28 พ.ค. 2020 เวลา 08:57 • ธุรกิจ
วิธี"ใกล้ตัว"ในการปลดพนักงานและผู้บริหารระดับสูงหากคุณทำธุรกิจ
การปลดพนักงานและผู้บริหารระดับสูงเป็นตัวเลือกสุดท้ายเพื่อที่จะทำให้บริษัทก้าวต่อไปอีกขั้นหนึ่ง โดยจุดประสงค์หลักๆของการ Lay off ก็มีเพียง 2 อย่างเท่านั้น นั่นก็คือ 1.เพื่อให้บริษัทก้าวหน้าขึ้น และ 2.เพื่อรักษาความอยู่รอดของบริษัทเอง
ในสถานการณ์วิกฤติ Covid-19 ทำให้ Supply Chain ได้รับผลกระทบอย่างหนักและเป็นลูกโซ่ ผลที่ตามมาก็คือรายได้ที่ขาดหายไปแต่รายจ่ายโดยเฉพาะพนักงานยังคงอยู่เท่าเดิม จึงทำให้การLay off ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย....
แต่ก็มีอีกหลายบริษัทเช่นกันที่ตอนนี้ยังไม่สามารถทำใจที่จะปลดพนักงานออกได้ เนื่องจากว่าพนักงาน/ผู้บริหารที่ตัวเองจะปลดเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะและความสามารถที่ดีและหากปลดไปก็อาจหมายถึงการ"ตัดขาของบริษัท"
แต่หากคุณไม่มีทางเลือกโดยที่คุณจำเป็นต้องเลือก ผมมีวิธีในการที่จะทำให้คุณสามารถทำได้อย่างรวดเร็วขึ้นครับ มันอาจจะฝืนใจคุณแต่หากคุณคิดถึงภาพรวมของบริษัทตัวเอง ผมเชื่อว่าคุณทำได้!!!!
Ben Horowitz ผู้ก่อตั้งบริษัทแอนดริเซน โฮโรวิตซ์ บริษัทผู้ร่วมลงทุนกับธุรกิจชั้นนำอย่าง Airbnb, Facebook และ Twitter ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่ได้รับการยอมรับใน Silicon Valley ได้ผ่านวิกฤติครั้งใหญ่มาแล้ว 2 ครั้งเมื่อ ฟองสบู่.comในปี 2000 และ วิกฤติ Hamburger crisis ในปี 2008 และประสบการณ์นี้ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้จากความเจ็บปวดในการที่จะปลดคนที่ไม่ใช่ในปริษัทออก
Ben Horowitz
Ben มีวิธีการอย่างไร Near us จะอธิบายให้ฟังครับ
จากประสบการณืในการทำธุรกิจทั้วชีวิตของเขา เขาสังเกตุได้ว่า ธุรกิจใดที่มีการปลดคนในบริษัทออกคราวละมากๆ บริษัทจะสูญเสียวัฒนธรรมองค์กรที่สำคัญไปและต้องใช้เวลาหลายปีในการที่จะฟื้นตัว หรือไม่ก็เจ๊งไปเลย
แต่ทักษะในการปลดคนในบริษัทที่ดีในฐานะที่คุณเป็น CEO หรือ MD จะสามารถช่วยให้องค์กรฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและเดินหน้าต่อไปได้ โดยเริ่มจาก 2 สิ่งด้วยกัน ไดแก่
1.การปลดพนักงานอย่าง"ถูกวิธี"
ขั้นตอนที่1 ตั้งสติให้ดีๆ
แน่นอนว่าการที่เราจะปลดพนักงานซักคนหนึ่งหรือปลดยกหมู่ออก คุณจะต้องตั้งสติให้ดีๆว่า เราต้องทำเพื่อบริษัทและคนที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด และให้คนที่ไม่ใช่ที่บริษัทไม่ต้องการออกไปจากบริษัท หรือพูดง่ายๆก็คือ จงมองคุณค่าของคนที่มีอยู่มากกว่าคุณค่าที่ไม่สำคัญอีกแล้วในตอนนี้ เพราะหากคุณไม่ทำ มันก็จะกดทับจิตใจคุณต่อไปเรื่อยๆจนทำให้คุณไม่เป็นอันทำอะไรเลย....
ขั้นตอนที่ 2 อย่าได้รอช้าอีกเลย!!!!
เมื่อคุณได้ปรึกษากับบอร์ดบริหารว่าจะปลดใครออก อย่าได้รอช้าอีกเลยครับ คุณต้องทำให้การตัดสินใจอย่างเฉียบขาดกับการปลดพนักงานออกมาอยู่ใกล้กันให้มากที่สุด เพราะหากคุณรอช้า ข่าวลือจะแพร่กระจายออกและจะทำให้พนักงานในองค์กรที่คุณไม่ได้ต้องการปลดต้องเสียขวัญกำลังใจในการทำงาน เพราะในเมื่อเขาคิดว่าตัวเองกำลังจะโดนLay off แล้วใครมันจะมีสมาธิในการทำงานล่ะ จริงไหม?
