24 พ.ค. 2020 เวลา 07:49 • กีฬา
สาเหตุที่ จอร์จ เบสต์ เป็นสุดยอดผู้เล่นตลอดกาลแห่งยุค นั้นเป็นเพราะเขามีองค์ประกอบดีที่สุดรวมกัน นี่คือ EP.4 ของนักเตะที่ครบเครื่องที่สุดในทศวรรษ 70 จน คนคนยกย่องว่า "ดีที่สุดต้องจอร์จ เบสต์"
ฝีเท้าของเขาไม่มีใครเกิน เบสต์ถนัดขวา แต่เล่นเท้าซ้ายได้สมบูรณ์แบบ จนคนเดาไม่ได้เลยว่าเขาถนัดเท้าไหน
เขามีความเร็วยิ่งกว่าใคร เทคนิคแพรวพราวระดับโลก สำหรับกองหลังทื่อๆแข็งๆในฟุตบอลอังกฤษยุค 70 ไม่มีใครเอาเขาอยู่
นอกสนามด้วยความหล่อเหลา และครองตัวเป็นโสด ทำให้สาวๆคลั่งเขามาก
เก่ง หล่อ รวย แข็งแรง โสด เบสต์มีครบทุกอย่างในมือ
1
ในวัยแค่ 19 เบสต์ก้าวไปสู่จุดที่ไม่เคยมีนักเตะคนไหนทำได้มาก่อน
----------------------------------------
หลังจากแมตต์ บัสบี้ ให้ความเชื่อใจ ปล่อยเขาลงเล่นในเกมชนะเบิร์นลีย์ คราวนี้ จอร์จ เบสต์ เริ่มได้โอกาสลงสนามให้แมนฯยูไนเต็ดเรื่อยๆ ในฤดูกาล 1963-64 แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นตัวสำรอง
จนซีซั่นต่อมา 1964-65 คราวนี้ล่ะไม่มีใครในอังกฤษ ไม่รู้จักจอร์จ เบสต์อีกต่อไป
บัสบี้ เห็นว่าเบสต์เก่งเกินกว่าจะเป็นสำรองแล้ว จึงส่งเขาเป็นตัวจริง 41 นัด ในลีกดิวิชั่น 1 , เอฟเอคัพ ส่งลง 7 เกม และในฟุตบอลยุโรป ส่งลง 11 เกม
ในปีนั้นแมนฯยูไนเต็ด มีโปรแกรมแข่งทั้งปี 61 นัด จอร์จ เบสต์เป็นตัวจริงไป 59 นัด มันแสดงให้เห็นถึงพลังกายของเขาว่าแข็งแกร่งจริงๆ
ตำแหน่งปีกของเบสต์ จะโดนคู่แข่งไล่หวดตลอดเวลา แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งพอ ไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักๆเลย ยังสามารถจ่ายบอลสวยๆ และฉีกไปยิงประตูด้วยตัวเองได้บ่อยๆ
สามประสานของยูไนเต็ดในซีซั่นนั้น จอร์จ เบสต์ (ยิง 10 ลูก), บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน (ยิง 10 ลูก) และ เดนิส ลอว์ (ยิง 28 ลูก) พวกเขาช่วยกันยิงกระจาย จนปีศาจแดงคือทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในลีก ก่อนสุดท้ายจะคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ
จากเด็กผอมแห้งในครอบครัวคนจนที่เบลฟาสต์ ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เขายังอดมื้อกินมื้ออยู่เลย ในพริบตาเดียวเขามีทั้งชื่อเสียงและเงินทอง
1
นั่นทำให้การใช้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป จากเด็กหนุ่มที่เคยมัธยัสถ์อดออม เบสต์กลายเป็นคนใหม่ เขาซื้ออะไรก็ตามที่อยากซื้อ ทำอะไรที่อยากทำ
