27 พ.ค. 2020 เวลา 05:00 • กีฬา
[ บนอัฒจันทร์ฝั่งอีสต์สแตนด์ ]
ตอน: ปาฏิหาริย์แห่งคัมป์ นู
คุณเชื่อในปาฏิหาริย์หรือไม่..?
ในค่ำคืนที่นักฟุตบอลร่ายรำบนฟลอหญ้า ผมเคยเห็นปาฏิหาริย์ปรากฏตรงหน้ามาสองครั้งกับตาตัวเอง เป็นสองครั้งที่สอนให้เห็นว่า “ความหวังยังมีอยู่เสมอ หากเราไม่ทิ้งมันไปเสียก่อน”
และนี่คือเรื่องราวครั้งแรกที่ผมได้เห็นมันกับตาตัวเอง ... ปาฏิหาริย์แห่งคัมป์ นู ...
วันที่ 26 พฤษภาคม 1999 ณ สนามคัมป์ นู ของสโมสรบาร์เซโลน่า เป็นสังเวียนที่จัดนัดชิงชนะเลิศศึก ยูเอฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก โดยปีนั้นเป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากอังกฤษ และ บาร์เยิน มิวนิค ยอดทีมจากเยอรมัน
เส้นทางนั้นต้องบอกว่าทั้งสองทีมเข้ามาชิงชนะในเส้นทางที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร แม้ในรอบแบ่งกลุ่ม ทั้งคู่จะอยู่กลุ่มเดียวกัน และเสมอกันไปทั้งสองนัดเหย้า-เยือน แต่ในรอบน็อคเอ๊าท์ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องผ่านด่านหินทั้งอินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส ขณะที่บาร์เยินฯ เหมือนจะเจองานเบากว่ากับ ไกเซอร์สเลาเทิ่น และ ดินาโม เคียฟ
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หมายมั่นปั้นมือจะคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่บอลยุโรปในครั้งนี้ให้ได้ เพราะนี่คือการเข้าชิงถ้วยนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตการคุมทีมของเขา หลังจากเคยมาได้ไกลที่สุดเพียงรอบรองชนะเลิศ เพราะเจอยอดทีมจากเยอรมันอีกทีมหนึ่งอย่างโบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ เขี่ยตกรอบเมื่อ 2 ปีก่อน และโค้ชของดอร์ทมุนด์ที่เขี่ยแมนฯ ยูไนเต็ดของ เฟอร์กี้ตกรอบในคราวนั้น ก็คือโค้ชของบาร์เยิน มิวนิคในวันนี้ นั่นก็คือ “ท่านนายพล” อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์
1
ก่อนหน้านัดชิงฯ ไม่กี่วัน แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งคว้าแชมป์ เอฟ เอ คัพ มาครองได้ นั่นหมายความว่าถ้าวันนี้พวกเขาคว่ำบาร์เยิน มิวนิคลงได้ พวกเขาจะเป็นทีมแรกจากอังกฤษที่คว้าทริปเปิ้ล แชมป์ ได้สำเร็จ
2
ขณะที่บาร์เยิน มิวนิค ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในเส้นทางทริปเปิ้ล แชมป์ เช่นเดียวกัน พวกเขาได้แชมป์บุนเดสลีก้ามาเรียบร้อยแล้ว โดยเหลืออีกแค่สองถ้วยเท่านั้น นั่นคือพวกเขาต้องชนะแมนฯ ยูไนเต็ดในคืนนี้ สำหรับแชมป์เปี้ยนส์ ลีก และไปพิชิตแวร์เดอร์ เบรเมน ในเดเอฟเบ โพคาล กลางเดือนมิถุนายน พวกเขาก็จะคว้าทริปเปิ้ล แชมป์ของเยอรมัน
1
นัดชิงในวันนี้ ทั้งสองทีมขาดผู้เล่นคนสำคัญกันทั้งคู่ แมนฯ ยูไนเต็ดปราศจากกำลังหลักสองคนที่ติดโทษแบน นั่นคือคู่มิดฟิลด์ตัวจริงที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันใช้มาตลอดฤดูกาล รอย คีน กับ พอล สโคลส์ ทำให้เฟอร์กี้ต้องโยก ไรอัน กิ๊กส์ เล่นมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับ นิกกี้ บัตต์ เช่นเดียวกับบาร์เยินฯ อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ ต้องขาดสองคีย์แมนทั้งเกมรุกและรับ คือ บิเซนเต้ ลิซาราซู แบ็คซ้าย กับ โจวานนี่ เอลแบร์ ดาวยิงอันดับ 1 ของทีม จากอาการบาดเจ็บ
เริ่มเกมมาได้แค่ 6 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตกเป็นรอง เมื่อรอนนี่ ยอนเซ่น ทำฟาวล์ คาร์สเท่น ยานเคอร์ กองหน้าของบาร์เยินฯ หน้ากรอบเขตโทษ มาริโอ บาสเลอร์ แนวรุกตัวเก่งของบาร์เยินฯ ซัดฟรีคิกงามหยดเข้าไป บาร์เยินฯ นำ 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง ลงสนามมา รูปเกมแมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ดีขึ้น นาทีที่ 67 เฟอร์กี้เดิมพันครั้งแรกด้วยการส่ง เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม กองหน้าตัวสำรองลงมาแทน แยสเปอร์ บลอมควิสต์ ปีกซ้ายที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีได้ชาร์จจ่อๆ จากลูกเปิดของกิ๊กส์ แต่ข้ามคานแบบเหลือเชื่อ ฮิตซ์เฟลด์แก้เกมทันทีในอีก 4 นาทีต่อมา เปลี่ยน อเล็กซานเดอร์ ซิกเล่อร์ กองหน้าดาวรุ่งออก เติมมิดฟิลด์จอมเทคนิคเก็บบอลได้ดีอย่าง เมเหม็ด โชลล์ ลงไป
และปาฏิหาริย์ ...ก็เริ่มทำหน้าที่ของมัน...
