26 พ.ค. 2020 เวลา 13:00 • ธุรกิจ
ประเทศที่กู้จีนโครงการ BRI อาจไม่มีเงินจ่ายคืนจีน
1
อย่างที่เราทราบกันดีว่าอภิมหาโครงการของจีน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 ที่ชื่อเดิม คือ โครงการ One Belt On Road (OBOR) หรือ หนึ่งประเทศ หนึ่งเส้นทาง
ซึ่งเวลาพูดภาษาจีนคือ “อี้ไต้, อี้ลู่” แล้วเหมาะเจาะคล้องจองกันดี แสดงถึงความฝันที่จีนจะกลับมาเป็นชาติมหาอำนาจของโลกอีกครั้ง
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่จีนเริ่มออกล่าอาณานิคมผ่านทั้ง Soft Power คือ การค้าขายระหว่างประเทศ และผ่านการให้ประเทศต่างๆ กู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นแผนการดึงยุโรป ออกมาจากสหรัฐฯ
ความฝันที่จะสร้างเส้นทางสายไหม เส้นใหม่ คราวนี้ มีโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยง ทั้งทางบก และทางน้ำ
แต่ด้วยชื่อเช่นนี้ ก็พบว่าไม่ค่อยเข้าหู สหรัฐฯ และชาติอื่นๆ ยิ่งผสมกับนโยบาย Made in China 2025 ทำให้จีนเปลี่ยนชื่อโครงการให้ Soft ลง เป็น Belt Road Initiatives แทน ในช่วงปี ค.ศ. 2015
แต่จากโควิด-19 ที่ประเทศต่างๆ ต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่มเติมกันไปอีก เพื่อพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ให้ได้
ที่นี้ เจ้าหนี้โครงการ BRI อย่างจีน จะทำยังไงดี และสถานการณ์อาจแย่ถึงขนาดไหน
หากพร้อมแล้ว เราไปติดตามกันเลย
=====================
ผู้นำเข้า ส่งออก หาขนส่งมืออาชีพ
นึกถึง ZUPPORTS
=====================
1) วาดภาพ BRI ก็ง่ายๆ คือ เชื่อมทุกทวีป ยกเว้น ทวีปอเมริกา เป็นการสร้างเครือข่ายทางรถไฟ ถนน เส้นทางทะเล เชื่อมโยงกว่า 138 ประเทศทั่วโลก และจำนวนโครงการทั้งสิ้นมากกว่า 66 โครงการ
BRI
2) มูลค่าเงินกู้ที่มีการประกาศ สูงถึง 15 ล้านล้านบาท เป็นโครงการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากเราไปดูรายการรายชื่อผู้รับบริจาค เอ้ย รายชื่อลูกหนี้ 5 ลำดับ ได้แก่
อันดับที่ 5 ไนจีเรีย 0.9 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 4 อิหร่าน 1.0 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 3 ปากีสถาน 1.2 ล้านล้านบาท
1
อันดับที่ 2 อินโดนีเซีย 1.4 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 1 รัสเซีย 1.8 ล้านล้านบาท
1
ลิสต์รายชื่อ ยาวเป็นหางว่าว
Cr. Ft
3) ทาง Centre for Global Development รายงานว่า มีประเทศในโครงการ BRI ที่น่ามีความเสี่ยงว่าจะไม่มีตังค์จ่ายคืนหนี้ โดยเฉพาะเจ้าหนี้อย่างจีน ประมาณ 20 ประเทศ ตัวอย่างได้แก่
- ศรีลังกา กู้ยืมจีน ประมาณ 5 % ของ GDP
- คีร์กีซสถาน กู้ยืมจีน ประมาณ 21% ของ GDP
- ลาว กู้ยืมจีน ประมาณ 26% ของ GDP
- มองโกเลีย กู้ยืมจีน ประมาณ 30% ของ GDP
- จิบูตี (ในแอฟริกา) กู้ยืมจีน กว่า 70% ของ GDP
Cr. briupdates
4) ทางจีนเอง ก็ได้รับคำขอผ่อนผัน การชำระดอกเบี้ย และหนี้ซึ่งทางจีนเองก็เข้าใจดีว่าสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ใครจะมีเงินมาจ่าย แต่ทางด้านนักวิเคราะห์ของจีน ก็ระบุว่า เงินกู้ BRI ไม่ใช่เงินช่วยเหลือประเทศยากจน ยังไงจีนก็ต้องเอาเงินต้นพร้อมดอกคืน
5) ทางด้านนักวิเคราะห์ประเมินต่อว่า จีนคงยังพอรับไหว หากหนี้สิน 20% กลายเป็นหนี้เสีย แต่คงทนไม่ได้หากหนี้เสียเกินครี่ง โดยเงินที่จีนปล่อยกู้ ก็มาจากทั้งธนาคารพาณิชย์ในจีน และธนาคารภาครัฐ ซึ่งในส่วนของธนาคารพาณิชย์ คงยอมยกหนี้ให้ไม่ได้ เจ๊งทั้งระบบแน่
6) จริงๆ แล้วจีนก็ไม่ได้ปล่อยกู้โดยไม่มีหลักประกัน โดยสินทรัพย์ที่จีนสร้างนั่นแหล่ะที่เป็นหลักประกัน ทั้งท่าเรือ ถนน รถไฟ และเหมืองแร่
7) ฝั่งอินเดีย ก็มีการคุยกันว่า จังหวะนี้อาจเป็นจังหวะดีที่จีนอาจโดนดึงให้ขยายอำนาจช้าลง จากหนี้เสียโครงการ BRI อินเดียเอง อาจเน้นนโยบาย Act East ขยายการค้ามายังอาเซียนแข่งกับจีนได้
ซึ่งอย่างที่เราทราบ ว่าจีนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอินเดีย ลูกหนี้ลำดับต้นๆ ของจีน อย่างปากีสถาน ก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของอินเดียด้วย
ลูกหนี้ทั้งหลาย หากจะเบี้ยวหนี้จีน จ่ายช้าบ้าง จีนก็คงพอรับได้ เพราะว่าถ้าหากไม่ยอมจ่ายคืนหนี้จริงๆ จีน ก็จะได้ยืดสินทรัพย์ดังกล่าว ไปบริหารเองซะเลย ตัวอย่างเช่น กรณีท่าเรือ Hambantota ที่ศรีลังกา ที่ถูกจีนบังคับให้ตกเป็นของจีน เป็นระยะเวลา 99 ปี...
Cr. VOA
แต่จริงๆ แล้วลูกหนี้รายใหญ่ของจีนอีกราย คือ สหรัฐฯ ต่างๆหาก ซึ่งผ่านการถือพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 36 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 2 เท่า ของงบ BRI
ซึ่งหากสหรัฐฯ เบี้ยวหนี้ นี่รับรองว่าบันเทิงแน่นอน....
2
ไม่แน่ว่าสหรัฐฯ อาจพยายามเอากัญชาไปขายคืนจีน แบบที่อังกฤษทำกับจีน (ฝิ่น) แบบที่พยายามเปิดเสรี และขายคนทั้งโลกอยู่
แน่นอนว่าจีนคงไม่โง่หลงกลซ้ำสอง...
=====================
ผู้นำเข้า ส่งออก หาขนส่งมืออาชีพ
นึกถึง ZUPPORTS
=====================
❤️ อ่านบทความย้อนหลังได้ที่
👫 ร่วมกลุ่มผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก
โฆษณา