25 พ.ค. 2020 เวลา 04:37
จังหวะที่สมบูรณ์แบบ
ช่วงวิกฤตวุ่นวายแบบนี้ ผมมีคนมาขอคำปรึกษาบ้าง บ่นเรื่องโดนโกง โดนแกล้งเรื่องธุรกิจก็หลายเรื่อง หลายคนก็อยากจะตอบโต้ด้วยความแค้นใจ แถมมี facebook ใกล้แค่ปลายนิ้ว บางคนก็อดรนทนไม่ได้ต้องเขียนด่าเขียนประชดไป ซึ่งหลายครั้งก็ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงหรือตกเป็นรองมากขึ้นไปอีก พอมีอารมณ์อะไรก็จะดูผิดเพี้ยน ไม่แน่ใจว่าจังหวะไหนควรทำ หรือไม่ควรทำอะไร
เวลามีเรื่องแบบนี้ผมจะนึกถึงคนอิตาเลียนคนหนึ่งที่ผมจำชื่อไม่ได้ แต่ได้สอนบทเรียนที่ล้ำค่ามากๆครั้งหนึ่งในชีวิตในผมเสมอ..
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมมีโอกาสไปร่วมทัวร์กับดีลเลอร์หลายสิบชีวิตที่ยุโรป เป็นทัวร์นรกที่ไปแบบเจ็ดวันแปดประเทศ วันๆอยู่แต่บนรถเป็นหลักอย่างที่ใครหลายคนเรียกว่าชะโงกทัวร์ นั่งรถไปเรื่อยๆเพื่อให้ครบประเทศ ถ้าแวะก็คือถ่ายรูปกับเข้าห้องน้ำ เป็นแบบนี้ตลอดแปดวัน
1
คณะเดินทางเริ่มตั้งหลักกันที่อิตาลีและกลับมาจบที่อิตาลี โดยมีคนขับรถที่แสนสุภาพหัวเหน่งๆ พุงพลุ้ยหน่อย มาตรงเวลา ขับรถดีมาก แถมใจดีสุดๆ เพราะคณะที่ไปนั้นจะเสียงดังกันมากแล้วสไตล์ไทยๆคือมาสายบ้าง โอ้เอ้บ้าง เป็นปกติของทัวร์ทรหดที่เดินทางนานๆ แถมกินขนมบนรถมีขยะบ้างไรบ้าง คนรถคนนี้ก็แสนจะเข้าใจ ไม่เคยบ่นไม่เคยแม้แต่จะชักสีหน้า พี่ๆดีลเลอร์เองยังคุยกันเลยว่าสงสัยต้องทิปเยอะหน่อยละ ไกด์ไทยก็บอกว่าโชคดีนะ เพราะเคยนำทัวร์แบบนี้คนขับรถจะดุมาก
เหตุเกิดในวันสุดท้ายที่จะขึ้นเครื่อง เรานัดกันขึ้นรถตอนตีสี่ครึ่งเพื่อมาสนามบิน ตื่นเช้ามารอรถ ปรากฏว่าคนรถมาสายเกือบชั่วโมง ต้องรีบขนกระเป๋าขึ้นรถกันกลัวตกเครื่อง แต่ก็ยังไม่มีใครบ่นอะไรมาก เพราะตาคนรถนี่เขาดีกับเรามาตลอด พอมาจอดตรงสนามบิน ทุกคนก็รีบลงจากรถรอเตรียมให้คนรถลงมาเปิดที่เก็บกระเป๋า ลงมาซักพักแล้วคนรถก็นิ่งอยู่
พี่ๆบางคนร้อนใจเพราะเหลือเวลาน้อยมากแล้ว ไม่งั้นจะตกเครื่องกันหมด ขึ้นไปตามคนรถพร้อมไกด์ชาวไทย ปรากฏว่า เจอหน้าคนรถที่เคยดูใจดี สุภาพ เหมือนกลายเป็นคนละคน..
