31 พ.ค. 2020 เวลา 03:56 • ข่าว
Breaking !! : สถานการณ์ประท้วงในสหรัฐฯ ปัจจุบันได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ขณะที่ 25 เมืองใน 16 รัฐได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทางฝั่งทรัมป์กำลังสร้างความแตกแยกภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมส่งหน่วยรักษาความมั่นคงแห่งชาติเข้าควบคุมสถานการณ์
การประท้วงเรื่องการตายของ George Floyd ในสหรัฐฯ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และได้แผ่ขยายวงกว้างขึ้นไปเกือบทั่วทุกรัฐภายในประเทศ ขณะที่ความรุนแรงนั้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน
รัฐ Washington จำเป็นต้องเรียกใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (The National Guard) เพื่อช่วยสนับสนุนตำรวจในการปราบจลาจลครั้งนี้
ขณะเดียวกันก็มีอีกอย่างน้อย 25 เมืองใน 16 รัฐของประเทศที่จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยตัวอย่างรัฐที่สำคัญมีดังนี้
(1.) California - เมือง Beverly Hills และ Los Angeles
(2.) Colorado - เมือง Denver
(3.) Georgia - เมือง Atlanta
(4.) Illinois - เมือง Chicago
(5.) Kentucky - เมือง Louisville
(6.) Minnesota - เมือง Minneapolis และ St. Paul
(7.) New York - เมือง Rochester
(8.) Oregon - เมือง Eugene และ Portland
(9.) Pennstlvania - เมือง Philadelphia และ Pittsburgh
(10.) Washington - เมือง Seattle
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เกิดขึ้นหลังจากความรุนแรงของการประท้วงทวีคูณขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแพร่กระจายไปยังเกือบทั่วทุกรัฐภายในประเทศ
ข้อกำหนดของกฏหมายฉุกเฉินตอนนี้ก็คือ "ห้ามผู้คนออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 20.00 น. จนถึง 6.00 น." โดยอาจมีช่วงเวลากำหนดที่แตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละเมือง หรือแต่ละรัฐ
อย่างไรก็ตาม ความโกรธแค้นของผู้ประท้วงนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงไปเลย แม้รัฐบาลจะประกาศข้อบังคับฉุกเฉินใหม่ และได้สั่งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ เข้ามาช่วยเหลือตำรวจในการตรึงพื้นที่ และปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วง
ฝั่งทรัมป์ ได้สร้างความแตกแยกระหว่างสีผิวให้มากขึ้น โดยการทวีตเตอร์ว่า
"80% of the RIOTERS in Minneapolis last night were from OUT OF STATE. They are harming businesses (especially African American small businesses), homes, and the community of good, hardworking Minneapolis residents who want peace, equality, and to provide for their families."
80% ของผู้ก่อจลาจลในเมือง Minneapolis เมื่อคืนนี้มาจากภายนอกรัฐฯ และพวกเขากำลังทำลายธุรกิจต่าง ๆ (โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน) รวมถึงบ้าน และสังคมที่ดีของประชาชนผู้ทำงานหนักใน Minneapolis ซึ่งเป็นผู้ต้องการความสงบ ความเท่าเทียมกัน ให้แก่ครอบครัวของพวกเขา
แต่อีกฟากหนึ่งของความจริงนั้น...สำนักข่าว Fox9 ซึ่งเป็นสื่อประจำการที่ Minneapolis และสำนักข่าว RT ของรัสเซีย ได้รายงานตรงกันข้ามกับคำพูดของทรัมป์อย่างสิ้นเชิง โดยกล่าวว่า "ผู้คนที่ถูกจับใน Minneapolis เมื่อคืนกว่า 80% มีภูมิลำเนาอยู่ในเมือง Minneapolis เช่นกัน"
Comment : สำหรับตรงนี้เอง หากผู้อ่านติดตามสถานการณ์ทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะรู้ได้ว่าคำพูดของทรัมป์นั้นไม่มีมูลความจริงอยู่เลย เนื่องจากเขาเองเป็นชาตินิยมสูงมาก และเป็นคนเหยียดสีผิวเองด้วยซ้ำไป
ฉะนั้นแล้วการที่เขาจะออกมาปกป้องคนผิวดำ โดยกล่าวว่ามีคนจากนอกรัฐเข้ามาทำลายทรัพยากรของเมือง Minneapolis นั้นเป็นเรื่องที่ไม่จริงอย่างแน่นอน แต่ที่เขาพูดก็เพราะว่า "เขาต้องการสร้างความแตกแยกให้มากขึ้นระหว่างคนผิวขาวและคนผิวดำ"
ถ้าพูดกันตามความเห็นของ World Maker จริง ๆ นั้น ขอบอกเลยว่าสหรัฐฯ จะเละกว่านี้อย่างแน่นอน โดย World Maker คิดว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของความวิบัติในสหรัฐฯ ณ ปัจจุบันนี้ มาจากความล้มเหลวของกลุ่มผู้มีอำนาจในประเทศถึงกว่า 80% และมาจากประชาชนเพียงไม่ถึง 20%
ส่วนทางฝั่งของตลาดหุ้น คาดว่าวันจันทร์นี้ถูกเทขายอีกตามเคย แต่ถามว่ารัฐบาลจะเข้าไปอุ้มเพิ่มไหม ขอเดาว่าอุ้มเพิ่มแน่นอนครับ
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
โฆษณา