เขาไม่จำเป็นต้องวางแผนทางการเงิน หรือวางแผนการใช้ชีวิต
เขาคือซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ต่อให้ใช้เงินก้อนนี้หมด ก็มีเงินก้อนใหม่มาเรื่อยๆ
----------------------------------------
เดนิส ลอว์ จะมีเอเยนต์ส่วนตัวชื่อ เคน สแตนลีย์ ซึ่งคอยจัดการเรื่องโฆษณา และสัญญาต่างๆให้
เดนิส ลอว์ จึงแนะนำให้เบสต์ลองใช้บริการของเอเยนต์รายนี้ดู ซึ่งเบสต์ตอบตกลง
"ผมไม่เคยเจอนักเตะคนไหน จะฮอตไปกว่าเขาอีกแล้ว" สแตนลีย์ยอมรับ "มีสายโทรศัพท์เข้ามาตลอด ขอให้เบสต์ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างๆ เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวจริง ณ เวลานั้นเงินทองไหลมาเร็วมาก"
เบสต์ได้รับค่าเหนื่อยจากสโมสรแค่ 125 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่เขาไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะได้รายได้จากค่าโฆษณาสัปดาห์ละหลายพันปอนด์
ในวัย 18 เขาออกรถออสติน รุ่นใหม่ ราคา 1,100 ปอนด์ เพื่อเอาไว้เดินทางจากบ้านไปสนามซ้อม เบสต์ตอนนี้เลิกขึ้นรถเมล์ไปแล้ว
พอขับรถออสตินได้แป้บเดียว เขาก็เบื่อ จึงส่งรถคันนี้ใส่เรือ เอาไปให้คุณพ่อที่เบลฟาสต์เป็นของขวัญ ส่วนเขาซื้อรถเปิดประทุนรุ่นใหม่ซันบีม อัลไพน์ ซึ่งราคาแพงระยับ
นอกจากนั้นยังไล่ซื้อรถจากัวร์อีกถึง 3 คัน คือเมื่อเขาชอบอะไรก็จ่ายทันที ไม่คิดหน้าคิดหลัง
ในช่วงนั้น เงินของจอร์จ เบสต์ได้มาเยอะก็หมดไปเร็วมาก เขาซื้อของแบรนด์เนมทุกอย่างที่สามารถซื้อได้ ทั้งใช้เองบ้าง แจกจ่ายคนอื่นบ้าง
เอาเงินที่ได้ไปเที่ยวไนท์คลับ เที่ยวดิสโก้ เลี้ยงเพื่อนฝูงทุกคืน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเก็บออม ก็เดี๋ยวเงินก็งอกเงยมาอีก
มีหลายคนเตือนเขาด้วยความหวังดี เคน สแตนลีย์ แนะนำว่าเบสต์เมื่อมีฐานะแล้ว ควรเริ่มเอาเงินไปลงทุน หรือสร้างธุรกิจอะไรสักอย่าง พอแขวนสตั๊ดจะได้ต่อยอดไปได้
แต่เบสต์ไม่สนใจเลยสักนิด เขาเพิ่งเริ่มต้นค้าแข้ง จะให้มองถึงอนาคตตอนแขวนสตั๊ดแล้วหรอ
"ก็นี่มันเงินผม ผมจะถลุงใช้อย่างไร คนอื่นจะมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย" เบสต์เผย
สำหรับคนทั่วไปที่อังกฤษตอนนั้น ได้ค่าแรงราวๆ 20-30 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ดังนั้นกับจอร์จ เบสต์ที่ได้เงินหลายพันปอนด์ต่อวีก เขาจึงเปรียบได้กับเศรษฐีชัดๆ
----------------------------------------
เบสต์ไม่เคยคิดอยากจะมีครอบครัว ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมยูไนเต็ดคนอื่นๆ มีแฟนเป็นตัวเป็นตน หลายคนมีลูกแล้ว แต่เบสต์เขาอยากเอ็นจอยกับชีวิตโสดแบบนี้
วัฏจักรของเบสต์ในช่วงนั้น คือซ้อม ซ้อมเสร็จเที่ยวผับ จีบหญิง ควงหญิงไม่ซ้ำหน้า นอนตี 2 ตื่นเช้ามาไปซ้อมอีก
มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะกับการเป็นนักกีฬาอาชีพเลย คือเอาตัวไปสิงสู่ในที่อโคจรตลอดเวลา อยู่ในเทค ในผับ และมั่วหญิง คือเบสต์ทำลายภาพลักษณ์ของนักฟุตบอลสุภาพบุรุษไปสิ้นเชิง
ตามปกติแล้ว นักเตะแมนฯยูไนเต็ดจะไม่ค่อยออกไปท่องราตรีตอนดึก จะมีบ้างที่กลุ่มซีเนียร์อย่าง แพท ครีแลนด์, โนเอล แคนท์เวลล์ และ เดนิส ลอว์ จะไปดินเนอร์ร่วมกันที่ร้านอาหารเงียบๆ ส่วนนักเตะวัยรุ่นก็จะพักผ่อนแต่หัวค่ำ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการซ้อมในรุ่งขึ้น
แต่เบสต์เป็นกรณียกเว้น เขาไปผับทุกคืน ไปหาหญิง ไปเอ็นจอยกับการใช้ชีวิต
ผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ด แมตต์ บัสบี้ รู้ว่าเบสต์ใช้ชีวิตอย่างไร แต่เขากลับเลือกจะไม่ตักเตือนเบสต์เลย นั่นเพราะเบสต์รักษาวินัยดีมากๆในสนามซ้อม ต่อให้เขาจะนอนตี 2 เขาก็มาซ้อมตรงเวลาเสมอ และมาตรฐานการซ้อมไม่เคยดร็อปลงไปเลย
บัสบี้มองว่าเบสต์มีสิทธิใช้ชีวิตวัยหนุ่มของตัวเอง จึงปล่อยให้เบสต์เที่ยวอย่างอิสระต่อไป
และในเมื่อผู้จัดการทีมที่มีอำนาจสูงสุด ยังไม่คิดจะเตือน เบสต์ก็เลยคิดว่า สิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย เขาก็เลือกใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
1
สาวๆ ,เจ้าของไนต์คลับ ,เจ้าของบ่อนพนันกีฬา กลุ่มคนดังในแมนเชสเตอร์ ตอนนี้เบสต์รู้จักแทบทั้งเมืองแล้ว
ในฤดูกาล 1965-66 เบสต์ตอนนี้อายุ 19 แล้ว และเขายังคงไร้เทียมทานเมื่อลงสู่สนาม
เบสต์โชว์ฟอร์มเป็นพระเอก พาแมนฯยูไนเต็ด อัดลิเวอร์พูล 2-0 ในเกมดิวิชั่น 1 โดยเขายิงได้หนึ่งลูก จากที่เป็นคนดังอยู่แล้ว พอยิงประตูลิเวอร์พูลได้ คราวนี้เบสต์เป็นซูเปอร์ฮีโร่ของชาวเมืองเลย
กิจวัตรของเบสต์ยังเหมือนเดิม คือทุกคืนไปดื่ม มั่วหญิง แล้วจบลงที่เขาจะเลือกหิ้วใครสักคนในนั้นกลับไปด้วย ซึ่งมีผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าต้องการจะใกล้ชิดกับเบสต์ทั้งๆที่รู้ดีว่าเขาคือเพลย์บอยตัวยง
