31 พ.ค. 2020 เวลา 08:26
5 ข้อสังเกต ที่เป็นปมของคนสีผิวในสหรัฐอเมริกา
ด้วยความที่เป็นประเทศเสรี และเป็นประเทศเกิดใหม่ สหรัฐอเมริกาจึงเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติของประชากรมากที่สุดประเทศหนึ่ง
1.คนแอฟริกัน-อเมริกัน หรือคนผิวสีในอเมริกามีมากกว่า 40 ล้านคน หรือประมาณ 13% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆด้วย ซึ่งเกิดจากการอพยพเข้ามา
ในช่วง10ปีมานี้ มีผู้อพยพ (ไม่นับเป็น citizen)เข้ามา จาก 8 แสนคน เป็น 4 ล้านกว่าคน!!
คนกลุ่มนี้ย่อมเป็นแรงงานนอกระบบ โดนกด โดนเอาเปรียบ รวมไปถึงมีโอกาสก่ออาชญากรรมสูงกว่า
2. ช่องว่างทางการศึกษาระหว่างคนผิวดำและคนผิวขาวในสหรัฐอเมริกา
ในประชากร คนขาวมี %สำเร็จการศึกษา high school สูงกว่าคนสีผิวประมาณ 10-20% แต่ gap นี้ก็แคปลงเรื่อยๆ แต่ถ้าถัวกันทั้งประเทศ คนจบ high school มีสูงถึงประมาณ 90%
5
3. ช่องว่างทางเศรษฐกิจ อันนี้เป็นสิ่งที่ชัดมากๆ คือมีความต่างกันของรายได้ประมาณสิบเท่าตัว
1
คือประมาณ17,000กับ 170,000 usd
ซึ่งความแตกต่างนี้ เป็นมาตั้งแต่สมัย hamburger crisis ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้ง
4. ยุค Obama เป็นปธน. ทำท่าจะดีขึ้น
แนวโน้มการเหยียดเชื้อชาติดูดีขึ้นก็จริง แต่มันเป็นเพียงผิวเผิน การจะแก้ปัญหานี้ได้ คงต้องปลูกฝังกันนับสิบปี
ดังนั้นเมื่อหมดสมัย Obama ก็มีคนที่พร้อมจะเหยียดต่อ เช่น Trump มากวนน้ำที่ขุ่น ให้ขุ่นยิ่งขึ้น เคยมีการทำสำรวจ พบว่า ประมาณ 80% ของประชาชน คิดว่าการเหยียบสีผิวเป็นปัญหาสำคัญ(เพิ่มขึ้นจาก10ปีก่อนเท่าตัวนึง)
แต่สัดส่วนนี้ ถ้าถามเฉพาะคนผิวขาว จะพบว่าประทาณ 50% ของคนผิวขาวที่รู้สึกว่าการเหยียดผิวมีจริง และ 22% เท่านั้นที่บอกว่ามันเป็นปัญหา
คนดำบอก มี80% คนขาวบอกมี 50% แค่นี้ก็เห็นแล้ว ว่าการรับรู้ของปัญหาไม่เท่ากัน ต้องมีคนขาวส่วนนึงที่อาจจะไม่เคยรู้ตัวเลยว่าทำให้คนดำรู้สึกถูกแบ่งแยกอยู่
5. โอกาสที่ไม่เท่าเทียมของคนผิวดำในอเมริกา
คนผิวดำรู้สึกเป็นผู้ถูกกระทำ มาตลอด ยิ่งเมื่อทรัมป์เป็นปธน. คนผิวดำยิ่งรู้สึกว่า นโยบายส่วนมาก ออกมาเพื่อช่วยเหลือคนขาว
ซึ่งก็เหมือนกัน ถ้าถามฝั่งคนผิวขาว ก็บอกว่า ไม่นี่ นโยบายสำหรับทุกคน ยุติธรรมมากๆ
แต่ถ้าถามฝั่งคนผิวสี ก็จะบอกว่า นโยบายส่วนมาก ไม่ได้ช่วยเหลือคนผิวสีเอาซะเลย
ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะปมในใจที่ฝังลึกจนเกินจะมองเห็นด้วยสายตาคนภายนอก
เมื่อมี COVID-19 ปมความขัดแย้งก็สูงขึ้นอีก เพราะมีคนตั้งข้อสังเกตว่า คนผิวสีเสียชีวิตมากกว่าคนขาว ซึ่งอาจจะสืบเนื่องมาจากระบบสุขภาพที่ไม่เท่ากันอยู่เดิม ทำให้การเข้าถึงสาธารณสุขไม่เท่ากัน ทั้งความเป็นอยู่ที่แออัดของคนกลุ่มนี้ ทำให้โอกาสติดเชื้้อสูงกว่าคนขาวก็เป็นได้
จนมาประเด็นของฟลอย เป็นฟางเส้นสุดท้าย พังเขืี่อนความอดทนของคนผิวดำ ร่วมกับกลุ่มคนที่ต้องการ"เสรีภาพ" อย่างแท้จริง ซึ่งเค้าอาจจะอดทนมาจากช่วง COVID รึป่าวก็ไม่รู้ ที่รู้สึกเหมือนโดนจำกัดอิสรภาพไป ออกมาร่วมกันทำในสิ่งที่คนนอกมองว่าเกินกว่าเหตุ
ประท้วงแค่ 3 วัน เผากันขนาดนี้ บุกCNN ฯลฯ
แสดงถึงความอดทนที่หมดสิ้นกันแล้ว มั่วไปหมด พอการชุมนุมเละเทะ คนฉวยโอกาสก็มาจะขาวจะดำ ไม่รู้เข้าปล้นร้านค้าต่างๆ เละยิ่งกว่าเละเลยตอนนี้
หรือบางที เสรีภาพที่มากเกินไป อาจจะทำให้ความอดทนต่อสิ่งต่างๆลดลง ก็ไม่รู้
ที่มา:abnewstoday2017,CNN,voice of america,AFP
โฆษณา