ใกล้หมดเวลามากขึ้นเท่าไหร่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยิ่งต้องบุกเพื่อทวงประตูคืน และบาร์เยินฯ ก็ตั้งรับเน้นเกมสวนกลับ ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีทางของฟุตบอล ในนัดนี้กองหลังบาร์เยินฯ เล่นได้ดีมาก หยุดคู่หู โคล-ยอร์ค ได้อยู่หมัด บาร์เยินฯ ก็รู้ดี เมื่อหยุดเกมรุกของแมนฯ ยูไนเต็ดได้ ขอแค่พวกเขายิงเพิ่มอีกลูกก็จะฝังแมนฯ ยูไนเต็ด ทันที
นาทีที่ 75 สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก ได้วอลเล่ย์จ่อๆ แต่ติดปลายมือ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ปัดข้ามคานออกไปได้ แมนฯ ยูไนเต็ดป้องกันไม่ให้เสียลูกที่สองอย่างสุดชีวิต เพราะพวกเขาก็รู้ ถ้ายังตามลูกเดียวต่อไป อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่กี่นาทีต่อมา เมเหม็ด โชลล์ ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ มีผู้เล่นแมนฯ ยูไนเต็ดขวางหน้าอยู่สี่คน โชลล์ลากหนีกลุ่มนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดที่ยืนขวาง เหลือบเห็นชไมเคิ่ลออกมาไกลจากเส้นปากประตู เขาเลยชิพบอลน้ำหนักพอดีเป๊ะ ข้ามมือชไมเคิ่ลได้สำเร็จ แต่ทิศทางผิดไปแค่ไม่กี่องศา บอลลอยไปชนเสาเด้งเข้ามือชไมเคิ่ลได้อย่างเหลือเชื่อ
ถึงตรงนี้ 10 นาทีสุดท้าย เฟอร์กี้เดิมพันอีกครั้ง เปลี่ยนโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ลงมาแทนแอนดี้ โคล ที่ถูกจับตายจนเล่นไม่ได้เลยออกไป แมนฯ ยูไนเต็ด บุกแหลกแบบไม่สนอะไรอีกแล้ว ขณะที่บาร์เยินฯ ก็ตั้งรับเต็มที่แต่ไม่ได้รับอย่างเดียว ยังพยายามหาช่องจะยิงฝังแมนฯ ยูไนเต็ดให้หมดฤทธิ์ด้วย
นาทีท้ายๆ คาร์สเท่น ยานเคอร์ ได้โอกาสยิงลูกจักรยานอากาศ หรือ โอเวอร์เฮดคิก จ่อๆ โล่งๆ หน้าปากประตูแมนฯ ยูไนเต็ด แต่อนิจจา องศาผิดไปอีกครั้ง ลูกบอลลอยสูงเกินไปจนไปชนคานเข้าเต็มๆ ก่อนที่กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ดจะช่วยกันสกัดออกมา
1
จนแล้วจนเล่า ผ่าน 90 นาที บาร์เยิน มิวนิค ก็ยิงฝังไม่ได้ เสา 1 คาน 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีลมหายใจ ...
