26 พ.ค. 2020 เวลา 13:20 • ความคิดเห็น
💢 นักข่าวจีนหายตัวปริศนา
หลังเผยแพร่ความจริงในอู่ฮั่น 💢
เกิดอะไรขึ้นบุคคลที่เข้าไปเจาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคระบาดในอู่ฮั่น?? ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของพวกเขาบางคนจนถึงตอนนี้ . .
1
,,
มาเริ่มต้นกันที่เรื่องราวของชายหนุ่ม “เฉินชิวฉือ”
เขาเป็นนักข่าวอิสระที่จบด้านทนายมา แต่เขาต้องการให้ชาวโลก รวมถึงชาวแผ่นดินใหญ่ ได้เสพสื่อที่เป็นอิสระไร้การเซ็นเซอร์
ช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เขาเดินทางไปถ่ายภาพบรรยากาศในม็อบฮ่องกงจนถูกเจ้าหน้าที่จีนตักเตือน บวกกับกระแสของคนจีนรักชาติที่โจมตีเขาอย่างรุนแรง 💥💥
หลังจากเงียบหายไปพักหนึ่ง เขาก็กลับมามีชื่ออีกครั้งหลังจากที่เดินทางเข้าไปสืบค้นเรื่องโรคระบาดในเมืองอู่ฮั่น เพื่อให้ผู้คนได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในโรงพยาบาล และบุคลากรแพทย์เป็นอย่างไรกันบ้าง โดยที่เขาไม่ได้วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์ เพราะรู้ดีอยู่แล้วล่ะว่าแตะไม่ได้ 🤐🤐
เฉินชิวฉือพูดเอาไว้ในคลิปแรก ๆ ของเขาว่า
“ผมจะใช้กล้องของผมถ่ายทำเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และผมสัญญาว่าผมจะไม่ปกปิดความจริง”
ซึ่งเฉินก็ทำแบบนั้นจริง ๆ เขาเข้าไปถ่ายวิดีโอตามโรงพยาบาล แล้วเขาก็ไปสัมภาษณ์แพทย์จนได้รู้ว่าสภาพในนั้นเละเทะมาก อุปกรณ์แพทย์และเงินทุนไม่เพียงพอ แถมผู้ป่วยยังล้นอีกต่างหาก
กลายเป็นว่า เฉินชิวฉือถูกเจ้าหน้าที่จีนคุกคามอย่างหนัก
เขาอัดคลิปวิดีโอระบายความอัดอั้นภายในจิตใจ
คลิปสุดท้ายก่อนที่เฉินชิวฉือจะหายตัวไป
“รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมโทรหาผมอีกแล้ว กรมตำรวจชิงเต่าก็โทรมา พวกเขาไปพูดคุยกับพ่อแม่ของผม แม่ผมบอกไปว่า ไม่คิดว่าฉันจะเป็นห่วงเขายิ่งกว่าคุณอีกเหรอ ฉันอยากให้เขาได้กลับบ้านยิ่งกว่าพวกคุณเสียอีก”
“ผมกลัวนะ ด้านหน้าผมคือไวรัส ด้านหลังผมคืออำนาจแห่งผู้บังคับใช้กฎหมาย”
“แต่ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจะรายงานข่าวต่อไป ผมจะรายงานสิ่งที่เห็นและได้ยิน”
“ขอพูดอะไรแรง ๆ ตรงนี้เลยแล้วกัน …. ฟัคยู! ผมไม่กลัวตายด้วยซ้ำ คิดว่าผมกลัวพวกคุณนักรึไงพรรคคอมมิวนิสต์!”
นี่คือคำพูดสุดท้ายของเฉินชิวฉือก่อนที่เขาจะหยุดการอัดคลิปไป
ไม่มีใครพบหรือได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเขาอีกเลยตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์
ทุกวันนี้ แอคเคาท์ทวิตเตอร์ของเฉินชิวฉือก็ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ แต่เป็นเพื่อนของเขาที่เข้ามาใช้แอคเคาท์นี้เพื่อตามหาตัวเฉิน
.
.
คนต่อไปที่อยากพูดถึงก็คือ “หลี่เจ๋อหัว” คนนี้น่าสนใจ เพราะหลังจากที่หายตัวไปนาน เขาก็อัพคลิปวิดีโอของตัวเองลงโซเชียล แล้วก็เงียบหายไปอีกครั้ง
หลี่เจ๋อหัวเป็นอดีตนักข่าวจาก CCTV ที่ลาออกตั้งแต่ปี 2018
เขาก็เป็นอีกคนที่มีคำถามเกี่ยวกับโรคระบาดในเมืองอู่ฮั่น และความสงสัยเรื่องการหายตัวไปของเฉินชิวฉือ เขาตัดสินใจเดินทางไปถ่ายทำความจริงในอู่ฮั่น ซึ่งเขาก็ต้องตกใจที่พบว่าเตาเผาศพไม่เคยหยุดทำงานเลย แสดงว่ามีผู้เสียชีวิตมหาศาล 😱😱
หลังจากที่เขาไปเยือนแล็ปวิจัยอู่ฮั่น เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ขับรถตาม ซึ่งในคลิป เขาทั้งเร่งความเร็วพร้อมทั้งบอกว่าเขาสับสนและกลัว
หลี่เจ๋อหัวขณะที่ขับรถหนีเจ้าหน้าที่
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ก็มีเจ้าหน้าที่บุกมาถึงหน้าห้อง คลิปสุดท้ายคือคลิปที่เจ้าหน้าที่กำลังเคาะประตู แล้วหลี่เจ๋อหัวก็หายตัวไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือน คลิปวิดีโอความยาว 6 นาที ที่มีเขาในชุดสีดำ ฉากหลังสีขาว ก็ถูกอัพโหลดลงในยูทูป
หลี่เจ๋อหัวปรากฏตัวอีกครั้งด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป
หลีเจ๋อหัวเล่าอย่างไม่ติดขัดว่าเขาถูกให้กักตัวในอู่ฮั่นเป็นเวลา 2 อาทิตย์ และต้องกลับไปกักตัวต่อที่บ้านเกิดอีก ก่อนที่จะได้พบหน้าครอบครัว
เขาบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่เจาะเลือดเขาไปตรวจและให้พิมพ์ลายนิ้วมือ พร้อมทั้งยึดอุปกรณ์สื่อสารและนำตัวเขาไปยังห้องสอบสวน
ทั้งนี้ ในคลิปวิดีโอดังกล่าว หลี่เจ๋อหัวอ้างว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างมีอารยะ
1
“พวกเขาให้ผมพักผ่อนและกินอาหารเต็มที่
อีกทั้งยังดูแลผมเป็นอย่างดี”
“ผมซาบซึ้งใจในทุกคนที่ห่วงใยผม ผมขอให้ทุกคนผ่านพ้นโรคระบาดนี้ไปได้ ขอพระเจ้าคุ้มครองประเทศจีน และขอให้ประชาคมโลกปรองดองกัน”
หลังจากนั้น หลี่เจ๋อหัวก็เงียบหายไปเลย
1
.
.
คนสุดท้ายคือนักธุรกิจที่อาศัยอยู่ในอู่ฮั่น ชื่อว่า “ฟางปิน”
เขาไปถ่ายวิดีโอที่โรงพยาบาลอู่ฮั่น ซึ่งก็มีคลิปที่เผยให้เห็นศพกองอยู่ในรถตู้ที่จอดด้านนอกโรงพยาบาล และมีอีกคลิปหนึ่งเผยให้เห็นเหล่าแพทย์กำลังรักษาผู้ป่วย ในขณะที่ก็มีคนไข้อีกหลายคนกำลังร้องด้วยความเจ็บปวดขณะรอการรักษา
ฟางบินพูดในคลิปวิดีโอว่า
“แพทย์หลี่เหวินเลียงเสียชีวิตแล้ว เฉินชิวฉือก็ยังคงเป็นบุคคลสูญหาย บัญชี WeChat ของผมถูกปิด เพื่อนฝูงล้วนกังวลเกี่ยวกับผม”
“ทุกคนควรออกมาพูดความจริง โรคไวรัสปอดอักเสบนี้คือหายนะทางธรรมชาติและปัญหาที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ อันที่จริง มันคือปัญหาที่มนุษย์นี่ล่ะเป็นผู้สร้าง เพราะพวกเขากำลังปิดบังความจริง พวกเขาอุดปากหมอหลี่เหวินเลียงที่ออกมาเปิดโปงความจริง แถมยังตำหนิเขาอีกด้วย”
“เมื่อไม่สามารถปกปิดโรคระบาดได้อีกต่อไป พวกเขาจึงรีบปิดเมือง”
“ประชาชนควรลุกขึ้นมาต่อต้าน
คืนอำนาจให้แก่ประชาชน”
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ฟางปินไม่รับโทรศัพท์และไม่ตอบข้อความ
. . เขาหายตัวไปจนถึงปัจจุบัน . .
อ้างอิง :
โฆษณา