31 พ.ค. 2020 เวลา 12:45 • ความคิดเห็น
ทรัมป์เดินเกมเสี่ยงไป
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
เรียนรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพไปเมื่อวานนี้ว่า มีการประท้วงครั้งรุนแรงในสหรัฐ โดยเริ่มจากเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา เป็นการประท้วงการใช้ความรุนแรงของตำรวจผิวขาวที่กดคอนายจอร์จ ฟลอยด์ อเมริกันผิวสี นานกว่า 8 นาทีจนขาดใจตาย
การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่อคนผิวสีในสหรัฐมีอย่างต่อเนื่อง ใช้ความรุนแรงกันทีก็มีการประท้วงกันที แต่ครั้งนี้มีการใช้ความรุนแรงบวกกับวิกฤติโควิด-19 ผสมกับวิกฤติเศรษฐกิจ การประท้วงจึงบานปลายขยายไปใหญ่โต
ขณะที่ผมเรียนรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพอยู่ในขณะนี้ การประท้วงรุนแรงลามปามเป็นขี้กลากลากไปแล้วมากกว่า 25 เมือง นำความสับสนวุ่นวายโกลาหลอลหม่านให้บ้านเมืองจนทางการสหรัฐต้องประกาศเคอร์ฟิวหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน และประกาศว่าจะใช้กำลังของรัฐเข้าระงับความรุนแรง
https://www.abc.net.au/news/2020-05-30/minneapolis-riots-pivotal-time-us-race-relations-george-floyd/12303170
‘มิคสัญญี’ หมายถึง ความรู้สึกว่าผู้อื่นเป็นสัตว์ที่ตนต้องล่า ‘ยุคมิคสัญญี’ คือ ยุคที่ผู้คนไล่ล่าฆ่าฟันกัน ซึ่งมิคสัญญีในสหรัฐลามปามไปตามเมืองใหญ่ทั้งกรุงวอชิงตัน นิวยอร์ก ชิคาโก ลอสแองเจลิส แอตแลนตา ฟิลาเดลเฟีย ฯลฯ ผู้ประท้วงจุดไฟเผารถยนต์ สถานที่ราชการ อาคารร้านค้าต่างๆ ทุบทำลายข้าวของ ปล้นสะดม ฯลฯ จนมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
เหตุการณ์น้ำผึ้งหยดเดียวครั้งนี้ มีผู้นำทางการเมืองอย่างอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ออกมาเรียกร้องให้ทางการมินนิโซตาสอบสวนเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการปฏิบัติกับทุกคนในชาติอย่างเท่าเทียมไม่ว่าเชื้อชาติดั้งเดิมของผู้คนจะมาจากไหน
นอกเหนือจากนายโอบามา นักร้อง นักแสดง คนดังทั้งสหรัฐต่างออกมาประณามความอยุติธรรมและการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจกันอย่างมาก
ความกลัวว่าจะมีการต่อต้านสหรัฐกระจายขยายไปในทวีปแอฟริกา เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกา เริ่มออกมาพูดตำหนิรัฐบาลตนเอง
อย่างเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำคองโก เคนยา อูกันดา ต่างออกแถลงการณ์ว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย รวมทั้งมาดรามาว่าตนเองไม่สบายใจต่อการตายของนายจอร์จ ฟลอยด์ พวกทูตพูดเอาใจคนแอฟริกันว่า ผู้รักษากฎหมายจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
ผมเขียนบทความต่างประเทศมานานกว่า 23 ปี ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ทูตสหรัฐออกมาแถลงแสดงความเห็นต่อรัฐบาลของตัวเองผ่านสื่อ
แต่ทรัมป์ไม่แคร์ดอกครับ แกทวีตโยนน้ำมันลงไปในกองไฟทำให้คนอเมริกันขัดแย้งกันมากขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ ทรัมป์ยังไปเล่นงานจีนด้วยการเอาเรื่องของฮ่องกงมาโจมตี
ฮ่องกงมีประท้วงรุนแรง รัฐบาลจีนจึงแก้ไขด้วยการเตรียมบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ ทรัมป์เห็นว่าสหรัฐสามารถจะใช้เรื่องกฏหมายความมั่นคงเล่นงานจีนได้ แกเริ่มประกาศว่าจะการยกเลิกสถานะพิเศษด้านการค้าและการเดินทางของฮ่องกง
ทรัมป์ไม่ถือว่าฮ่องกงเป็นดินแดนที่แยกการปกครองออกมาจากจีนอีกต่อไป จีนและพวกข้าราชการฮ่องกงทำกับชาวฮ่องกงอย่างนี้ สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกง
https://www.politico.com/news/2020/05/29/trump-revoke-hong-kong-trade-privileges-china-289893
การกระทำของทรัมป์คือการแทรกแซงกิจการภายในประเทศของจีนอย่างแท้จริงนั่นเองครับ
ถ้าฮ่องกงเสียสิทธิพิเศษทางการค้า ผมขอทำนายทายว่าบริษัทอเมริกันและบริษัทต่างชาติที่อิงตะวันตกจะย้ายฐานออกจากฮ่องกง ซึ่งตอนนี้มีบริษัทอเมริกันตั้งฐานอยู่ในฮ่องกงมากกว่า 1,200 บริษัท โดย 800 บริษัทคือสำนักงานใหญ่หรือสำนักงานระดับภูมิภาค
ฮ่องกงกับสหรัฐค้าขายกันมายาวนาน และเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับที่ 21
ทรัมป์เปิดหน้าชกพร้อมกันทั้งกับประชาชนคนอเมริกันของตนเองและศัตรูคู่แข่งอย่างจีน ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าทรัมป์ทำอย่างนี้ทำไม ทำแล้วประเทศที่ตัวเองเป็นประมุขอยู่ร้อนเป็นไฟ ไม่ได้ประโยชน์
จีนและสหรัฐต่างเจอโควิด-19 แต่สหรัฐพบหายนะสูงกว่าจีนมาก เล่นกับจีนคราวนี้ สหรัฐเสี่ยงเหลือเกิน.
โฆษณา