เดือนสิงหาคม 1965 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เซ็นสัญญาคว้าตัวไมค์ ซัมเมอร์บี มาจากทีมสวินดอน ซึ่งไมค์ ซัมเมอร์บี เป็นปีกทีมชาติอังกฤษ อายุ 22 และกิจกรรมที่เขาชอบที่สุดคือ ไปผับแล้วส่องหญิง
ด้วยความเป็นคอเดียวกัน ทำให้เบสต์กับซัมเมอร์บี ได้รู้จักกัน และกลายเป็นเพื่อนซี้เพื่อนเที่ยวด้วยกัน แม้จะอยู่ 2 ทีมคู่อริกันในสนามก็เถอะ
สักพักทั้งคู่ ก็เช่าอพาร์ทเมนต์หรูในกลางเมืองด้วยกัน เพื่อเอาไว้เป็นห้องสำหรับเชือดสาวๆ ที่พวกเขาหิ้วมาได้จากไนท์คลับในแต่ละคืน
"ผมไปเที่ยวบาร์ชื่อแคนแคน ซึ่งจอร์จอยู่ในนั้นพอดี เราแนะนำตัวกัน และจากนั้นก็เหมือนกับว่าเราสนิทกันมานาน นั่นเพราะเราสนใจในอะไรคล้ายๆกัน"
"เมื่อรู้จักกันแล้ว เราก็นัดกันไปเที่ยวบ่อยขึ้น และไปเหล่สาวที่ใส่กระโปรงมินิสเกิร์ต คลับที่เราชอบไปชื่อเลอ โพโนกราฟ ที่จะมีแต่สาวๆใส่สั้นเต็มไปหมด"
"ผมกับจอร์จ จะไปจองที่นั่งกันโต๊ะสุดท้ายที่อยู่หน้าห้องน้ำหญิง เพราะมันแน่นอนอยู่แล้วว่า ผู้หญิงทุกคนต้องเข้าห้องน้ำ เท่ากับว่าทุกคนจะเดินมาให้เราส่องเอง"
"เวลาต่อมา พอจอร์จดังมากๆ คราวนี้ เราไม่ต้องนั่งหน้าห้องน้ำอีกแล้ว เพราะแค่เข้าไปในคลับ ก็มีผู้หญิง 14-15 คน มาเสนอตัวให้จอร์จควงในแต่ละคืน สิ่งที่เขาทำ ก็แค่เลือกใครสักคนแค่นั้นเอง"
1
ในขณะที่วงการบันเทิงมี 4 เต่าทอง เดอะ บีทเทิลส์ ที่ทำให้สาวๆกรี๊ดลืมหายใจ ในวงการฟุตบอลก็มีจอร์จ เบสต์นี่ล่ะ คือความโด่งดังในระดับเดียวกัน
ว่ากันว่า เบสต์ไล่ฟันสาวๆวัยรุ่นในแมนเชสเตอร์แทบจะทั้งเมืองแล้ว
จริงๆ แมตต์ บัสบี้ ไม่ได้โกรธไลฟ์สไตล์ของเบสต์ เขาให้อิสระกับเด็กคนนี้เยอะที่สุดแล้ว
ครั้งเดียวที่บัสบี้ เรียกเบสต์มาตำหนิ คือครั้งหนึ่งเขาไปมั่วกับผู้หญิงสวยที่อายุมากกว่า ซึ่งปรากฏว่าเธอมีสามีแล้ว โดยสามีของเธอเป็นนักธุรกิจคนดังของแมนเชสเตอร์
บัสบี้ เรียกเบสต์เข้าไปพบ แล้วบอกว่า "แกยังหนุ่มแน่น เป็นโสด มีผู้หญิงสาวๆพร้อมจะเสนอตัวให้เยอะแยะ แกอย่าไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว มันจะยุ่งยากมาก"
1
เบสต์ตอบกลับไปว่า "ก็ผู้หญิงที่ผมสนใจ ไม่เคยมีใครบอกแต่แรกเลยนี่ ว่ามีสามีแล้วหรือเปล่า จนเรามั่วกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วนั่นแหละ ถึงเพิ่งมารู้"
เบสต์ไม่ได้ยี่หระอะไร เขาอยากจะนอนกับใครก็จะนอน ไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร แต่ส่วนใหญ่พอหมดความตื่นเต้นแป้บเดียวเขาก็เลิก แล้วไปหาคนใหม่
