6 มิ.ย. 2020 เวลา 02:19 • การศึกษา
สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนังสือ "คนเก่งพักเป็น" PEAK PERFORMANCE
1
ต้องขอบอกเลยว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งในหนังสือในดวงใจในปี 2020 เนื่องจากตัวผมเองได้ทำงานหนักมาตลอดเวลาและคิดว่า"เราจะต้องใช้เวลาให้เกิด productive มากที่สุด" ซึ่งแน่นอนผลลัพธ์ยอมออกมาตามที่ตัวเองหวัง แต่ต้องแลกกับการเสียสมดุลของชีวิตไป ในเรื่องของความสุขจากการพักผ่อนที่คิดว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้เราไม่พัฒนา ผมจึงอยากหาความสมดุลให้กับชีวิตในแบบที่ทำงานให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้นและได้มีเวลาพักผ่อนทำในสิ่งที่เราคิดว่าไร้สาระแต่หลั่งโดปามีนมาให้เรามีความสุขบ้าง
และแล้วหนังสือเล่มนี้ก็ตอบทุกคำถามที่มีอยู่ในหัวของผมและได้เข้ามาจัดการกับความเข้าใจที่ผิด ๆ และช่วยปรับ mindset ให้กับผม แน่นอนการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ต้องเริ่มจากการลงมือทำและผมนั้นได้รับรู้แล้วว่า "สมดุลของการทำงาน" มันเป็นยังไง
ภาพจาก www.pexels.com
ผลงงานหนังสือเล่มนี้เป็นของสองผู้เขียนร่วมกันอย่าง Brad Stulberg และ Steve Magness แบรด เคยเป็นนักศึกษาที่พาตัวเองก้าวข้ามขีดจำกัดของการทำงานของเขาในวัย 20 กว่า ๆ กับการทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทระดับพันล้านดอลล่าร์และรัฐบาล และ สตีฟนักวิ่งที่สามารถทำลายสถิติของนักกีฬาอาชีพได้ในวัยแค่ 18 ปี และทั้งสองก็เริ่มด้วยการทำงานหนักจนประสบความสำเร็จและจบด้วยการหยุดก้าวหน้าในความสามารถของตัวเอง ทำให้ทั้งสองตัดสินใจศึกษาหาวิธีเพิ่มศักยภาพของร่างกายและจิตใจให้พัฒนาก้าวขีดจำกัดไปอีกถึงแม้อายุคุณจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเลขในหนึ่งปี แต่ศักยภาพของคุณนั้นเพิ่มขึ้นตีราคาเป็นตัวเลขไม่ได้อย่างแน่นอน
ผมจะสรุปสิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้เป็น concept หลัก ๆ ถ้าคุณผู้อ่านสนใจสามารถไปซื้อหาอ่านได้ครับ ผมแนะนำคุณจะได้นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตของคุณเองได้
⭐️ต้องรู้จักการสลับระหว่างความตึงเครียดกับการพักผ่อน
⭐️สมการการพัฒนาคือ ความตึงเครียด + พักผ่อน = พัฒนา
⭐️ต้องรู้จักการสลับระหว่างความตึงเครียดกับการพักผ่อน
⭐️สมการการพัฒนาคือ ความตึงเครียด + พักผ่อน = พัฒนา
⭐️มองหา"ความท้าทายที่ยากจนเกือบทำไม่เสร็จ" เป็นการสร้างความเครียดให้กับเราได้ดี ถ้าทำมันควบคู่ไปการพักผ่อนเราจะเกิดการพัฒนา
⭐️กำหนดวัตถุประสงค์ที่จับต้องได้ทุกครั้งก่อนเริ่มทำงานที่สำคัญ
⭐️ต้องตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่ แม้ว่างานที่ทำอาจไม่ค่อยสนุกก็ตาม
⭐️ถ้าอยากทำให้เกิดสมาธิมากขึ้น การกำจัดสิ่งรบกวนอย่างโทรศัพท์ออกไปจะช่วยได้มาก
1
⭐️ทำงานทีละอย่าง
⭐️คุณภาพอยู่เหนือปริมาณ