ขั้นตอนที่ 3 ซักซ้อมกับบรรดาผู้จัดการที่ดูและและรับพนักงานมาตั้งแต่แรก
ผู้จัดการที่ดูแลพนักงานเหล่านั้นอยู่ เมื่อถึงคราวต้องปลดออก คุณต้องหัดรู้จักการซักซ้อมในการพูดที่ดีก่อนที่จะบอกกล่าวแก่พนักงานที่กำลังถูกปลด เพราะเขาจะต้องได้รับรู้ถึงเหตุผลที่ชัดเจนในการที่จะปลดเขาออก และคุณกับผู้จัดการต้องหัดทำให้ขั้นตอนนี้เป็นไปด้วยความสุจริตใจและโปร่งใสที่สุด เพราะในที่สุดแล้ว เขาจะเข้าใจในเหตุผลที่ดีพอของคุณเอง โดยหลักๆแล้วคุณต้องเคลียร์ทั้ง 3 ข้อนี้ก่อน ได้แก่
3.1 อธิบายสั้นๆว่าเกิดอะไรขึ้น โดยบอกว่านี่เป็นความผิดพลาดของบริษัท ไม่ใช่พนักงาน
3.2 บอกเหตุผลให้ชัดเจนว่าทำไมเขาต้องออกไป และนี่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่บริษัทจำเป็นต้องทำจริงๆ
3.3 ช่วยเหลือให้เขาไปอยู่ที่บริษัทอื่น โดยอาจจะเป็นการเขียนประวัติการทำงานของเขาให้ดีๆหรือติดต่อแนะนำให้เขาได้ไปทำงานที่บริษัทอื่นก็ได้
ขั้นตอนที่ 4 บอกเหตุผลที่ชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาในการปลดออก
หลายๆครั้งคุณและบอร์ดบริหารอาจบอกกับตัวเองและผู้อื่นเพื่อปลอบใจตัวเองว่า "นี่เป็นโอกาสที่ดีในการปรับใครงสร้างองค์กรใหม่ให้กระชับและมีประสิทธิภาพขึ้น" แต่เราควรบอกกับพนักงานที่ถูกปลดว่า "โครงสร้างและระบบการทำงานของบริษัทเรายังไม่ดีพอที่จะรักษาพนักงานที่ดีอย่างคุณได้" เพราะมันเป็นการที่คุณจะได้เรียนรู้ความผิดพลาดของการวางโครงสร้างองค์กรและทำให้ตัวพนักงานเองได้รู้ความจริงที่ตัวเองถูกปลด เพื่อไม่ให้เขาเดิมออกมาจากบริษัทและโมโหคุณว่า ปลดกูทำไมว่ะ!!!!!!
ขั้นตอนที่ 5 แจ้งข่าวให้กับคนทั้งบริษัทและให้คนทั้งบริษัทได้เห็น
หลังจากที่คุณได้ไล่พนักงานออกแล้ว คุณต้องประกาศให้คนทั้งบริษัทให้รับรู้ด้วยตัวเองพร้อมทั้งบอกถึงการกระทำทั้ง 4 ขั้นตอนของคุณที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา เพราะโดยทั่วไปแล้วพนักงานจะไม่ถือโทษคุณหากการกระทำของคุณเป็นเรื่องที่สุดวิสัยจริงๆ แต่เขาจะถือโทษคุณแน่นอนหากคุณไล่พนักงานที่เปรียบเสมือนเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายในการทำงานมาด้วยกันออกอย่างไม่มีเหตุผล
2.การเตรียมการที่ดีที่จะปลดผู้บริหารระดับสูงออก
ในวันที่คุณจ้าง"มืออาชีพ"ที่คุณเชื่อมั่นมาเป็นผู้บริหารระดับสูง คุณได้วาดภาพความฝันและโอกาสที่สวยงมที่เขาจะได้เข้ามาแสดงความสามารถพร้อมกับทำให้บริษัทมีความเจริญรุ่งเรืองไปพร้อมๆกัน
แต่ในวันที่คุณจะต้องปลดเขาออก ขั้นตอนแรกเลยก็คือ
ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้บริหารระดับสูงทำงานได้ไม่ดี ได้แก่
1.คุณได้ให้ผู้บริหารระดับสูงมาทำงานที่ตรงความสามารถของลักษณะงานในบริษัทหรือไม่
2.คุณรับคนที่มีความสามารถ"เกิน"จากบริษัทตัวเองหรือไม่ เพราะบริษทขนาดเล็กและขนาดใหญ่มักจะมีวิธีการทำงาน/ลักษณะงาน/การสเกลบริษัท/วัฒนธรรมองค์กร/กฎระเบียบที่ไม่เหมือนกัน และมันอาจทำให้ผู้บริหารระดับสูงไม่คุ้นชินกับ"ความสามารถที่ดีของบริษัทที่ตัวเองทำงานในปัจจุบัน" หรือไม่
3.ผู้บริหารระดับสูงมีความทะเยอทะยานที่"ผิดประเภท"ที่กำลังกอบโกยตัวเองมากกว่ากอบโกยให้บริษัทหรือป่าว
ขั้นตอนที่ 2 แจ้งคณะกรรมการแม้มันจะเป็นเรื่องยาก
หลายครั้งที่คุณจ้างผู้บริหารระดับสูงคนนี้มาเพราะคุณและบอร์ดบริหารลงมติเอกฉันท์ แต่เมื่อคุณต้องปลดออก คุณต้องอธิบายให้ชัดเจนเมื่อคุณต้องการปลดผู้บริหารระดับสูงเหมือนกับตอนที่คุณอธิบายว่าทำไมต้องจ้างผู้บริหารคนนี้เข้ามา และหลังจากนั้นคุณก็ต้องลงมติกับบอร์ดบริหารเพื่อเตรียมมอบค่าชดเชยให้กับเขา เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่หางานใหม่ได้ยากกว่างานประจำทั่วไปหลายเท่า
ขั้นตอนที่ 3 เตรียมตัวสำหรับการพูดคุย
และการปลดผู้บริหารระดับสูงนี้ คุณต้องใช้เวลาในการฝึกพูดพอสมควร เพราะหากคุณพูดอะไรไม่เข้าท่าจนทำให้เขาตวาดสวนกลับจนทำให้คุณเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง คุณก็จะกลายเป็นตัวตลกในบริษัททันทีและคุณอาจจะโดนปลดเสียเองก็ได้ เพราะฉะนั้น คุณต้องใช้คำพูดที่เด็ดขาดและไปในทางเดียวที่คุณต้องการ เช่น "ผมตัดสินใจว่า" หรือ "ผมคิดว่า" เพื่อให้เขารู้ด้วยตัวเองในทำนองว่า "รับค่าชดเชยแล้วไปซะ" ตัวอย่างดังรูปครับ
วันที่ Steve Jobs ปลดMike ผู้ที่เป็นบอร์ดบริหารและผู้ให้ทุนSteveทำApple Computer 1 (รุ่นแรกสุดของApple)
ขั้นตอนที่ 4 แจ้งข่าวให้บริษัทได้รับรู้
เริ่มแรกเลยก็คือ ผู้ใต้บังคับปัญชาหรือสายงานของผู้บริหารระดับสูงที่ปลดออก จากนั้นก็บอกให้สมาชิกผู้บริหารระดับสูง สุดท้ายก็คือคนทั้งบริษัท โดยกระบวนการนี้ควรเกิดขึ้นและจบเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพื่อไม่ให้คนในบริษัทได้รับรู้อย่างจัดเจน
ที่สำคัญก็คือ เมื่อผู้บริหารระดับสูงคนนั้นไปแล้ว คุณก็ต้องบอกให้คนทั้งบริษัทได้รับรู้ถึงกระบวนการทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ด้วยความโปร่งใสเพื่อให้คนในบริษัทเข้าใจว่า คุณทำไปเพราะเป็นความจำเป็น และเพื่อให้ลูกน้องในสายงานมั่นใจว่า เขาจะไม่เป็นรายต่อไปที่จะโดน หากคุณไม่ได้คิดจะปลดคนในสายงานออกไปด้วย
และนี่ก็คือขั้นตอนในการปลดพนักงานและผู้บริหารระดับสูงหากคุณทำธุรกิจ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่หากว่ามันเกิดขึ้นแล้ว มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็ไม่สบายใจ เพราะคนที่โดนปลดออกก็ไม่มีรายได้เข้ามา ส่วนคนที่ปลดออกเองก็สำนึกผิดว่าตัวเองผิดพลาดที่ให้คนที่โดนปลดมาทำงานที่ไม่ตรงความสามารถตั้งแต่แรก
เพราะฉะนั้น หากว่ามันถึงจุดที่สุดวิสัยแล้วจริงๆ วิธีนี้ก็อาจจะช่วยคนที่กำลังทำธุรกิจและเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
อ้างอิง: หนังสือ The Hard Thing About Hard Things เมื่อไม่มีเส้นทางที่ง่ายในการทำธุรกิจ Ben Horowitz

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา