30 พ.ค. 2020 เวลา 13:55 • ข่าว
🇺🇸🙅🏽‍♂️❌เรื่องการประท้วงและปล้นร้านค้าในสหรัฐนั้นไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของการเรียกร้องความยุติธรรมให้ จอร์จ ฟลอยด์ ชาวผิวดำที่ถูกตำรวจใช้เข่ากดคอจนเสียชีวิตระหว่างจับกุมอีกต่อไป แต่กำลังเป็นการเรียกร้องความเท่าเทียมให้กับ #ชาวผิวสีทั้งประเทศ ที่ต้องจับตามอง
2
เหตุผลที่การประท้วงในสหรัฐครั้งนี้นั้นรุนแรงกว่าที่ผ่านๆมาไม่ใช่เพียงเพราะ จอร์จ ฟลอยด์ ต้องเสียชีวิตอย่างสะเทือนใจต่อหน้าสื่อทั้งประเทศ แต่เหตุการณ์นี้เป็นเสมือน #โดมิโนตัวสุดท้าย ที่ล้มหลังจากมีเหตุการณ์ #เหยียดสีผิว เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดจนกลายเป็นเรื่องปกติในอเมริกาไปแล้ว
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ปะทุขึ้นมาในเวลาที่แย่ที่สุด เพราะในช่วงวิกฤตไวรัสโควิดนี้เหล่าผู้คนในอเมริกากำลังเดือดร้อนมากที่สุดในรอบ 100 ปีเลยก็ว่าได้ โดย 1 ใน 4 ของประชากรสหรัฐเพิ่งตกงานไป ประชากรเกินครึ่งของสหรัฐเพิ่งโดนกักตัวอยู่บ้านมาเป็นเวลา 2 เดือนเต็มๆ ความเครียดกำลังพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
และเหตุผลที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมา #ปล้นระดม ในครั้งนี้ก็คงเป็นเพราะกลุ่มคนที่ขาดรายได้และตกงานไปมากที่สุดก็คือกลุ่มคนผิวดำนั้นเอง ประกอบกับการที่ผู้นำประเทศของพวกเขาเองก็ไม่ได้หยิบยื่นมือเข้ามาช่วยเหล่าอย่างจริงๆจัง และผู้นำยังเป็นตัวอย่างในการเอาเปรียบกฏหมายในหลายๆเรื่องเองได้... แล้วทำไมเหล่าประชาชนที่กำลังอดอยากถึงไม่สามารถใช้โอกาสนี้ออกมาปล้นระดมซะเองถ้ากฎหมายนั้นไม่ศักดิ์สิทธิ์
เชื่อว่าการที่กลุ่มชาวผิวสีทนไม่ได้มากที่สุดคือ การพยายามใช้ชีวิตอยู่บนกฎหมายที่ประเทศวางไว้ แต่กลับต้องมาโดนเอาเปรียบในชีวิตประจำวันโดยกลุ่มตำรวจเหยียดสีผิว (ที่ยังมีอยู่เยอะในอเมริกา) เป็นตัวจุดฉนวนความรุนแรงทั้งหมดเหล่านี้
👮‍♂️🔥🙅🏽‍♂️
โดยจากการลองไล่เรียงเหตุการณ์เหยียดสีผิวทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา เราจึงเห็นชัดเลยว่าเรื่องของจอร์จ ฟลอยด์ นั้นเป็นเสมือน #ฟางเส้นสุดท้าย ของความไม่เท่าเทียมในอเมริกา
1️⃣ ชาวผิวดำในสหรัฐกำลังเสียชีวิตจากไวรัส Covid-19 ในอัตรา 3 เท่าของคนผิวขาว !
อัตราส่วนนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือไม่ ? คนผิวดำนั้นมีภูมิต้านทานน้อยกว่าคนผิวขาว ? คงจะไม่ใช่เพราะเหตุผลเหล่านี้ และหลายคนอาจจะมองว่าคนผิวดำอาจทำงานที่สุ่มเสี่ยงที่ต้องออกไปตามท้องถนนมากกว่า... นี่ก็ไม่ใช่ครับ เพราะเรากำลังพูดถึงอัตราการเสียชีวิตจากผู้ที่ติดเชื้อไปแล้ว
ตัวเลขอย่างเป็นทางการล่าสุดในสหรัฐนั้นเผยถึงการเหยียดสีผิวหรือความไม่เท่าเทียมออกมาอย่างชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ป่วยไวรัสโควิดทั้งหมดนั้น คนผิวดำจะเสียชีวิตที่อัตรา 50% ในขณะที่คนผิวขาวจะเสียชีวิตอยู่ที่อัตรา 20% และชาวเอเชียกับลาตินจะเสียชีวิตอยู่ที่ 23%
จะเห็นได้ว่านอกจากอัตราการเสียชีวิตของคนผิวขาวจะน้อยที่สุดแล้ว การเสียชีวิตของคนผิวดำนั้นยังสูงกว่ากือบ 3 เท่า ! ทั้งนี้เป็นเพราะคนผิวดำกำลังได้รับการดูแลเป็นลำดับสุดท้าย จากการสัมภาษณ์ชาวผิวดำในประเทศนั้นพบว่าอย่าว่าแต่การได้รับการดูแลในโรงพยาบาลเลย แค่จะขอรับการทดสอบไวรัส (Testing) นั้นก็ยากมากๆแล้ว
เพราะชาวผิวดำทั้งประเทศเห็นสถิติแบบนี้ ประกอบกับเห็นคลิปการเสียชีวิตของฟลอยด์ ความโกรธแค้นจึงปะทุขึ้นมา
2️⃣ เรื่องของการที่ตำรวจในสหรัฐจะเข้าข้างชาวผิวขาวก่อนนั้นเป็นที่รู้กันอย่างชัดเจน
ก่อนที่เรื่องราวของฟลอยด์ จะเกิดขึ้น 1 วันก็ได้มีหนึ่งในโดมิโนอีกคดีที่ได้ล้มไป โดยได้มีคลิปของเอมี่ คูเปอร์ (Amy Cooper) สาวผิวขาวที่กำลังเรียกตำรวจมาจับชายผิวดำ เพียงเพราะเขาขอให้เอมี่ใช้ปลอกคอสุนัขตามกฏของสวน Central Park ใน New York
คลิปนี้นั้นโดนแชร์และต่อวันกันไปทั่วประเทศ (ทางเราจะแชร์ไว้ให้ในคอมเม้นท์) เหตุการณ์นั้นมีง่ายๆว่าหลังจากที่ชายผิวดำได้ขอให้เอมี่ใช้ปลอกคอสุนัข ทางเอมี่กลับโทรฟ้องตำรวจ และวาจาที่ใช้นั้นคือตั้งใจพูดว่า #ชาวผิวดำ กำลังหาเรื่องดิฉันอยู่ในสวน โดยย้ำคำว่าผิวดำถึง 2-3 ที ทำให้ถ้อยคำนั้นแสดงให้เห็นชัดเลยว่าเอมี่ (และชาวผิวขาวอีกจำนวนมาก) อาจเป็นที่รู้กันว่าทางตำรวจจะต้องเข้าข้างพวกเขาแน่ๆหากได้ยินแบบนี้
3️⃣ อีกหนึ่งเรื่องของชาวผิวดำชื่อ Armas Arbury ที่ถูกชาวผิวขาวยิงแล้วลอยนวล
เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แต่กลับเป็นคำตัดสินของศาลในอาทิตย์นี้ที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นอีกหนึ่งในโดมิโนที่เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ขึ้น
นาย อามาส อาบิวรี่ (Armas Arbury) ชายผิวดำในรัฐจอร์เจีย โดนกลุ่มชายผิวขาว 2 คนไล่ยิงอย่างไม่มีที่มา ถึงแม้เหล่ากลุ่มชายผิวขาวจะโดนจับกุมและคดีนี้ดูเหมือนควรจะโดนลงโทษอย่างชัดเจน แต่ศาลกลับขอเวลาในการพิจารณาสืบสวนนานถือสองเดือน และในที่สุดแม้จะมีการตัดสินโทษแต่ก็ปล่อยให้ประกันตัวไปได้
⛔️ เหตุการณ์เหล่านี้และคงมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่มาเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆกันในอาทิตย์นี้ เป็นเหตุให้ชาวผิวดำทั่วประเทศสหรัฐออกมาประท้วงและใช้ #Black_Lives_Matter ออกมาเรียกร้องความเท่าเทียมอีกครั้ง
เหตุผลที่ จอร์จ ฟลอยด์ ต้องเสียชีวิตนั้นก็เพราะว่าตำรวจส่วนใหญ่ในสหรัฐคงใช้วิธีคุกเข่าลงบนขอจับกุมเหล่าผู้ต้องสงสัยผิวดำเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดว่าฟลอยด์จะเสียชีวิต แต่เหตุการณ์รุนแรงครั้งอื่นๆคงไม่ทำให้เกิดกระแสพอที่จะมาลงเป็นข่าว เพราะคงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วในสังคนอเมริกา
กระแสความรุนแรงในอเมริกาในตอนนี้นั้นกำลังมีอยู่สองความเห็นอย่างชัดเจน บางฝ่ายบอกว่าการที่กลุ่มผู้ประท้วงออกมาปล้นระดมร้านค้านั้นถือว่ารุนแรงเกินไป แต่บางกลุ่มก็มองว่าสมควรโดนปล้นแล้วเพราะกลุ่มคนผิวสีกำลังโดนปล้นสิทธิความเท่าเทียมและทางกฏหมายอยู่แล้วในทุกๆวัน แล้วอะไรจะมาเป็นตัวตัดสินว่าพวกเขาควรเคารพกฏในการไม่ปล้น ?
⛔️ ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์การประท้วงนี้อย่างใกล้ชิดเพราะนอกจากจะมีผลต่อเศรษฐกิจและการเลือกตั้งของสหรัฐแล้ว ยังอาจมีผลไปถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสังคนในสหรัฐเลยทีเดียว
#ทันโลกกับTraderKP
โฆษณา