ถึงตอนนั้นผู้เล่นบาร์เยิน มิวนิคก็อาจจะเริ่มเฉลียวใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงยิงฝังแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ได้สักที แต่คงไม่มีใครคิดไปถึงว่าบทสรุปจะโหดร้ายได้ถึงปานนั้น
และหลังจากนั้น เมื่อปาฏิหาริย์ทำหน้าที่ของมันเสร็จสิ้น เหล่าสาวกปีศาจแดงทั่วโลกก็ได้รับรู้ถึงคำว่า “ปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้นตรงหน้า”
ทดเวลาบาดเจ็บ เชอร์ริงแฮม และ โซลชา สองกองหน้าตัวสำรองที่เฟอร์กี้เสี่ยงเดิมพัน ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้สำเร็จหมดจด เมื่อช่วยกันยิง 2 ประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกแซง บาร์เยิน มิวนิค 2-1 คว้าแชมป์ไปอย่างเจ็บแสบที่สุด ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที
ช่วงเวลา 2 ประตูตรงนั้น มันสั้นขนาดไหน..? ก็ขนาดที่ว่า ฟรานซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์ ประธานสโมสรบาร์เยิน มิวนิค ในตอนนั้น เข้าไปในลิฟท์ที่คัมป์ นู เพื่อที่จะลงไปเฉลิมฉลองกับนักเตะบาร์เยินฯ ข้างสนาม จังหวะที่เบ็คเค่นเบาเออร์ เข้าไปในลิฟท์นั้นบาร์เยินฯ ยังนำอยู่ 1-0 พอลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง บนสกอร์บอร์ดขึ้นเป็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำบาร์เยิน มิวนิค 2-1 จนเบ็คเค่นเบาเออร์ต้องหันไปถาม รปภ. สนาม
“นี่มันอะไร ตลกแล้วมั้ง บาร์เยินฯ นำ 1-0 ไม่ใช่เหรอ สกอร์บอร์ดขึ้นผิดแล้ว”
“ไม่ผิดหรอกครับ ยูไนเต็ดยิง 2 ประตูจริงๆ” รปภ. ตอบเบ็คเค่นเบาเออร์
“ไม่..! ผมไม่เชื่อ พวกมัน (แมนฯ ยูไนเต็ด) ไม่ได้ยิงประตูอะไรทั้งนั้น..!”
และเมื่อเห็นผู้เล่นเสื้อสีแดงของแมนฯ ยูไนเต็ด วิ่งกรูกันลงไปที่สนาม เบ็คเค่นเบาเออร์ก็รู้ได้ทันทีว่า บาร์เยิน มิวนิค ของเขาโดนยิงแซงสองประตูเรียบร้อยแล้วในขณะที่เขาอยู่ในลิฟท์
สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ยกระดับไปอีกขั้นกับชัยชนะในค่ำคืนนั้น ประกาศให้โลกได้รู้ว่าพวกเขาคือจ้าวยุโรปตัวจริง นี่คือสโมสรที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานั้น คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ เดวิด เบ็คแฮม ก้าวขึ้นสู่ซุปเปอร์สตาร์เต็มตัวกับตำแหน่งนักฟุตบอลที่ดังที่สุดในโลก อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้บรรดาศักดิ์เป็นท่านเซอร์ วาทะอมตะ “Football bloody hell” กำเนิดคู่หู โคล-ยอร์ค ในตำนาน และนักเตะตัวสำรองที่เก่งที่สุดในโลก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์
สำหรับบาร์เยิน มิวนิค อีก 2 อาทิตย์ถัดมา พวกเขาก็แพ้นัดชิงบอลถ้วย เดเอฟเบ โพคาล ให้กับแวร์เกอร์ เบรเมน ให้ช้ำใจกันอีกรอบ แต่พวกเขาเหมือนเสือเจ็บ กลับไปเลียแผลอย่างเงียบๆ และใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็กลับมาได้ในปี 2001 คว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปได้สำเร็จจากการคว่ำบาเลนเซียในรอบชิง
ค่ำคืนนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นปาฏิหาริย์ หรือ “ก็แค่โชคดี” แต่มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โชค หรือ ปาฏิหาริย์ จะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าคุณไม่มีความพยายามที่มากพอ
และแมนฯ ยูไนเต็ด ก็บันดาลปาฏิหาริย์ให้ปรากฏอีกครั้ง ในอีก 9 ปีถัดมา พร้อมกับขุมกำลังพลชุดที่แข็งแกร่งที่สุดของแมนฯ ยูไนเต็ดในยุคเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เกมรับเหนียวแน่นที่สุด เกมรุกดุดันที่สุด ที่สำคัญคือแบ็คขวาดาวรุ่งผู้มีชื่อเป็นตัวสำรองในนัดชิงปี 1999 แต่พัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นแบ็คขวาอันดับต้นๆ ของโลกในปี 2008
อาทิตย์หน้าพบกับ “สายฝนโปรยปรายที่มอสโก”
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา