให้หุ้นขึ้นหรือร่วงได้เลย ซึ่งเขาใช้วิธีนั้นในการกดดันจีนอยู่เสมอ
อย่างในช่วงการระบาดของ Covid-19 ทรัมป์ถึงกับกล่าวหาว่าไวรัสชนิดนี้แพร่ออกมาจากห้องทดลองในอู๋ฮั่นของจีน
นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าจีนพยายามทำให้เขาแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้และหนุนหลัง โจ ไบเดน ผู้สมัครที่เป็นคู่แข่งของเขา
ถ้าให้ผมเดาเนื้อหาหลายส่วนในทวิตของ ทรัมป์ มีจุดมุ่งหมายแฝงแทบทั้งสิ้นครับ ซึ่งนี่เป็นเกมที่ผู้นำของประเทศมหาอำนาจเท่านั้นที่ทำได้จริงๆ
(4) แถม Extra
ล่าสุดอเมริกาอนุมัติร่างกฏหมายถอดถอนหุ้นจีน ในตลาดหุ้นอเมริกาถ้าพบว่าหุ้นเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องหรือได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลจีน
ซึ่งเบื้องต้นมีหุ้นราว 224 บริษัทที่อาจถูกเพิกถอนและนั่นรวมถึง Alibaba และ Baidu ด้วย
Photo by Annie Spratt on Unsplash
สหรัฐอเมริกาไม่ได้ถูกท้าทายโดยเบอร์สองของโลกเป็นครั้งแรกครับ เพราะญี่ปุ่นก็เคยเข้าร่วมเป็นผู้ท้าชิงมาแล้วแต่ก็แพ้ไปและทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นโดนเบรกมาถึงทุกวันนี้
คราวนี้เป็นทีของจีน แต่ต่างกันที่จีนมีทรัพยากร และเทคโนโลยีที่มากพอจะพึ่งตนเองและขยายตลาดของตัวเองได้ รวมถึงคราวนี้มีหลายประเทศที่หนุนหลังจีนอีกด้วย
ทีนี้เราต้องรอดูกันต่อไปแล้วล่ะครับ ว่าอเมริกาจะหยุดยั้งจีนได้สำเร็จ หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้มหาอำนาจของโลกกันแน่
#พ่อบ้านลงทุน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา