26 พ.ค. 2020 เวลา 09:18
ดูไมเคิล จอร์แดน แล้วอ่านจอร์จ เบสต์
Last dance เป็นสารคดีความยาว 10 ตอนใน netflix ที่ใครๆก็พูดถึงอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุดยอดนักกีฬาของโลก ไมเคิล จอร์แดน กับเส้นทางตั้งแต่เริ่มต้นจนได้แชมป์ nba 6 สมัย หลายคนรวมถึงผมด้วยยกย่องให้ last dance เป็นสารคดีกีฬาที่ดีสุด หรือแม้กระทั่งหนึ่งในสารคดีที่ดีที่สุดที่เคยดูมา
ผมอินสารคดีเรื่องนี้มากกว่าปกติก็ด้วยเหตุผลส่วนตัวอยู่ไม่น้อย เพราะในช่วงปี 1992 เป็นปีที่ผมทำงานอยู่ที่เมือง portland รัฐ oregon และ portland trailblazer ทีมบาสประจำเมืองได้เข้าชิง nba กับ chicago bull เป็นปีที่ทั้งเมืองตื่นเต้นกันมากเพราะเราก็คิดว่าเมืองเราก็มีทีมที่น่าจะสู้กับ chicago ได้ ตอนนั้นเรามีดาราชูโรงคือ clide “the glide” drexler ที่ว่ากันว่าสูสีกับไมเคิล จอร์แดนเลยทีเดียว
แต่แค่เกมแรก เอาจริงๆไม่ใช่เกมแรก แค่ครึ่งเวลาแรกของเกมแรกเท่านั้น ทุกอย่างก็ดูเหมือนแทบจะจบลง ไมเคิล จอร์แดนผู้ที่เก่งทุกอย่างยกเว้นชื่อเสียงด้านชูตสามแต้มในช่วงนั้น แต่วันนั้นแค่ไม่กี่นาที ยิงสามแต้มลงไปหกลูก และครึ่งแรกทำคะแนนคนเดียวเป็นสถิติ nba คือ 35 แต้ม และชนะทีมของเมืองผมไปอย่างขาดลอย โดยในปีนั้นชิคาก็ได้แชมป์ nba โดยชนะทีม portland ไป 4 ต่อ 2 เกม
ผมก็เลยทั้งชื่นชมไมเคิล จอร์แดนในความเก่งเหนือมนุษย์ แต่ก็มีความไม่ค่อยชอบอยู่ลึกๆเพราะมาชนะทีมที่ผมเชียร์ ในตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมไมเคิลถึงมาระเบิดฟอร์มใส่ทีมผมได้ขนาดนั้น จนมาดูสารคดีนี้ถึงเข้าใจว่า เพราะไมเคิล “หมั่นไส้” ไคลด์ เดรกซ์เลอร์ ที่มีคนชอบเอามาเปรียบว่าสูสีกับเขา ก็เลยจงใจแสดงให้เห็นว่า ไอ้นั่นมันคนละชั้น และเขาก็ทำได้จริงๆ
นอกจากความสนุก ตื่นเต้น เหมือนนวนิยายชั้นดีแล้ว สารคดีเรื่อง last dance มีเรื่องราว มีบทเรียนให้ศึกษาเยอะมากๆ นิ้วกลม ดูเสร็จแล้วยังสรุปบทเรียนได้ถึง 100 ข้อ (เพจ roundfinger) แต่ที่ผมเห็นอยู่เด่นชัดมากๆก็คือเรื่องที่ไมเคิล จอร์แดน ผู้มากด้วยพรสวรรค์ ใช้พลังลบเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้เขากระโดดจากผู้เล่นพรสวรรค์คนหนึ่งจนกลายเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลที่เก่งที่สุดในโลกได้
เรื่องความหมั่นไส้ต่อไคลด์ เดรกซเลอร์ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งในสารคดี และถ้าดูจนจบ จะเห็นว่ามีหลายครั้งหลายหนมากที่แสดงความเจ้าคิดเจ้าแค้นของไมเคิล จอร์แดน เขาจำคำดูถูก ดูหมิ่น จำความพ่ายแพ้ จำแม่นในเรื่องลบๆทั้งหลาย แล้วเขาเอาคำเหล่านั้นมาเป็นพลังในการผลักดันตัวเอง และลบคำสบประมาท หรือแม้กระทั่งกระแทกกลับในการเล่นที่เหนือชั้นกว่าในครั้งต่อมา เขาเหมือนจะไล่หาเชื้อเพลิงจากเรื่องแบบนี้เพื่อหาบันไดไต่ไปอีกระดับหนึ่งด้วยซ้ำ มีตัวอย่างหนึ่งในสารคดีที่ไมเคิลกุเรื่องขึ้นว่าถูกสบประมาทจากผู้เล่นโนเนมคนหนึ่งที่บังเอิญเล่นดีในเกมแรกแล้วมาแซวเขาตอนเดินออกจากสนาม แล้วเอาคำนั้นมาเร่งพลังจนเขาทอปฟอร์มแบบสุดยอดในเกมถัดมาที่เจอกัน
มีหลายองค์ประกอบมากที่ทำให้ ไมเคิล จอร์แดนเป็นนักกีฬาบาสที่เก่งที่สุดที่โลกเคยมีมา แต่การแปรพลังลบเป็นเชื้อเพลิงส่งตัวเองขึ้นสูง ด้วยความอยากเอาชนะที่มากกว่าคนอื่น นี่เหมือนจะเป็นท่าไม้ตายพิเศษของเขาเลยทีเดียว
…..
ในวันที่ผมดูสารคดีนี้จบ โดยบังเอิญผมก็ได้มีโอกาสอ่านบทความของเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง ซึ่งเป็นเพจในดวงใจของผมที่ต้องอ่านทุกวัน เพราะคุณวิศรุตผู้เขียนนั้นทำการบ้านเรื่องกีฬาได้ดีมากๆ และมีสำนวนการเขียนที่อ่านง่ายและสนุกจนติดงอมแงม ในวันนั้นทีกำลังฟินกับ last dance คุณวิศรุตก็เขียนเรื่อง จอร์จ เบสต์ ตอนจบพอดี..
ผมเกิดไม่ทันที่จะได้ดูจอร์จ เบสต์ ที่ว่ากันว่าเป็นนักเตะอัจฉริยะที่สุดคนหนึ่งที่โลกเคยมีมา แต่ไม่ได้กลายเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จจนเป็นตำนานเหมือนไมเคิล จอร์แดนในโลกบาสเกตบอล ทั้งๆที่พรสวรรค์จอร์จ เบสต์ อาจจะมากกว่าไมเคิลด้วยซ้ำ จอร์จ เบสต์ ใช้ชีวิตแบบมั่นใจในพรสวรรค์ตัวเอง ดื่มเหล้าหนัก ขาดซ้อมก็ได้เพราะขาดซ้อมยังไงก็เล่นได้ดี และพอเจอเรื่องร้ายๆเช่นโดนแบน แทนที่จะฮึดสู้ก็ประชดชีวิตต่อด้วยการหนีซ้อมไปหาความสุขกับสาวๆ พอถูกผู้จัดการทีมทำโทษจากการขาดวินัย ไม่ให้ลงเล่น ก็เอาความเสียหน้านั้นขยี้ซ้ำประชดหนักเข้าไปอีก
ยิ่งเข้าวงจรอุบาทว์ ก็ยิ่งถูกสื่อมวลชนอัดหนัก เบสต์ก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย พอทีมแพ้ก็ไม่คิดจะฮึดสู้ ยิ่งท้อแท้ วิเคราะห์บอลจริงจังเขียนว่า เบสต์เป็นคนที่รับมือกับอารมณ์ต่างๆได้ไม่ดี พอตั้งใจซ้อมแล้วทีมผลงานแย่ เขาก็เซ็งอีก แล้วกลับไปขาดซ้อมใหม่ ไปดื่มเหล้า แล้วกลายเป็นขี้เมา เกิดเหตุทะเลาะวิวาท จนในที่สุดก็น้อยใจขอฉีกสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วกลายเป็นนักเตะพเนจร จบชีวิตค้าแข้งแบบน่าผิดหวังสุดๆ
……
ในวันที่ดูไมเคิล จอร์แดนแล้วอ่านจอร์จ เบสต์ พร้อมกันนั้น ทำให้น่าคิดว่านักกีฬาที่มีพรสวรรค์ขั้นสุดยอดสองคนแต่จบต่างกันราวกับฟ้ากับเหวนั้นเกิดจากอะไรกันแน่
คำตอบของความแตกต่างน่าจะอยู่ที่ mindset โดยคนหนี่งมี growth mindset และ อีกคนมี fixed mindset
ซึ่งน่าจะได้เขียนเรื่อง mindset นี้ในโอกาสถัดไปนะครับ..
โฆษณา