ไอจะเปิดให้ก็ได้ แต่ต้องเอาทิปมาก่อน ..คนรถพูดนิ่งๆด้วยหน้าตาเหี้ยมเกรียม พร้อมบอกตัวเลขทิปที่ต้องการ เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ สูงกว่าทิปที่เราเตรียมให้ยี่สิบเท่าอะไรประมาณนั้น
พี่ๆเริ่มโวยวายใส่ บอกว่าจะแจ้งตำรวจ ยูทำแบบนี้ไม่ได้ คนรถก็บอกว่า เงินที่ไอบอก เป็นค่าทำความสะอาด ค่าล่วงเวลา ค่ายกกระเป๋า ค่าอะไรเต็มไปหมดแล้วบอกว่าไปบอกตำรวจได้เลยถ้าไม่พอใจ
เรารวมตัวกันปรึกษาว่าเอาไงดี เจอแก๊งค์ต้มตุ๋นเข้าให้แล้ว แถมเวลาเหลือน้อยมากๆ ประชุมไปด่าไอ้คนรถหัวเหน่งไป บางคนพูดว่าชกแม่งเลยดีมั้ยแต่ก็กลัวติดคุกอิตาลี จะตามตำรวจมาก็ไม่น่าทัน ต้องตกเครื่องแหงๆ ในที่สุด.. ไม่มีทางเลือก ก็ต้องยอมเรี่ยไรจ่ายให้คนรถไป
ตอนที่คนรถหัวเหน่งรับเงินแล้วเดินลงมาเปิดประตูกระเป๋าให้นั้น หน้าตาเขานิ่งมากๆ แต่แววตาไม่ใช่คนรถใจดีแปดวันที่ผ่านมาอีกต่อไป แต่เป็นแววตาของมาเฟียอิตาลีนี่เราเคยเห็นในหนัง เราชาวไทยก็ได้แต่ก่นด่า และรีบเอากระเป๋าวิ่งไปเชคอิน ก็ทำได้แค่นั้น แล้วก็คิดว่าจะเขียนจดหมายไปฟ้องบริษัทเช่ารถ แต่ในที่สุดก็ไม่มีใครเขียน ปล่อยให้เรื่องจบไปด้วยความแค้นใจ..
พอมีโอกาสมาทบทวนกัน เราถึงเข้าใจถึงการวางแผนอย่างอดทนของคนรถหัวเหน่งคนนี้ เขามีเป้าหมายชัดเจนและเล่นละครทำดีกับเราให้เราไว้ใจและตายใจ รอจังหวะที่เหมาะสม จงใจมาสายจนเราแทบไม่มีเวลาคิดอะไรเพราะกลัวตกเครื่อง แล้วแสดงธาตุแท้เอาในจังหวะที่เป๊ะที่สุดที่เราไม่มีทางปฏิเสธได้ เป็นการออกแบบที่สมบูรณ์มากๆทั้งแปดวันเพื่อเงินก้อนใหญ่
พอคิดถึงบทเรียนที่ได้รับ ผมแทบจะหายโกรธคนรถหัวเหน่งคนนั้นไปเลย เพราะคิดว่าได้เห็นการแสดงและการจับจังหวะที่คุ้มค่ามากๆ การใช้ความอดทน รอคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสม เป็นศิลปะชั้นสูงของนักต้มตุ๋นที่ไม่โดนเองจะไม่เข้าใจลึกซึ้งขนาดนี้ เป็นศิลปะแห่งจังหวะที่สมบูรณ์แบบชิ้นหนึ่งที่เคยเจอถ้าเราตัดความฉ้อฉลนั้นออกไป ซึ่งภายหลังมีประโยชน์กับผมมากในหลายเรื่อง ทั้งงาน การสื่อสาร การเล่าเรื่อง การเจรจาต่อรอง และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าเรารู้จักอดทน รอคอยและรอจังหวะที่เหมาะสมที่สุด รู้ว่าเรามีไพ่อะไรในมือ เราจะเจอจังหวะที่ทรงพลังที่สุดและอาจจะเป็นชอตเดียวที่เรามีเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราเอาอารมณ์มาเป็นตัวตั้ง เอา social media มาเป็นเครื่องระบาย เราก็อาจจะเสียจังหวะทองนั้นไปอย่างน่าเสียดาย
และก็เป็นเรื่องที่ผมเล่าให้พี่ๆน้องๆที่มาปรึกษาเรื่องโดนโกง เรื่องผิดใจ หรือเรื่องปัญหาธุรกิจในช่วงนี้ครับ..
โฆษณา