⭐️ทำงานเป็นช่วง ๆ แบ่งเวลาทำงานช่วงละ 50 - 90 นาที ถ้ามากก็สามารถลดลงได้
⭐️ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องตั้งสมาธิกับมันได้อย่างต่อเนื่องไม่เกิน 2 ชั่วโมง
⭐️สร้างกรอบความคิดที่ท้าทาย เพราะทัศนคติเป็นตัวกำหนดวิธีตอบสนองของคุณทุกสิ่ง
⭐️ในสถานการณ์ตึงเครียด คุณต้องเตือนตัวคุณเองว่านี่เป็นวิธีตามธรรมชาติที่ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทาย
⭐️พยายามมองว่าความตึงเครียดเป็นสิ่งที่ดีและพร้อมอ้าแขนรับความเครียด คุณจะทำงานได้ดีขึ้นและสุขภาพของคุณก็จะดีขึ้น
⭐️กล้าที่จะให้ตัวเองได้พักบ้าง
⭐️การนั่งสมาธิก็เป็นกิจกรรมพัฒนาสมอง
⭐️เวลารู้สึกเครียดให้คุยกับตัวเองเพื่อตั้งสติ อย่าลืมว่าคุณสามารถแยกแยะอารมณ์ออกจากความรู้สึกอยู่ได้
⭐️รู้ว่าเมื่อไหร่อยากจะตัดขาด ทิ้งความเครียดไว้เบื้องหลัง การหายใจเข้าลึก ๆ จะช่วยได้
⭐️ฉลาดพักและปล่อยให้จิตใต้สำนึกทำงานบ้าง
⭐️เวลาทำงานหนัก ๆ และเจอทางตัน ให้คุณกล้าที่พัก
⭐️ให้ความสำคัญกับการนอน
✨นอนอย่างน้อยวันละ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
✨พยายามออกไปเจอแสงธรรมชาติ
✨การออกกำลังกายช่วยให้เรานอนได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรออกกำลังกายใกล้ ๆ เวลานอน
✨จำกัดคาเฟอีนที่ร่างกายได้รับ และงดคาเฟอีนอย่างน้อยในช่วง 5-6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
✨เตียงของคุณมีไว้สำหรับการนอนและมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น อย่ากินอาหาร ดูโทรศัพท์ ทำงาน หรือ กิจกรรมอื่น ๆ บนเตียง เว้นแต่คุณอ่านหนังสือบนเตียงได้
✨ไม่ควรทำกิจกรรมที่ยากและเครียดหลังอาหารเย็น ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้สมองหรือร่างกาย
⭐️ถ้าคุณเกิดง่วงในช่วงบ่ายขึ้นมา ให้คุณลองงีบหลัง 10-30 นาทีเพื่อฟื้นฟูพลังและสมาธิ
⭐️ไม่ว่าคุณทำงานอะไร ให้พักอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน
⭐️วางแผนวันหยุดอยู่ถัดจากช่วงที่มีความตึงเครียด
⭐️ยิ่งเครียดมาก ยิ่งต้องพักมาก
⭐️ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดแค่ 1 วันหรือวันหยุดยาว ขอให้คุณตัดขาดจากงานจริง ๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ คุณจะได้สนุกไปกับกิจกรรมที่ผ่อนคลายเพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
⭐️ออกแบบกิจวัตรของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
⭐️ลองหาว่าสภาพจิตใจและร่างกายที่พร้อมสำหรับทำงานของคุณคือแบบไหน
⭐️พัฒนาชุดท่าหรือกิจวัตรบางอย่างที่ช่วยให้จิตใตและร่ายกายของคุณพร้อมที่สุด
⭐️อารมณ์สามารถส่งผลต่อการทำงาน ถ้าอารมณ์ดี ทุกอย่างจะดี
⭐️ทำงานที่เดิมและใช้ของเดิม ๆ ตลอดเพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการ"เริ่ม"ทำงาน
⭐️สภาพแวดล้อมที่คุณสร้างไว้จะส่งผลต่อสมองส่วนลึกทำให้คุณทำงานได้มากขึ้น
⭐️ทำให้บ่อยและสม่ำเสมอ
⭐️ถ้าเป็นไปได้ ให้ลองหาตัวกระตุ้นกิจวัตรเดิมทุกครั้งก่อนเริ่มพฤติกรรมที่ได้จับคู่กันไว้ เวลา หรือสิ่งของ
⭐️กิจวัตรที่ดีที่สุดจะไม่เกิดประโยชน์เลยถ้าคุณไม่ทำมันเป็นประจำ
⭐️การทำน้อยสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ได้มาก
⭐️ทบทวนการตัดสินใจทุกอย่างในแต่ละวัน
⭐️หาว่าเรื่องไหนที่มีความสำคัญต่อคุณจริง ๆ
4
⭐️อย่าเอาพลังงานสมองไปเสียกับการซุบซิบนินทา
⭐️อย่าเอาพลังงานสมองไปเสียกับความกังวล
⭐️ลองคิดถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการตัดสินใจของคุณ
⭐️เก็บช่วงที่ตื่นตัวที่สุดไว้ทำงานที่สำคัญที่สุด
⭐️จัดตารางให้งานที่ใช้ความพยายามน้อยอยู่ในช่วงตื่นตัวน้อย
⭐️อย่าพยายามต้านทานความเหนื่อยล้า แต่ให้ใช้เวลานี้ในการพักฟื้นและสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ
⭐️จงตระหนักถึงพลังจากคนรอบตัวของคุณ
⭐️พลังทางบวก แรงจูงใจ และแรงขับเคลื่อนล้วนแพร่กระจายได้ ดังนั้นคุณควรสร้างแรงสนับสนุนรอบ ๆ ตัวขึ้นมาด้วย ท่ามกลางขิงคนที่ให้ค่ากับงาน
⭐️เมื่อคุณคิดบวกและแสดงแรงจูงใจออกมา มันไม่เพียงแต่จะช่วยตัวคุณเองเท่านั้น คนรอบข้างคุณก็ได้ผลด้วย
⭐️ความคิดแง่ลบและการมองโลกในแง่ร้ายสามารถส่งต่อจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นคุณอย่าไปทนอยู่กับมันมากเกินไป
⭐️การลงมือทำ คือกุญแจที่สามารถไขประตูแห่งโอกาสได้เสมอ
⭐️ไม่มีอะไรมาแทนที่การลงมือทำอย่างต่อเนื่องทุกวันเพื่อขัดเกลาฝีมือได้
⭐️ทัศนคติจะเกิดขึ้นหลังพฤติกรรม บางครั้ง สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือ การลงมือทำมัน
⭐️เอาชนะอัตตาของคุณ อัตตา หรือ “ตัวตน” ของเรามีหน้าที่คือปกป้องตัวเอง มันจึงรั้งไม่ให้เราใช้ความสารถที่แท้จริงของเราได้
⭐️ถ้าเราทำตามเป้าหมายที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่กลับทำเพื่อผู้อื่น อัตตาข
องเราจะลดลง
⭐️คิดเรื่องตัวเองให้น้อยลง คือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาตัวเอง
⭐️วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มแรงจูงใจคือ การเชื่อมโยงงานของเราเข้ากับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
⭐️การทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือคนอื่นไม่เพียงทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น แต่มันทำให้คุณทำงานได้ดีขึ้นด้วย
⭐️เงื่อนไขของ การให้ 2 ข้อกคือ
1. คุณต้องเชื่อมโยง การให้ กับงานที่คุณทำ
2.คุณต้องให้โดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน
⭐️เขียนเป้าหมายและแปะเอาไว้ตามที่ต่าง ๆ เพื่อย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
ภาพจาก https://www.pexels.com
ชื่อหนังสือ : "คนเก่งพักเป็น" (Peak performance)
เขียนโดย : Brad Stulberg , Steve Magness
แปลโดย : สุกัญญา ไทเตชะวัฒน์
หมวดหมู่ : พัฒนาตนเอง
สำนักพิมพ์ : บิงโก
จำนวนหน้า : 231 หน้า
ราคา : 225 บาท
สามารถหาซื้อได้ร้านค้าหนังสือชั้นนำทั่วไป
ติดตามผลงานช่องทางอื่น ๆ ได้ที่
โฆษณา