25 พ.ค. 2020 เวลา 09:41 • ธุรกิจ
คุณสามารถหลอกลวงคนทั้งโลกได้ แต่คุณไม่สามารถหลอกลวง"เวรกรรม"ของตัวเองได้
ในโลกแห่งธุรกิจ มักจะเต็มได้ด้วยปริศนาและความลับมากมายที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อตัวเองและพวกพ้องเต็มไปหมด และหนึ่งในสิ่งที่โลกธุรกิจขาดไม่ได้ที่เปรียบเสมือนกับการเสพติดยาเสพติดก็ไม่ต่างกัน นั่นก็คือ การโกง....
การโกงเชิงธุรกิจมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น
1.การโกงลูกหนี้/เจ้าหนี้การค้า
2.การโกงติดเครดิตบริษัทแล้วก็เบี้ยวหนี(เป็นการที่เราติดเงินโดยใช้เครดิตบริษัทไปก่อนแทนการจ่ายเงินสด)
3.การโกงภาษี
4.การโกงด้วยการใช้ นอมินี(ตัวแทน) ในการกู้ยืมสถาบันการเงิน/เป็นแพะรับบาป(เช่น ผมโกงคุณด้วยการให้คุณกู้เงินโดยที่ผมหลอกคุณว่าคุณจะได้ประโยชน์อย่างนั้นอย่างนี้แล้วชิงเอาเงินคุณหนีไปในตอนท้าย)
5.การโกงทางกฎหมายและภาษีโดยการยัดเงินใต้โต๊ะต่างๆ
6.การโกงตบแต่งงบแสดงฐานะทางการเงิน(ซึ่งผมจะเจาะลึกในบทความนี้)
7.และอื่นๆอีกมายมายโดย"ทำเพื่อตัวเองและใครที่มาขวางทาง=ไม่ตายก็หมดตัว!!!"
แน่นอนครับว่า หากคุณเลือกที่จะเดินบนเส้นทางของการโกงใครซักคนหนึ่งแล้วประสบความสำเร็จ คุณย่อมรู้สึกดีใจและคิดว่าไม่มีใครมาหยุดยั้งคุณได้เพราะจิตใต้สำนึกคุณมันได้บอกคุณแล้วว่า "คุณมันฉลาด แต่คนอื่นมันโง่!!!"
และในอีกไม่ช้า กลยุทธ"เล่นไม่ซื่อเข้าไว้"ก็จะกลายเป็นสุดยอดกลยุทธในการหลอกลวงของคุณจะนำมาใช้กับใครก็ตามที่ขวางหน้าหรือโง่พอที่คุณจะให้คุณลอก ก็ในเมื่อมันใช้แล้วมันได้ผลประโยชน์มหาศาสให้กับตัวคุณ/บริษัท แล้วเราจะเป็นคนดีไปทำไม จริงไหม?!
แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่คุณหลอกได้ก็มีเพียงแค่มนุษย์ครับ เพราะเวรกรรมมันฉลาดพอที่จะเล่นงานคนที่ฉลาดที่สุดอย่างคุณได้อย่างเจ็บแสบ เหมือนกับ Enron และ Luckin Coffee นั่นเอง
เกิดอะไรขึ้นกับ 2 ธุรกิจนี้ Near us จะอธิบายให้ฟังครับ
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับกลยุทธ"เล่นไม่ซื่อเข้าไว้ก่อน
กลยุทธนี้เป็นกลยุทธที่สามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จและมั่งคั่งในระยะสั้น แต่จะส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นและความมั่นใจของลูกค้า/นักลงทุนในระยะยาว เพราะถึงแม้ว่ามนุษย์จะไม่ได้เป็นคนที่ใจสะอาด100% แต่ก็สะอาดพอที่จะไม่ยุ่งกับคนที่ใจสกปรก100% แน่นอนครับ
ซึ่งNear us มีกรณีศึกษาของบริษัทที่ใช้กลยุทธนี้อยู่ 2 บริษัท ได้แก่
การล่มละลายของ Enron ในปี 2001
Enron ก่อตั้งขึ้นในปี1990 หลังจากการควบรวมกิจการระหว่าง Houston Natural Gas และ InterNorth Incorporated หลังจากการควบรวมกิจการ Kenneth Lay ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Houston Natural Gas ได้กลายเป็น CEO ของ Enron
ในปี 1990 Kenneth Lay ได้ก่อตั้ง Enron Finance Corporation และแต่งตั้ง Jeffrey Skilling ให้เป็น CEO ร่วมกับ Kenneth Lay ที่ Enron
ในเดือนตุลาคมปี 1999 Enron สร้าง Enron Online (EOL) ซึ่งเกี่ยวกับเว็บไซต์การค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มุ่งเน้นสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ในกลางปี 2000 EOL ดำเนินการซื้อขายเกือบ 3 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อฟองสบู่ดอทคอมเริ่มระเบิด Enron ตัดสินใจสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมบรอดแบนด์ความเร็วสูง โครงการนี้ใช้เงินไปหลายร้อยล้านดอลลาร์ แต่ท้ายที่สุดบริษัทก็ตระหนักว่าแทบจะไม่ได้ผลตอบแทนเลย
เมื่อบริษัทเริ่มเกิดวิกฤติ Enron ได้จัดทำแผน special purpose vehicles (SPVs) เพื่อซ่อนหนี้และสินทรัพย์ที่ขาดทุนจากนัก ลงทุนและเจ้าหนี้ เป้าหมายหลักของ SPV เหล่านี้คือการซ่อนความเป็นจริงทางบัญชีมากกว่าผลการดำเนินงาน โดยมีบริษัท Arthur Andersen LLP ซึ่งเป็น บริษัท บัญชีของ Enron และ David B. Duncan ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Enron ในฐานะหนึ่งในห้า บริษัท บัญชีที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาในเวลานั้นร่วมมือกันหลอกลวงก.ล.ต.ถึงผลประกอบการที่เวอร์เกินจริง
เดือนมิถุนายน 2002 บริษัท Arthur Andersen LLP ถูกตัดสินว่ามีความผิดในการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมในการทำลายเอกสารทางการเงินของ Enron เพื่อปกปิดเอกสารจากสำนักงาน ก.ล.ต. และถูกเพิกถอนการตรวจสอบบัญชีในที่สุด
ท้ายที่สุด Kenneth Layผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ Enron ถูกตัดสินลงโทษในข้อหาฉ้อโกงและการสมรู้ร่วมคิดหกครั้งและการฉ้อโกงทางธนาคารสี่ครั้ง ก่อนที่จะพิจารณาคดีเขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายในโคโลราโด
ภาพข่าวของ New York Post
และ Skilling เองได้รับโทษ 24 ปี แต่ในปี 2013 ก็ลดลงเหลือ 10 ปี ในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลงใหม่ Skilling จำเป็นต้องมอบเงินจำนวน 42 ล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้เสียหายจากการฉ้อฉลของ Enron และยุติการตัดสินลงโทษ Skilling ยังคงอยู่ในคุกและมีกำหนดพ้นโทษในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2028
Jeffrey Skilling(ใส่กุญแจมือ)
ส่วนบริษัท Enron จากราคาหุ้นสูงสุดที่ $90.75 กลายเป็น $0.61 ในวันสุดท้ายของการซื้อขายก่อนน้มละลายกลายเป็น $0 และมีพนักงานหลายหมื่นคนต้องตกงาน....
และนี่ก็คือ หนึ่งในผลกรรมของ Kenneth Lay และ Jeffrey Skilling ที่ต้องชดใช้....
การเทขายหุ้น 83% ของ Luckin Coffee ในวันเดียวในปี 2020
Luckin Coffee ร้านกาแฟเจ้าของฉายาสตาร์บัคส์ในประเทศจีน ซึ่งถูกเปิดเผยโดยบริษัท Muddy Waters(เป็นบริัทที่ทำกำไรจากการจับการทุจริตของLuckin Coffeeและบริษัทอื่นๆ)ได้พบว่า COO ของบริษัท “Jian Liu” และพนักงานหลายคนมีส่วนพัวพันกับธุรกรรมน่าสงสัยเป็นมูลค่ากว่า 10,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของยอดขายประจำปี
หลังจากข่าวได้ออกสู่สาธารณะชน ราคาหุ้นก่อนเปิดตลาดของ Luckin Coffee ก็ดิ่งลงทันที 83% จาก 26.2 ดอลล่าร์ต่อหุ้น เหลือ 4.55 ดอลล่าร์ต่อหุ้น
และในเดือนพฤษภาคม 2020 Nasdeq ก็ได้ทำแผนการเพิกถอน Luckin Coffee ออกจากตลาดหุ้น และสั่งให้หยุดการซื้อขายหุ้นของบริษัทตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน โดยจะใช้เวลาประมาณ 30-45 วันในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของบริษัท ซึ่ง Luckin Coffee ก็ได้ให้ความยินดีในการตรวจสอบ
และนี่ก็คือตัวอย่างของคนที่ใช้กลยุทธ"เล่นไม่ซื่อเข้าไว้"และผลลัพธ์ก็คือ ธุรกิจที่ใช้กลยุทธนี้ล้วน"ได้ได้สวยและตายไปเสีย"ตามกาลเวลาของมัน และเมื่อมันมาถึง มันก็จะไม่ปราณีคนที่ใช้กลยุทธนี้เลย....
Donald R. Keough อดีต CEO ของโคคา-โคล่า ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า "มนุษย์ทุกคนอยากเป็นคนที่นับหน้าถือตาในสังคม แต่เราต้องระวังไม่ให้ลุ่มหลงไปกับลายศจนเลือกที่จะก้าวข้ามเส้นแบ่งของจริยธรรม"
Donald R. Keough
โฆษณา