บัสบี้ พยายามหาวิธีสั่งสอนจอร์จ เบสต์ ด้วยการลงโปรแกรมการซ้อมหนักมากกว่าคนอื่นในทีม บัสบี้มองว่า คนที่พักผ่อนน้อย ชอบเที่ยวเตร่แบบนี้ เดี๋ยวก็เหนื่อย เดี๋ยวก็หมดแรง แล้วเมื่อเบสต์ทำตามโปรแกรมซ้อมไม่ได้ เขาก็จะเรียกมาดุด่าตักเตือนเรื่องไลฟ์สไตล์
แต่ปรากฏว่า เบสต์ ซ้อมได้เพอร์เฟ็กต์มากทุกครั้ง ไม่ว่าจะทดสอบอะไรแบบไหน เขาติดท็อปทรีของทีมเสมอ
1
จริงอยู่เขาชอบเที่ยวกลางคืน แต่การซ้อมฟุตบอลคือหัวใจหลักของเขา หลังการซ้อมปกติที่ทุกคนกลับไปแล้ว เบสต์จะกลับมาสนามซ้อมลำพังเพื่อฝึกคนเดียว ดังนั้น การที่บัสบี้โยนโปรแกรมหนักๆมาให้ มันไม่ครณามือเขาเลย
ซีซั่น 1965-66 เบสต์ยิงไป 17 ลูกทุกรายการ และพาแมนฯยูไนเต็ดไปไกลถึงรอบรองยูโรเปี้ยนคัพ ถือว่ามาตรฐานของเขาไม่ตก
1
จบฤดูกาล จอร์จ เบสต์วัย 19 เหมาเครื่องบินพาเพื่อนฝูงไปเที่ยวที่มายอร์ก้า
แก๊งของเบสต์ มีไมค์ ซัมเมอร์บี , จอห์นนี่ เพรสค็อตต์ นักมวยจากเมืองแมนเชสเตอร์ และเพื่อนๆอีก 3-4 คน ทั้งหมดไปปาร์ตี้ที่หาดสวรรค์ในมายอร์ก้าอย่างสุดเหวี่ยง
"กลางวันนอนอาบแดด กลางคืนจัดงานปาร์ตี้ พวกเราทุกคนคือหนุ่มโสด ดังนั้นเรามั่วกระจาย"
"สมัยนั้นยังไม่มีโรคเอดส์ เราจะมีสาวๆมาสลับหมุนเวียนกันตลอดเวลา"
จอร์จ เบสต์ ใช้ชีวิตที่มายอร์ก้า 2 เดือนเต็ม ก่อนจะกลับมาเตรียมความพร้อมในฤดูกาล 1966-67 ที่แมนเชสเตอร์
ไม่น่าเชื่อว่า เขาใช้ชีวิตสำราญขนาดนี้ แต่เมื่อกลับมาซ้อม ก็ยังคงฟิตสมบูรณ์เหมือนเดิม ผลงานในสนามซ้อมยังทำให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนทึ่ง
ดูเหมือนจอร์จ เบสต์ จะรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่
หลังกลับมาจากมายอร์ก้า จอร์จ เบสต์ วางเป้าหมายของตัวเองชัดเจน คือการพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยุโรปให้ได้สักครั้ง และตัวเขาได้รางวัลบัลลงดอร์
ต่อให้เขาเสเพลแค่ไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องฟุตบอล เขาจะต้องเป็นอันดับ 1 เท่านั้น
1
ชีวิตของเบสต์ ในช่วงปี 1964-1968 จึงเป็นขาขึ้นสุดขีด ในสนามก็เก่งจนไร้เทียมทาน นอกสนามก็หล่อรวย มีเงินใช้ไม่ขาดมือ มีสาวๆมาให้เลือกไม่ซ้ำหน้า
เพียงแต่คำถามก็คือ คนเรามันจะมีช่วงพีกไปได้นานแค่ไหน
เมื่อ เดินไปถึงยอดเขาแล้ว มันไม่มีทางไปต่อได้แล้ว คุณก็ต้องเดินลงมาจากยอด
จอร์จ เบสต์ก็เช่นเดียวกัน
หลังจากได้ทุกอย่างที่ต้องการมาแล้ว สิ่งที่เขาต้องเผชิญต่อไป คือความเปลี่ยนแปลงที่เขาเองก็คาดไม่ถึง
#Best
(จบ Part 4)
โฆษณา